|
|
|
ปฏิทินการท่องเที่ยวเชียงราย |
|
|
กุมภาพันธ์ February
|
|
 |
งานประเพณีนมัสการและสรงน้ำพระธาตุเจ้าดอยตุง (ขึ้น 14 - 15 ค่ำ เดือน 4)
ณ วัดพระมหาชินธาตุเจ้าดอยตุงและบริเวณลานพระบรมธาตุเจ้าดอยตุง ตำบลห้วยไคร้ อำเภอแม่สาย
28 กุมภาพันธ์ - 1 มีนาคม 2561
Phathat Chao Doi Tung Worshipping and Bathing Seremony
At Pramaha Chinnathat Chao Doi Tung and In front of Phra Boromthat Chao Doitung, HuayKrai District Maesai SubDistrict Chiangrai
28 February - 1 March 2018
|
|
ประวัติและความเป็นมาของประเพณีนมัสการพระธาตุดอยตุง
พระธาตุดอยตุง ตั้งอยู่ตำบลห้วยไคร้ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เป็นโบราณสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา สร้างมาแต่โบราณกาล และเป็นหลักฐานแรกที่พระพุทธศาสนา เข้ามาประดิษฐานในล้านนา ตามประวัติตำนานได้กล่าวไว้ว่า พระมหากัสสะปะเถระเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ได้อาราธนาอัญเชิญเอายังพระบรมสารีริกธาตุกระดูกไหปลาร้า (พระรากขวัญเบื้องซ้าย) ของพระพุทธเจ้า มามอบถวายแด่พระเจ้าอุชุตราชเจ้าผู้ครองนครนาคพันธ์โยนกชัยบุรี รัชกาลที่ ๓ แห่งราชวงศ์สิงหนวติ เป็นประธานพร้อมด้วยมุขมนตรีเสวกอำมาตย์ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินของพระองค์ ได้นำเอาพระบรมสารีริกธาตุขึ้นมาบรรจุสร้างขึ้น ณ ที่ดอยดินแดง (คือดอยตุงปัจจุบัน) สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.๑๔๕๔
เมื่อแรกก่อสร้างพระสถูปเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ได้ทำธงตะขาบ หรือภาษาพื้นเมืองเรียกว่า ตุง ใหญ่ ยาว หลายพันวา ปักไว้บนยอดดอยดินแดงคู่กับพระธาตุ ตุงขนาดมหึมานี้ ได้ทอดร่มเงาปกคลุมบ้านเมือง ที่ตั้งอยู่บนที่ราบเบื้องล่าง ให้มีความร่มเย็น ยอดเขาอันเป็นที่ตั้งองค์พระธาตุ จึงได้รับการเรียกสืบต่อกันมาว่า ดอยตุง
ต่อมาอีก ๑๐๐ ปี มีพระอรหันต์องค์หนึ่งชื่อว่า พระมหาวชิรโพธิเถร ได้นำเอาพระบรมสารีริกธาตุมามอบถวายให้พระเจ้ามังรายะนะธิราช แล้วจึงได้พร้อมใจกันนำเอาพระบรมธาตุขึ้นบรรจุสร้างใหม่ขึ้นมาอีกองค์หนึ่งบนดอยตุง พร้อมได้ปฏิสังขรณ์องค์เดิม จากนั้นมาก็ไม่ปรากฏหลักฐานรายนามผู้บูรณปฏิสังขรณ์
พ.ศ.๒๔๗๐ ครูบาศรีวิชัย นักบุญผู้ยิ่งใหญ่แห่งลำพูน พร้อมด้วยคณะศรัทธาชาวพุทธได้ทำการปฏิสังขรณ์องค์พระเจดีย์ พระวิหาร พระประธาน กาลเวลาผ่านพ้นมานานวิหารและพระประธานก็ถูกภัยธรรมชาติครอบงำชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ส่วน องค์พระเจดีย์นั้นยังมีรูปทรงปกติดีอยู่
ต่อมาประมาณปี พ.ศ.๒๔๙๙ ได้มีอุบาสิกาผู้ หนึ่งอยู่ในจังหวัดพะเยา ชื่อว่า นางทองคำ ฮั้นตระกูล ได้มีกุศลเจตนาอันยิ่งใหญ่ ทำการลงรักปิดทองพระเจดีย์ทั้ง ๒ องค์ ให้เหลืองอร่ามไปทั่ว
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๐ องค์สรภาณมธุรส (บ๋าวเอิง) เจ้าอาวาสวัดสมานัมบริหาร กทม. พร้อมด้วยอุบาสิกา ทองคำ ฮั้นตระกูล ได้ทำการก่อสร้างอุโบสถ ขึ้นหนึ่งหลังพร้อมทั้งพระประธานในอุโบสถ พระสาวก หมอชีวกโกมารภัจ
ต่อมาเมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๕๐๗ ก็ได้มีการดำริในการที่จะบูรณะองค์พระธาตุดอยตุงครั้งใหญ่ ซึ่งได้ใช้เวลาเตรียมการและหาทุนต่อเนื่องกันมาเป็นเวลาหลายปี ถึง พ.ศ.๒๕๑๔-๒๕๑๖ จึงได้ดำเนินการก่อสร้างเสร็จไป ๑ องค์พระธาตุ ๒ วิหารหลวงที่ประดิษฐานพระประธานสิงห์หนึ่งเชียงแสน ๓ พระประธานสิงห์หนึ่ง ซึ่งได้กราบทูลสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เสด็จมาเป็นองค์เททอง
ในการบูรณะครั้งนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปทรงองค์พระเจดีย์กันใหม่ ออกแบบโดยอาจารย์ประกิต(จิตร์) บัวบุศน์ องค์พระเจดีย์บุด้วยกระเบื้องโมเสดสีทอง มีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูป ๘ ซุ้ม มีฉัตรประดับทั้ง ๔ มุม ดังที่เห็นปรากฏวันนี้
ต่อมาประมาณปี พ.ศ.๒๕๒๕ ได้มีอุบาสกคนหนึ่งชื่อ ไศลยนต์ ศรีสมุทร เจ้าของและผู้จัดการตลาดแม่สาย ได้มีกุศลเจตนาอันแรงกล้า ได้ทำการเทลานพระธาตุและพร้อมกันนั้นทางวัดก็ได้ทำการก่อสร้างรั้วรอบบริเวณลานพระธาตุอีกโสดหนึ่ง สำหรับท่านที่ขึ้นมานมัสการพระธาตุนั้น ท่านจะสังเกต เห็นว่าวัดพระธาตุดอยตุงนั้นจะมีบริเวณ ๒ เขตด้วยกันคือ ชั้นบนนั้นจะเป็นเขตพุทธาวาส นับเอาตั้งแต่ประตูวัดที่มียักษ์นั่งถือขวานอยู่นั้นขึ้นไป ท่านห้ามไม่ให้ใครทำสกปรกรุงรัง เช่น ถ่ายหนัก ถ่ายเบา เพราะห้องน้ำไม่มี จากที่ประตูวัดลงมา ๑ กิโลเมตร เป็นเขตสังฆาวาส เป็นที่อยู่พำนักของพระสงฆ์องค์เณรและประชาชนทั่วไป
เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยตุง ปัจจุบัน มีนามว่า พระพุทธิวงศ์วิวัฒน์ เจ้าคณะอำเภอแม่สาย
พระธาตุดอยตุงถือเป็นพระธาตุเก่าแก่ประจำปีกุน ซึ่งทุกปีจะมีประเพณีนมัสการพระธาตุ โดยถือเอาวันตามจันทรคติ คือ วันเพ็ญเดือนสี่ (วันเดือนหกเป็ง) ซึ่งในแต่ละปีจะไม่ตรงกัน โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นช่วงเดือนมีนาคม เป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาช้านาน รวมถึงประชาชนในประเทศพม่าก็ยังมานมัสการในทุกๆ ปีด้วยประเพณีการเดินขึ้นพระธาตุ ซึ่งสืบทอดกันมานั้น เชื่อว่าผู้ที่ได้เดินขึ้นพระธาตุดอยตุง จะหมายถึงผู้ที่มีความศรัทธาอย่างแรงกล้า จะได้รับผลบุญอันยิ่งใหญ่เป็นการตอบแทน และนับเป็นความภาคภูมิใจสำหรับพุทธศาสนิกชนด้วย
งานประเพณีที่เกิดขึ้นทุกปี ในวันเพ็ญ ขึ้น ๑๕ ค่ำ นั้น ประชาชน จะเตรียมตัวกันตั้งแต่ วันขึ้น ๑๓ ค่ำ หรือ วันขึ้น ๑๔ ค่ำ โดยเฉพาะในวันขึ้น ๑๔ ค่ำ จะมีประชาชนมาร่วมเดินนมัสการขึ้นพระธาตุมากที่สุด โดยจะเริ่มออกเดินทางจากทางขึ้นดอยประมาณ หกโมงเย็น พร้อมทั้งเตรียมอาหารสำหรับบิณฑบาตเพื่อจะได้ร่วมทำบุญใหญ่ในวันเช้าตรู่ของ วันขึ้น ๑๕ ค่ำด้วย โดยในการเดินทางนั้น ประชาชนจะค่อยๆ เดินขึ้นไปตามทางที่ลาดชัน และจะไปถึงบริเวณวัดน้อย (วัดพระธาตุดอยตุง ในเขตสังฆวาส) ในเวลาประมาณตีสี่ ซึ่งทางวัดจะเปิดเครื่องขยายเสียงแบบโบราณ สลับกับเสียงพระสวดเบิก หรือ เสียงพระสวดมนต์ที่มีความพร้อมเพรียงกันในเวลาเช้าตรู่ เพื่อให้ประชาชนได้ยินเสียงและมีกำลังใจที่จะเดินต่อให้ถึง เนื่องจากว่าในสมัยก่อนไม่มีถนนเพื่อให้การเดินทางสะดวก และไม่มีไฟฟ้าเพื่อส่องนำทาง จึงมีเพียงศรัทธาอันแรงกล้าของประชาชนเท่านั้น ที่จะนำไปให้ถึงองค์พระธาตุตามที่ได้ตั้งใจไว้
๑.๒. ความสำคัญและการสืบทอดงานประเพณี
พระธาตุดอยตุงเป็นปูชนียสถานสำคัญและเป็นโบราณสถานเก่าแก่ที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวจังหวัดเชียงราย ดังคำขวัญที่ว่า เหนือสุดในสยาม ชายแดนสามแผ่นดิน ถิ่นวัฒนธรรมล้านนา ล้ำค่า พระธาตุดอยตุง ซึ่งมีความพิเศษเพราะเป็นพระธาตุเจดีย์องค์คู่ มีอายุประมาณ ๑,๑๐๔ ปี เป็นที่เคารพสักการะของชาวล้านนา และพุทธศาสนิกชนชาวไทย ตลอดจนประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ เมียนมา และ สปป.ลาว และยังเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนเกิดปีกุน ซึ่งชาวล้านนาเรียก กุญชร หรือช้าง ตามหลักฐานที่ปรากฏในตำนาน และพงศาวดารโยนก ได้กล่าวถึงประวัติความเป็นมาของพระธาตุดอยตุงว่า เมื่อ พ.ศ.๑๔๕๔ พระมหากัสสะปะเถระ ได้อาราธนาอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุกระดูกไหปลาร้า (พระรากขวัญเบื้องซ้าย) ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาน้อมถวายแด่พระเจ้า อชุตราช เจ้าผู้ครองนครนาคพันธ์โยนกชัยบุรี รัชกาลที่ ๓ แห่งราชวงศ์สิงหนวัติ และพระองค์ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุขึ้นบรรจุในองค์พระเจดีย์ ณ ดอยดินแดง หรือดอยตุงในปัจจุบัน ต่อมาอีก ๑๐๐ ปี มีพระอรหันต์องค์หนึ่งชื่อว่าพระมหาวชิรโพธิเถระ ได้นำเอาพระบรมสารีริกธาตุมาน้อมถวายแก่พระเจ้ามังรายะนะธิราช แล้วจึงพร้อมใจกันสร้างองค์พระเจดีย์ขึ้นใหม่อีกองค์หนึ่ง และนำเอาพระบรมสารีริกธาตุขึ้นบรรจุไว้ พร้อมได้ปฏิสังขรณ์องค์เดิม ต่อมา พ.ศ.๒๔๗๐ ครูบาศรีวิชัยนักบุญแห่งล้านนาได้นำพุทธศาสนิกชนทำการปฏิสังขรณ์ องค์พระเจดีย์ พระวิหาร และพระประธาน โดยรักษารูปทรงองค์พระเจดีย์ให้เป็นรูปทรงตามสถาปัตยกรรมล้านนา นับแต่นั้นมาจึงจัดเป็นประเพณีนมัสการและสรงน้ำพระธาตุดอยตุง ในวันเพ็ญ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ หรือ เดือน ๖ เหนือ เป็นประจำทุกปี
และแต่ละปีที่ผ่านมามีนักบุญ นักท่องเที่ยวจากทุกภาคของประเทศไทย รวมทั้งประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง ได้แก่ เมียนมาร์ สปป.ลาว และจีนตอนใต้ (สิบสองปันนา) มาร่วมงานปีละกว่า ๑๐,๐๐๐ คน
ประเพณีนมัสการและสรงน้ำพระธาตุดอยตุง นอกจากมีการจัดกิจกรรมตามหลักพระพุทธศาสนา คือ การทำบุญตักบาตร และปฏิบัติธรรมนั้น แล้วยังมีการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่สำคัญยิ่งและเป็นอัตลักษณ์ของชาวล้านนา ได้แก่
กิจกรรมขบวนรัตนสัตตนัง
หมายถึง ความดีงาม เจ็ดประการ ทางเมืองเหนือจะสื่อความหมายถึง ช้างแก้ว, ม้าแก้ว ขุนพลแก้ว นางแก้ว ขุนคลังแก้ว คหบดีแก้ว ทรัพย์สฤงคาร,ดาบสลีกัญจัย, ดวงแก้วมณี เป็นสิ่งคู่พระทัยของกษัตริย์โบราณ ที่มีความไว้วางใจได้ ชาวบ้านเมืองเหนือจะนิยมนำมาปกป้องในภายบ้านเรือนคือ.. ศาลพระภูมิและตุ๊กตารูปปั้น ช้าง ม้าและรูปชายหญิง
ช้างที่ ๑......อัญเชิญ องค์พระธาตุจำลอง ๒ องค์ เคียงคู่กัน สื่อความหมายถึง...... ที่ดอยตุงมีเจดีย์ ๒ องค์ ที่บรรจุ พระธาตุสมัยพระเจ้าอชุตราช และสมัย พระเจ้ามังรายชินะราช
ช้างที่ ๒.... อัญเชิญน้ำสรงพระราชทาน และพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว
ช้างที่ ๓.... เครื่องพุทธบูชา หม้อบูรณฆะฎะ สีทอง และเงิน ต้นไม้เงิน ต้นไม้คำ
ขบวนม้า ขุนพล และนักรบโบราณ ๑๒ ตัว
ขบวนเครื่องพุทธบูชา...ต้นไม้เงิน,ต้นไม้คำ, หม้อบูรนฆะฎะ
ขบวนเครื่องไหว้สาพระธาตุ ,สุ่มหมากเบ็ง ๕ อย่าง
ขบวนตุง ตุงช่อช้าง. ตุงจัย,ตุงแก้ว, ตุงปราสาทไหว,ตุงไตลื้อ, ตุงไทยใหญ่
ตุงก๋ม( ชาวยอง) ตุงอลังการ, ตุงพระบฎ, ตุงกระด้าง, ตุงหม้อบูรนฆะฎะ , เครื่องต๊าว
(พัดพร้าวจาวมร)
ขบวนเครื่องแห่ กลองสะบัดชัย ๓ ชุด, กลองหลวงเชียงแสน ๑ ชุด,วงปี่พาทย์ ๑ ชุด
กลองปู่เจ่นกโต (ไทยใหญ่ ) ๑ ชุด, ก๋องปู่เจ่กำเบ้อคง นางนก(ไตลื้อโบราณ ๑ ชุด)
ก๋องมองเซิง(คนเมือง ๑ ชุด) มองเซิงฟ้อนมองเซิง (ไทยใหญ่) ๑ ชุด
ชุดฟ้อน... ฟ้อนดาบไฟ. ฟ้อนเล็บเชียงแสน, นางนก
|
|
Navigator : ปฏิทินท่องเที่ยวเชียงราย
|
|
 |
|
|
|
|
|