เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่..) พ.ศ. ....
(การจัดเก็บภาษีเงินได้จากการลงทุนในตราสารหนี้ผ่านกองทุนรวม)
(ร่าง พ.ร.บ. การจัดเก็บภาษีเงินได้จากการลงทุนในตราสารหนี้ผ่านกองทุนรวม)

               ตามที่กรมสรรพากรได้ยกร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (กรณีมาตรการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากการลงทุนในตราสารหนี้ผ่านกองทุนรวม) และดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนตามมาตรา 77 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 เสร็จสิ้นไปเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 นั้น กรมสรรพากรได้มีการประชุมหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) และสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (สมาคม บลจ.) โดยสมาคม บลจ. และสำนักงาน ก.ล.ต. เห็นด้วยในหลักการของร่างพระราชบัญญัติเดิม แต่เสนอให้ผู้ออกตราสารหนี้เป็นผู้หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย สำหรับดอกเบี้ยที่จ่ายให้แก่กองทุนรวม เพื่อไม่ให้เกิดความยุ่งยากแก่กองทุนรวมและความสับสนแก่ผู้ถือหน่วยลงทุน ประกอบกับผู้ออกตราสารหนี้มีระบบหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายอยู่แล้ว จึงไม่ต้องใช้เวลาในการพัฒนาระบบขึ้นใหม่ ซึ่งที่ประชุมพิจารณาแล้ว เห็นควรกำหนดให้กองทุนรวมเป็นหน่วยภาษีเงินได้นิติบุคคลแทน แต่จัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลเฉพาะรายได้จากดอกเบี้ยเท่านั้น อย่างไรก็ดี สำนักงาน ก.ล.ต. และสมาคม บลจ. เห็นควรยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund หรือ RMF) สำหรับรายได้ทั้งหมด เนื่องจากเป็นการออมระยะยาวเพื่อการเกษียณอายุ จึงควรเหมือนกันกับกองทุนที่เป็นการออมระยะยาวเพื่อการเกษียณอายุอื่น ๆ ที่ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับรายได้ใด ๆ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนการออมแห่งชาติ นอกจากนั้น กรมสรรพากรเห็นควรปรับปรุงการจัดเก็บภาษีจากกองทุนรวมทั้งระบบไปในคราวเดียว ดังนั้น รัฐบาลจึงมีนโยบายจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลจากกองทุนรวมที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เฉพาะรายได้ตามมาตรา 40 (4) (ก) แห่งประมวลรัษฎากรและปรับปรุงการจัดเก็บภาษีจากกองทุนรวมทั้งระบบ เพื่อก่อให้เกิดความเท่าเทียมทางภาษี โดยเริ่มต้นจากการตราพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่..) พ.ศ. .... เพื่อกำหนดให้กองทุนรวมที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล เพื่อยกเลิกนิยามกองทุนรวมเดิมและแก้ไขบทมาตราที่เกี่ยวข้องกับกองทุนรวมเดิม เพื่อกำหนดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลขึ้นใหม่สำหรับรายได้จากดอกเบี้ยที่กองทุนรวมได้รับและเพื่อกำหนดให้กำไรที่ได้จากการขายหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเฉพาะซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าที่ลงทุนเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (4) (ช) แห่งประมวลรัษฎากร แล้วจะได้ดำเนินการออกกฎหมายลำดับรองเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพรวมไปถึงยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับรายได้อื่นนอกจากดอกเบี้ยของกองทุนรวมและการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ของผู้จ่ายดอกเบี้ยให้กองทุนรวม ต่อไป

               ในการนี้ กรมสรรพากรจึงขอเชิญชวนผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ร่วมแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อร่างกฎหมายดังกล่าวตามแบบฟอร์มการให้ความเห็นต่อร่าง พ.ร.บ. การจัดเก็บภาษีเงินได้จากการลงทุนในตราสารหนี้ผ่านกองทุนรวม ผ่านทางเว็บไซต์ของกรมสรรพากร ระหว่างวันที่ 20 ธันวาคม 2560 ถึงวันที่ 11 มกราคม 2561