ขออภัยมีข้อจำกัดในการแสดงผล
รูปเส้นประเกี่ยวกับกรมสรรพากรรูปเส้นประห้องข่าวรูปเส้นประบริการอิเล็กทรอนิกส์รูปเส้นประความรู้เรื่องภาษีรูปเส้นประบริการข้อมูลรูปเส้นประอ้างอิงรูปเส้นประRD Knowledge
รูปมุมซ้าย รูปมุมขวา
ค้นหาขั้นสูง
ความช่วยเหลือ
 
ประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ประกาศ/คำสั่ง คสช.
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดยกเว้นและสนับสนุนฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติ ยกเว้นเบี้ยปรับ เงินเพิ่มฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลี่ยม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดภาษีการเดินทางออกนอกราชอาณาจักร พ.ศ.2526
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติ ว่าด้วยวิธีปฏฺิบัติการภาษีอากรฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อหารือภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
คำพิพากษาฏีกา
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
กฎหมายออกใหม่
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
สรุปสิทธิประโยชน์กฎหมายภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
โครงการศึกษาและพัฒนาประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อมูลการพัฒนากฏหมายของกรมสรรพากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
การรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนตามมาตรา 77 แห่งรัฐธรรมนูญ 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง


Untitled Document

 

เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติแก้ไขประมวลรัษฎากร (ฉบับที่..) พ.ศ. ....
(เพื่อให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสามารถใช้สกุลเงินต่างประเทศ
ในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล)

                   ด้วยกระทรวงการคลังได้เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... (เพื่อให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสามารถใช้สกุลเงินต่างประเทศในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล)เนื่องจากปัจจุบันได้มีการปรับปรุงมาตรฐานการบัญชี กรณีผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โดยกำหนดให้กิจการต้องกำหนดสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงาน และวัดผลการดำเนินงานและฐานะทางการเงินในสกุลเงินที่ใช้ในการดำเนินงาน เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานการรายงานทางการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งมีผลทำให้การจัดทำรายงานของประเทศไทยมีความเป็นสากล เพื่อให้การคำนวณภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามประมวลรัษฎากรสอดคล้องกับมาตรฐานการบัญชีดังกล่าว และลดภาระต้นทุนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในการจัดทำรายงานทางการเงิน สมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์การคำนวณเงินตรา ทรัพย์สิน หนี้สินและสินค้าที่มีค่าหรือราคาเป็นเงินตราต่างประเทศ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้

              ๑. สภาพปัญหาและสาเหตุของปัญหา
                   สืบเนื่องจากประมวลรัษฎากรได้กำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจัดทำบัญชีงบดุล บัญชีทำการและบัญชีกำไรขาดทุน โดยกำหนดเงื่อนไขในการคำนวณเงินตรา ทรัพย์สิน หนี้สิน และสินค้าซึ่งมีค่าหรือราคาเป็นเงินตราต่างประเทศ ที่จะนำมาคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลนั้น จะต้องคำนวณค่าหรือราคาเป็นเงินตราไทยตามอัตราที่กำหนด ซึ่งไม่สอดคล้องกับหลักปฏิบัติตามมาตรฐานการบัญชีไทย ฉบับที่ ๒๑ ที่สภาวิชาชีพบัญชีในพระบรมราชูปถัมภ์ได้ปรับปรุงมาตรฐานการบัญชีไทยให้สอดคล้องกับมาตรฐานการรายงานทางการเงินระหว่างประเทศ (International Financial Reporting Standards หรือ IFRS) ที่กำหนดให้กิจการต้องใช้สกุลเงินหลักที่ใช้ในการดำเนินงาน (Functional Currency หรือ FC) เป็นสกุลเงินที่ใช้บันทึกบัญชี ประกอบกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ส่งเสริมให้บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปรับใช้มาตรฐานการบัญชีที่ปรับปรุงตาม IFRS ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๔ อันเป็นการสร้างภาระให้กับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งใช้สกุลเงินต่างประเทศเป็นสกุลเงินหลักในการดำเนินกิจการ ทำให้งบการเงินไม่สอดคล้องและไม่สะท้อนผลการดำเนินการที่แท้จริงของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่บันทึกบัญชีเป็นสกุลเงินต่างประเทศ ซึ่งต้องคำนวณค่าหรือราคาเป็นสกุลเงินไทยในการคำนวณรายได้ รายจ่าย และกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล

               ๒. ความจำเป็นที่ต้องตรากฎหมายขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหานั้น
                    เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์ในการคำนวณรายได้ รายจ่าย และกำไรสุทธิในการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยกำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ใช้สกุลเงินต่างประเทศ (FC) เป็นสกุลเงินหลักในการดำเนินงานและจัดทำบรรดาบัญชี หลักฐาน และเอกสารประกอบการลงบัญชี สามารถใช้สกุลเงินต่างประเทศดังกล่าวในการคำนวณรายได้ รายจ่าย และกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ โดยไม่ต้องคำนวณค่าหรือราคาเป็นเงินสกุลบาทก่อน ทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจการของบริษัทโดยการบันทึกบัญชีและงบการเงินให้สอดคล้องกับผลดำเนินงานที่แท้จริง อีกทั้งช่วยเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน และก่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มิได้ใช้เงินตราไทยเป็นสกุลเงินหลักในการดำเนินการ (FC)

               ๓. หลักการอันเป็นสาระสำคัญของกฎหมายที่จะตราขึ้น

                    ๓.๑ กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลมีเงินตรา ทรัพย์สิน หนี้สิน หรือราคาทุนของสินค้าซึ่งมีค่าหรือราคาเป็นเงินตราต่างประเทศ ให้คำนวณค่าหรือราคาเป็นเงินตราไทย ดังนี้
                     (๑) กรณีมีเงินตราหรือทรัพย์สินในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ให้คำนวณค่าหรือราคาเป็นเงินตราไทยตามอัตราถัวเฉลี่ยที่ธนาคารพาณิชย์รับซื้อซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้ หรืออัตราถัวเฉลี่ยระหว่างอัตราซื้อและอัตราขายของธนาคารพาณิชย์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้ และเมื่อใช้อัตราใดในการคำนวณแล้ว ให้ใช้อัตรานั้นตลอดไป เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากอธิบดีจึงจะเปลี่ยนแปลงได้
                     (๒) กรณีมีหนี้สินในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ให้คำนวณค่าหรือราคาเป็นเงินตราไทยตามอัตราถัวเฉลี่ยที่ธนาคารพาณิชย์ขายซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้ หรืออัตรา ถัวเฉลี่ยระหว่างอัตราซื้อและอัตราขายของธนาคารพาณิชย์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้ และเมื่อใช้อัตราใดในการคำนวณแล้ว ให้ใช้อัตรานั้นตลอดไป เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากอธิบดีจึงจะเปลี่ยนแปลงได้
                     (๓) กรณีมีเงินตราหรือทรัพย์สินที่รับมาหรือจ่ายไปในระหว่างรอบระยะเวลาบัญชี ให้คำนวณค่าหรือราคาเป็นเงินตราไทยในวันที่รับมาหรือจ่ายไปนั้นตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด
                     (๔) กรณีราคาทุนของสินค้าให้คำนวณเป็นเงินตราไทยในวันที่ได้สินค้านั้นมา ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด
                    ๓.๒ กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความประสงค์จะใช้เงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราที่ใช้ในการดำเนินงาน (FC) อาจขออนุมัติต่ออธิบดีกรมสรรพากรก็ได้ และหากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวมีเงินตรา ทรัพย์สิน หนี้สิน หรือราคาทุนของสินค้าซึ่งมีค่าหรือราคาเป็นเงินตราอื่นที่มิใช่เงินตราที่ใช้ในการดำเนินงาน (FC) ให้คำนวณค่าหรือราคาเป็นเงินตราที่ใช้ในการดำเนินงาน (FC) ดังนี้
                     (๑) กรณีมีเงินตราหรือทรัพย์สินในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ให้คำนวณค่าหรือราคาเป็นเงินตราที่ใช้ในการดำเนินงาน (FC) ตามอัตราถัวเฉลี่ยที่ธนาคารพาณิชย์รับซื้อซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้ หรืออัตราถัวเฉลี่ยระหว่างอัตราซื้อและอัตราขายของธนาคารพาณิชย์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้ และเมื่อใช้อัตราใดในการคำนวณแล้ว ให้ใช้อัตรานั้นตลอดไป เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากอธิบดีจึงจะเปลี่ยนแปลงได้
                     (๒) กรณีมีหนี้สินในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ให้คำนวณค่าหรือราคาเป็นเงินตราที่ใช้ในการดำเนินงาน (FC) ตามอัตราถัวเฉลี่ยที่ธนาคารพาณิชย์ขายซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้ หรืออัตราถัวเฉลี่ยระหว่างอัตราซื้อและอัตราขายของธนาคารพาณิชย์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้ และเมื่อใช้อัตราใดในการคำนวณแล้ว ให้ใช้อัตรานั้นตลอดไป เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากอธิบดีจึงจะเปลี่ยนแปลงได้
                     (๓) กรณีมีเงินตราหรือทรัพย์สิน ที่รับมาหรือจ่ายไปในระหว่างรอบระยะเวลาบัญชี ให้คำนวณค่าหรือราคาเป็นเงินตราที่ใช้ในการดำเนินงาน (FC) ในวันที่รับมาหรือจ่ายไปนั้นตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด
                     (๔) กรณีราคาทุนของสินค้า ให้คำนวณเป็นเงินตราที่ใช้ในการดำเนินงาน (FC) ในวันที่ได้สินค้านั้นมา ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด
                     (๕) กรณีธนาคารพาณิชย์ หรือสถาบันการเงินอื่นตามที่รัฐมนตรีกำหนด ให้คำนวณค่าหรือราคาของเงินตรา ทรัพย์สินหรือหนี้สินเป็นเงินตราที่เป็นเงินตราที่ใช้ในการดำเนินงาน (FC) ตามอัตราถัวเฉลี่ยระหว่างอัตราซื้อและอัตราขายของธนาคารพาณิชย์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้
                     (๖) ในการยื่นรายการและการชำระภาษีครึ่งรอบระยะเวลาบัญชี ให้คำนวณค่าเป็นเงินตราไทยตามอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างอัตราซื้อและอัตราขายของธนาคารพาณิชย์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้ในช่วงระยะเวลาหกเดือนนับแต่วันแรกของรอบระยะเวลาบัญชี
                     (๗) ในการยื่นรายการและการชำระภาษีภายใน ๑๕๐ วันนับแต่สิ้นรอบระยะเวลาบัญชี ให้คำนวณค่าเป็นเงินตราไทยตามอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างอัตราซื้อและอัตราขายของธนาคารพาณิชย์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้ในช่วงระยะเวลา ๑๒ เดือนนับแต่วันแรกของรอบระยะเวลาบัญชี เว้นแต่รอบระยะเวลาบัญชีใดซึ่งมีน้อยกว่า ๑๒ เดือน ให้ให้คำนวณค่าเป็นเงินตราไทยตามอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างอัตราซื้อและอัตราขายของธนาคารพาณิชย์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้ในช่วงระยะเวลาของรอบระยะเวลาบัญชีนั้น
                     (๘) ผลขาดทุนหรือกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดจากการใช้เงินตราต่างประเทศเป็นตราที่ใช้ในการดำเนินงาน (FC) ไม่ให้ถือเป็นรายได้หรือรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล

               ๔. ประเด็นที่จะรับฟังความคิดเห็นหรือร่างพระราชบัญญัติที่จะรับฟังความคิดเห็น
               ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว รับฟังความคิดเห็นตั้งแต่ วันที่ 28 มิถุนายน 2560 ถึงวันที่ 13 กรกฎาคม 2560

 

 

 

clear-gif

WCAG 2.0 (Level AA)

Last update :
 Monday, August 21, 2017

 
รูปมุมซ้าย
หน้าหลักรูปเส้นประEnglishรูปเส้นประแผนผังเว็บไซต์รูปเส้นประแนะนำเว็บไซต์รูปเส้นประติดต่อกรมสรรพากรรูปเส้นประ


 
สงวนลิขสิทธิ์โดยกรมสรรพากร : Website Policy : Privacy Policy : Website Security Policy : Disclaimer
 
กรมสรรพากร 90 ซอยพหลโยธิน 7 ถนนพหลโยธิน แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทร. 1161