ขออภัยมีข้อจำกัดในการแสดงผล
รูปเส้นประเกี่ยวกับกรมสรรพากรรูปเส้นประห้องข่าวรูปเส้นประบริการอิเล็กทรอนิกส์รูปเส้นประความรู้เรื่องภาษีรูปเส้นประบริการข้อมูลรูปเส้นประอ้างอิงรูปเส้นประRD Knowledge
รูปมุมซ้าย รูปมุมขวา
ค้นหาขั้นสูง
ความช่วยเหลือ
 
ประมวลรัษฎากร
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากร
iconเมนูด้านซ้าย  
ว่าง
ว่าง
พระราชกฤษฎีกา
iconเมนูด้านซ้าย  
ว่าง
ว่าง
กฎกระทรวง
iconเมนูด้านซ้าย  
ว่าง
ว่าง
ประกาศกระทรวงการคลัง
iconเมนูด้านซ้าย  
ว่าง
ว่าง
คำสั่งกระทรวงการคลัง
iconเมนูด้านซ้าย  
ว่าง
ว่าง
คำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร
iconเมนูด้านซ้าย  
ว่าง
ว่าง
คำสั่งกรมสรรพากร
iconเมนูด้านซ้าย  
ว่าง
ว่าง
ประกาศกรมสรรพากร
iconเมนูด้านซ้าย  
ว่าง
ว่าง
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร
iconเมนูด้านซ้าย  
ว่าง
ว่าง
ระเบียบกระทรวงการคลัง
iconเมนูด้านซ้าย  
ว่าง
ว่าง
ระเบียบกรมสรรพากร
iconเมนูด้านซ้าย  
ว่าง
ว่าง
ข่าวการปรับปรุง
iconเมนูด้านซ้าย  
ว่าง
ว่าง
Download
iconเมนูด้านซ้าย  
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
ประกาศ/คำสั่ง คสช.
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดยกเว้นและสนับสนุนฯ
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติ ยกเว้นเบี้ยปรับ เงินเพิ่มฯ
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลี่ยม
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดภาษีการเดินทางออกนอกราชอาณาจักร พ.ศ.2526
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติ ว่าด้วยวิธีปฏฺิบัติการภาษีอากรฯ
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
ข้อหารือภาษีอากร
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
คำพิพากษาฏีกา
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
กฎหมายออกใหม่
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
สรุปสิทธิประโยชน์กฎหมายภาษีอากร
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
โครงการศึกษาและพัฒนาประมวลรัษฎากร
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
ข้อมูลการพัฒนากฏหมายของกรมสรรพากร
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
การรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนตามมาตรา 77 แห่งรัฐธรรมนูญ 2560
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง


คำสั่งกรมสรรพากร

ที่ ป. 125/2546

เรื่อง      การหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย และการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการจ่ายค่าบริการเลขหมายโทรศัพท์ และค่าบริการโทรศัพท์

 

---------------------------------------------

 

                เพื่อให้เจ้าพนักงานสรรพากรถือเป็นแนวทางปฏิบัติในการตรวจและแนะนำเกี่ยวกับการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย กรณีการจ่ายค่าบริการเลขหมายโทรศัพท์ และค่าบริการโทรศัพท์ ตามข้อ 6 และข้อ 8 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 และการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม กรมสรรพากรจึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้

 

                ข้อ 1  กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นทำสัญญาใช้บริการโทรศัพท์กับผู้ให้บริการโทรศัพท์ และได้จ่ายค่าธรรมเนียมการขอเลขหมายโทรศัพท์ ค่าลงทะเบียนการใช้บริการโทรศัพท์ ค่าบริการเลขหมายโทรศัพท์ ค่าประกันเลขหมายโทรศัพท์ หรือค่าบริการที่มีลักษณะทำนองเดียวกันให้แก่ผู้ให้บริการโทรศัพท์ ผู้จ่ายเงินมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 5.0 ตามข้อ 6 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528

 

                        กรณีผู้ให้บริการโทรศัพท์เรียกเก็บค่าประกันเลขหมายโทรศัพท์ตามวรรคหนึ่งเป็นจำนวนไม่เกิน 6 เท่าของค่าบริการเลขหมายโทรศัพท์รายเดือน เช่น ค่าบริการเลขหมายโทรศัพท์เดือนละ 500 บาท และผู้ให้บริการโทรศัพท์เรียกเก็บค่าประกันเลขหมายโทรศัพท์เป็นจำนวน 3,000 บาท โดยมีเงื่อนไขว่าต้องมีการคืนค่าประกันเลขหมายโทรศัพท์ในทันทีที่สัญญาสิ้นสุด แต่ในการคืนค่าประกันเลขหมายโทรศัพท์ดังกล่าวผู้ให้บริการโทรศัพท์อาจนำไปหักกลบลบหนี้กับค่าเสียหายก่อนได้ ผู้ให้บริการโทรศัพท์ไม่ต้องนำค่าประกันเลขหมายโทรศัพท์จำนวน 3,000 บาท ไปรวมคำนวณเป็นรายได้เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล และผู้จ่ายค่าประกันเลขหมายโทรศัพท์ไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย

                        ค่าธรรมเนียมการขอเลขหมายโทรศัพท์ ค่าลงทะเบียนการใช้บริการโทรศัพท์ ค่าบริการเลขหมายโทรศัพท์ ค่าประกันเลขหมายโทรศัพท์ หรือค่าบริการที่มีลักษณะทำนองเดียวกันตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง เข้าลักษณะเป็นค่าตอบแทนจากการให้บริการตามมาตรา 77/1(10) แห่งประมวลรัษฎากร ผู้ให้บริการโทรศัพท์จึงต้องนำค่าธรรมเนียมการขอเลขหมายโทรศัพท์ ค่าลงทะเบียนการใช้บริการโทรศัพท์ ค่าบริการเลขหมายโทรศัพท์ ค่าประกัน เลขหมายโทรศัพท์ หรือค่าบริการที่มีลักษณะทำนองเดียวกันดังกล่าวไปรวมคำนวณมูลค่าของฐานภาษีตามมาตรา 79 แห่งประมวลรัษฎากร

 

                ข้อ 2 กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นทำสัญญาใช้บริการโทรศัพท์กับผู้ให้บริการโทรศัพท์ และได้จ่ายค่าบริการโทรศัพท์ หรือค่าบริการที่มีลักษณะทำนองเดียวกันให้แก่ผู้ให้บริการโทรศัพท์ ผู้จ่ายเงินมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 3.0 ตามข้อ 8 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528

                          ค่าบริการโทรศัพท์ หรือค่าบริการที่มีลักษณะทำนองเดียวกันตามวรรคหนึ่ง เข้าลักษณะเป็นค่าตอบแทนจากการให้บริการตามมาตรา 77/1(10) แห่งประมวลรัษฎากร ผู้ให้บริการโทรศัพท์จึงต้องนำค่าบริการโทรศัพท์ หรือค่าบริการที่มีลักษณะทำนองเดียวกัน ดังกล่าวไปรวมคำนวณมูลค่าของฐานภาษีตามมาตรา 79 แห่งประมวลรัษฎากร

 

                ข้อ 3  กรณีผู้ให้บริการโทรศัพท์จัดกิจกรรมการส่งเสริมการขายซึ่งอาจเป็นสัญญาระยะยาวโดยมีข้อตกลงว่าไม่เรียกเก็บค่าบริการเลขหมายโทรศัพท์หรือค่าบริการที่มีลักษณะทำนองเดียวกันตามข้อ 1 และเรียกเก็บเฉพาะค่าบริการโทรศัพท์หรือค่าบริการที่มีลักษณะทำนองเดียวกันตามข้อ 2 ผู้จ่ายเงินซึ่งเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 3.0 ของค่าบริการโทรศัพท์หรือค่าบริการที่มีลักษณะทำนองเดียวกันตามข้อ 2 ทั้งนี้ ตามข้อ 8 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528

 

                ข้อ 4  กรณีผู้ทำสัญญาใช้บริการโทรศัพท์เป็นผู้ประกอบกิจการให้เช่าอาคารและให้บริการโทรศัพท์ ได้ทำสัญญาใช้บริการโทรศัพท์ระบบโทรศัพท์ธรรมดากับผู้ให้บริการโทรศัพท์ซึ่งผู้ให้บริการโทรศัพท์ออกใบแจ้งหนี้ในนามของผู้ทำสัญญาใช้บริการโทรศัพท์ซึ่งเป็น ผู้ให้เช่าอาคาร หากผู้ทำสัญญาใช้บริการโทรศัพท์จ่ายค่าบริการตามข้อ 1 และข้อ 2 ให้แก่ผู้ให้บริการโทรศัพท์ ผู้ให้บริการโทรศัพท์มีหน้าที่ต้องจัดทำใบกำกับภาษีให้แก่ผู้ทำสัญญาใช้บริการโทรศัพท์ ตามมาตรา 86 และมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร โดยระบุชื่อผู้ทำสัญญาใช้ บริการโทรศัพท์ซึ่งเป็นผู้ให้เช่าอาคารเป็นผู้รับบริการตามมาตรา 86/4(3) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งผู้ทำสัญญาใช้บริการโทรศัพท์มีสิทธินำภาษีมูลค่าเพิ่มตามใบกำกับภาษีดังกล่าวไปถือเป็นภาษีซื้อในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร และกรณีผู้ทำสัญญาใช้บริการโทรศัพท์เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น ผู้ทำสัญญาใช้บริการโทรศัพท์มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย จากผู้ให้บริการโทรศัพท์ โดยออกหนังสือรับรอง การหักภาษี ณ ที่จ่าย ในนามของผู้ทำสัญญาใช้บริการโทรศัพท์ให้แก่ผู้ให้บริการโทรศัพท์

                        กรณีผู้เช่าอาคารเป็นผู้จ่ายค่าบริการตามข้อ 1 และข้อ 2 ให้แก่ผู้ให้บริการโทรศัพท์ ผู้ให้บริการโทรศัพท์มีหน้าที่ต้องจัดทำใบกำกับภาษีให้แก่ผู้เช่าอาคารตามมาตรา 86 และมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร โดยระบุชื่อผู้ทำสัญญาใช้บริการโทรศัพท์ซึ่งเป็นผู้ให้เช่าอาคารเป็นผู้รับบริการตามมาตรา 86/4(3) แห่งประมวลรัษฎากร และเพิ่มเติม ข้อความว่า “จ่ายค่าบริการโดยผู้เช่าอาคารคือ” หรือข้อความที่มีลักษณะทำนองเดียวกัน ซึ่ง ผู้เช่าอาคารมีสิทธินำภาษีมูลค่าเพิ่มตามใบกำกับภาษีดังกล่าวไปถือเป็นภาษีซื้อในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร และกรณีผู้เช่าอาคารเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น ผู้เช่าอาคารมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายจากผู้ให้บริการโทรศัพท์ โดยออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ในนามของผู้เช่าอาคารให้แก่ผู้ให้บริการโทรศัพท์

                        ให้นำความในวรรคสองมาใช้บังคับในกรณีผู้เช่าอาคารได้ให้บุคคลอื่นเช่าช่วงอาคารและผู้เช่าช่วงอาคารเป็นผู้จ่ายค่าบริการตามข้อ 1 และข้อ 2 ให้แก่ผู้ให้บริการโทรศัพท์ด้วย

 

                ข้อ 5  กรณีผู้ทำสัญญาใช้บริการโทรศัพท์เป็นผู้ประกอบกิจการให้เช่าอาคารและให้บริการโทรศัพท์ ได้ทำสัญญาใช้บริการโทรศัพท์ระบบโทรศัพท์แบบตู้สาขาระบบต่อเข้าตรงกับผู้ให้บริการโทรศัพท์และผู้ให้บริการโทรศัพท์ออกใบแจ้งหนี้ในนามของผู้ทำสัญญาใช้บริการโทรศัพท์ซึ่งเป็นผู้ให้เช่าอาคาร เมื่อผู้ทำสัญญาใช้บริการโทรศัพท์จ่ายค่าบริการตามข้อ 1 และข้อ 2 ให้แก่ผู้ให้บริการโทรศัพท์ ผู้ให้บริการโทรศัพท์มีหน้าที่ต้องจัดทำใบกำกับภาษีให้แก่ผู้ทำสัญญาใช้บริการโทรศัพท์ตามมาตรา 86 และมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร โดยระบุชื่อผู้ทำสัญญาใช้บริการโทรศัพท์ซึ่งเป็นผู้ให้เช่าอาคารเป็นผู้รับบริการตามมาตรา 86/4(3) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งผู้ทำสัญญาใช้บริการโทรศัพท์มีสิทธินำภาษีมูลค่าเพิ่มตามใบกำกับภาษี ดังกล่าวไปถือเป็นภาษีซื้อในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร และกรณีผู้ทำสัญญาใช้บริการโทรศัพท์เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น ผู้ทำสัญญาใช้บริการโทรศัพท์มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย จากผู้ให้บริการโทรศัพท์ โดยออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ในนามของผู้ทำสัญญาใช้บริการโทรศัพท์ให้แก่ผู้ให้บริการโทรศัพท์

                        กรณีผู้เช่าอาคารได้ใช้บริการโทรศัพท์ระบบโทรศัพท์แบบตู้สาขาระบบต่อเข้าตรงจากผู้ทำสัญญาใช้บริการโทรศัพท์ซึ่งเป็นผู้ให้เช่าอาคาร ถือว่าผู้ทำสัญญาใช้บริการโทรศัพท์ซึ่งเป็นผู้ให้เช่าอาคารได้ให้บริการโทรศัพท์แก่ผู้เช่าอาคารตามมาตรา 77/1(10) แห่งประมวลรัษฎากร เมื่อผู้เช่าอาคารจ่ายค่าบริการตามข้อ 1 และข้อ 2 ให้แก่ผู้ทำสัญญาใช้บริการ โทรศัพท์ซึ่งเป็นผู้ให้เช่าอาคาร ผู้ให้เช่าอาคารมีหน้าที่ต้องจัดทำใบกำกับภาษีให้แก่ผู้เช่าอาคารตามมาตรา 86 และมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร โดยระบุชื่อผู้เช่าอาคารเป็นผู้รับบริการตามมาตรา 86/4(3) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งผู้เช่าอาคารมีสิทธินำภาษีมูลค่าเพิ่มตามใบกำกับภาษีดังกล่าวไปถือเป็นภาษีซื้อในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร และกรณีผู้เช่าอาคารเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น ผู้เช่าอาคารมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย จากผู้ให้เช่าอาคาร โดยออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายในนามของผู้เช่าอาคารให้แก่ผู้ให้เช่าอาคาร

 

                ข้อ 6  กรณีผู้ทำสัญญาใช้บริการโทรศัพท์เป็นผู้ประกอบกิจการผลิตหรือนำเข้าน้ำมันเพื่อขาย ได้ทำสัญญาใช้บริการโทรศัพท์ระบบโทรศัพท์ธรรมดากับผู้ให้บริการโทรศัพท์ ซึ่งผู้ให้บริการโทรศัพท์ออกใบแจ้งหนี้ในนามของผู้ประกอบกิจการผลิตหรือนำเข้าน้ำมัน แต่สถานบริการน้ำมันภายใต้ชื่อหรือยี่ห้อของผู้ประกอบกิจการดังกล่าวเป็นผู้ใช้บริการโทรศัพท์ และจ่ายค่าบริการตามข้อ 1 และข้อ 2 ให้แก่ผู้ให้บริการโทรศัพท์ ผู้ให้บริการโทรศัพท์มีหน้าที่ต้องจัดทำใบกำกับภาษีให้แก่สถานบริการน้ำมันตามมาตรา 86 และมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร โดยระบุชื่อผู้ประกอบกิจการผลิตหรือนำเข้าน้ำมันเป็นผู้รับบริการตามมาตรา 86/4(3) แห่งประมวลรัษฎากร และเพิ่มเติมข้อความว่า “จ่ายค่าบริการโดยสถานบริการน้ำมันคือ” หรือข้อความที่มีลักษณะทำนองเดียวกัน ซึ่งสถานบริการน้ำมันมีสิทธินำภาษีมูลค่าเพิ่มตามใบกำกับภาษีดังกล่าวไปถือเป็นภาษีซื้อในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร และกรณีสถานบริการน้ำมันเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น สถานบริการน้ำมันมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย จากผู้ให้บริการโทรศัพท์ โดยออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ในนามของสถานบริการน้ำมันให้แก่ผู้ให้บริการโทรศัพท์

 

                ข้อ 7  กรณีผู้ทำสัญญาใช้บริการโทรศัพท์เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนที่มีสถานประกอบการหลายแห่ง และสถานประกอบการที่เป็นสำนักงานใหญ่ได้ทำสัญญาใช้บริการโทรศัพท์ระบบโทรศัพท์ธรรมดากับผู้ให้บริการโทรศัพท์ ซึ่งผู้ให้บริการโทรศัพท์ออกใบแจ้งหนี้ในนามของผู้ทำสัญญาใช้บริการโทรศัพท์ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ แต่สถานประกอบการที่มิใช่สำนักงานใหญ่เป็นผู้ใช้บริการโทรศัพท์และจ่ายค่าบริการตามข้อ 1 และข้อ 2 ให้แก่ผู้ให้บริการโทรศัพท์ ผู้ให้บริการโทรศัพท์มีหน้าที่ต้องจัดทำใบกำกับภาษีให้แก่สถานประกอบการที่มิใช่สำนักงานใหญ่ ตามมาตรา 86 และมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร โดยระบุชื่อผู้ทำสัญญาใช้ บริการโทรศัพท์เป็นผู้รับบริการและระบุที่อยู่ของสถานประกอบการที่มิใช่สำนักงานใหญ่ตามมาตรา 86/4(3) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งสถานประกอบการที่มิใช่สำนักงานใหญ่มีสิทธินำภาษีมูลค่าเพิ่มตามใบกำกับภาษีดังกล่าวไปถือเป็นภาษีซื้อในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร และกรณีสถานประกอบการที่มิใช่สำนักงานใหญ่เป็นบริษัทหรือ ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น สถานประกอบการที่มิใช่สำนักงานใหญ่มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย จากผู้ให้บริการโทรศัพท์ โดยออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ในนามของสถานประกอบการที่มิใช่สำนักงานใหญ่ให้แก่ผู้ให้บริการโทรศัพท์

 

                ข้อ 8  กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น จ่ายค่าบริการตามข้อ 1 และข้อ 2 หรือข้อ 3 ให้แก่ผู้ให้บริการโทรศัพท์ ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายผ่านระบบการหักเงินจากบัญชีธนาคารของผู้จ่ายเงินหรือไม่ก็ตาม ผู้จ่ายเงินมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายทุกครั้งที่มีการจ่ายเงิน โดยมีหน้าที่ต้องออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ให้แก่ผู้ให้บริการโทรศัพท์ ผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย ในทันทีทุกครั้งที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย และมีหน้าที่ต้องยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย

                        กรณีการจ่ายค่าบริการผ่านระบบการหักเงินจากบัญชีธนาคารของ ผู้จ่ายเงินไม่ว่าจะหักจากบัญชีเงินฝากหรือบัญชีบัตรเครดิต ผู้จ่ายเงินมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายทุกครั้งที่มีการหักเงินจากบัญชีธนาคารของผู้จ่ายเงินและโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของผู้ให้บริการโทรศัพท์ ซึ่งการออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย จะต้องระบุวัน เดือน หรือปีภาษีที่จ่ายเงินได้เป็นวันเดียวกันกับวันที่มีการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของผู้ให้บริการโทรศัพท์

                        กรณีมีการจ่ายค่าบริการตามวรรคหนึ่งในแต่ละเดือนเป็นจำนวนหลายคราว ทำให้ผู้จ่ายเงินไม่สามารถหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย และออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายได้ทันภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด เพื่อเป็นการลดภาระการออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ผู้จ่ายเงินซึ่งมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ไม่จำต้องออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย สำหรับการจ่ายค่าบริการในทันทีทุกครั้งที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย โดยสามารถออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย หนึ่งครั้งต่อเดือน แต่ผู้จ่ายเงินยังคงมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายทุกครั้งที่มีการจ่ายเงินได้ ทั้งนี้ ตามมาตรา 50 ทวิ วรรคสาม แห่งประมวลรัษฎากร และมีหน้าที่ต้องยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย

 

                ข้อ 9  กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น จ่ายค่าบริการตามข้อ 1 และข้อ 2 หรือข้อ 3 ให้แก่ผู้ให้บริการโทรศัพท์โดยเป็นการจ่ายผ่านระบบการหักเงินจากบัญชีธนาคารของผู้จ่ายเงินไม่ว่าจะหักจากบัญชีเงินฝากหรือบัญชีบัตรเครดิต และผู้จ่ายเงิน มีความประสงค์แต่งตั้งให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์ ผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายเป็นตัวแทนเพื่อดำเนินการ หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย และลงลายมือชื่อในหนังสือ รับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายแทนผู้จ่ายเงิน พร้อมทั้งยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และชำระภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย แทนผู้จ่ายเงิน ก็สามารถกระทำได้ โดยจะต้องจัดทำสัญญาการตั้งตัวแทนและมอบอำนาจให้กระทำการแทนเป็นลายลักษณ์อักษร ทั้งนี้ ผู้ให้บริการโทรศัพท์ซึ่ง เป็นตัวแทนจะต้องออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายในนามของผู้จ่ายเงิน และต้องยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายในนามของผู้จ่ายเงิน

                        ผู้ให้บริการโทรศัพท์ตามวรรคหนึ่ง สามารถเป็นตัวแทนเพื่อดำเนินการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย แทนผู้จ่ายเงินตัวการหลายตัวการได้ ซึ่งผู้ให้บริการโทรศัพท์ใน ฐานะเป็นตัวแทนต้องออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย และยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายในนามของผู้จ่ายเงิน โดยให้ดำเนินการตามข้อ 10

 

                ข้อ 10  กรณีผู้ให้บริการโทรศัพท์ตามข้อ 9 ได้มีหนังสือแจ้งไปยังบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น ซึ่งเป็นคู่สัญญาเดิม โดยมีสาระสำคัญว่า ผู้ให้บริการโทรศัพท์ซึ่งเป็นผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายจะเป็นผู้ดำเนินการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายสำหรับค่าบริการแทน ออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย และยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายแทน โดยกำหนดระยะเวลาให้ผู้จ่ายเงินตอบรับ เมื่อผู้จ่ายเงินตอบรับแล้ว ถือว่าหนังสือแจ้ง ดังกล่าวเป็นข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรแต่งตั้งให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เป็นตัวแทนแล้ว

                        กรณีผู้ให้บริการโทรศัพท์ตามข้อ 9 ได้ดำเนินการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย แทนผู้จ่ายเงินแล้ว ผู้จ่ายเงินไม่จำต้องออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย สำหรับการจ่ายค่าบริการในทันทีทุกครั้งที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50 ทวิ วรรคสาม แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งทำให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์ซึ่งเป็นตัวแทนไม่จำต้องออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายเป็นรายฉบับทุกครั้งที่จ่ายเงิน แต่ทั้งนี้ ผู้ให้บริการโทรศัพท์ต้องจัดทำรายละเอียดรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย เพื่อเป็นหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายด้วย และเมื่อดำเนินการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย แทนผู้จ่ายเงินแล้ว ผู้ให้บริการโทรศัพท์จะต้องระบุ ข้อความเพิ่มเติมในใบเสร็จรับเงินหรือใบกำกับภาษีของค่าบริการ โดยมีสาระสำคัญว่า ผู้ให้บริการโทรศัพท์ได้ดำเนินการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ … เป็นจำนวนเงิน …บาท แทนผู้จ่ายเงินแล้ว และจะดำเนินการนำส่งภาษีดังกล่าวต่อกรมสรรพากรภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป ซึ่งผู้ให้บริการโทรศัพท์จะต้องจัดให้มีการ SCAN หรือพิมพ์ลายมือชื่อผู้รับมอบอำนาจในใบเสร็จรับเงินหรือใบกำกับภาษีดังกล่าวด้วย

                        รายละเอียดรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามวรรคสอง สามารถจัดทำเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษก็ได้ แต่จะต้องมีรายการอย่างน้อยดังต่อไปนี้

                        (1) คำว่า “ รายละเอียดรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายประจำเดือน… พ.ศ. …. ” ในที่ที่เห็นได้เด่นชัด

                        (2) ชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ให้บริการโทรศัพท์ซึ่งเป็นผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย โดยมีข้อความว่า “ ในฐานะผู้กระทำการแทนผู้จ่ายเงินได้ตามรายชื่อที่ระบุไว้ในเอกสารนี้ ”

                        (3) ประเภทเงินได้ เช่น ค่าบริการเลขหมายโทรศัพท์ หรือค่าบริการโทรศัพท์

                        (4) ชื่อ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้จ่ายเงิน ซึ่งเป็นตัวการหลายตัวการ จำนวนเงินที่จ่าย และจำนวนภาษีที่หักไว้

                        (5) ลายมือชื่อผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย

 

                ข้อ 11  กรณีผู้ให้บริการโทรศัพท์ตามข้อ 9 ได้ยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามแบบ ภ.ง.ด.53 ในฐานะเป็นตัวแทนเพื่อดำเนินการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย แทน ผู้จ่ายเงินตัวการหลายตัวการ ผู้ให้บริการโทรศัพท์จะต้องระบุในช่องผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายว่า ผู้ให้บริการโทรศัพท์ในฐานะผู้กระทำการแทนผู้จ่ายเงินในใบแนบ ภ.ง.ด.53 พร้อมทั้งแนบรายละเอียดรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามข้อ 10 วรรคสามด้วย ซึ่งเอกสารรายละเอียดดังกล่าวถือเป็นใบต่อแบบ ภ.ง.ด.53 โดยผู้ให้บริการโทรศัพท์จะต้องเขียนข้อความว่า “ใบต่อแบบ ภ.ง.ด.53 ” ไว้ในเอกสารรายละเอียดรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ในที่ที่เห็นได้เด่นชัด

                        ผู้ให้บริการโทรศัพท์ตามวรรคหนึ่ง ในฐานะเป็นตัวแทนเพื่อดำเนินการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย แทนผู้จ่ายเงินตัวการหลายตัวการ สามารถใช้เอกสารรายละเอียดรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามข้อ 10 วรรคสาม เป็นบัญชีพิเศษแสดงการหักภาษี ณ ที่จ่ายและการนำส่งภาษีได้ ทั้งนี้ ตามมาตรา 17 แห่งประมวลรัษฎากร และข้อ 7 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้และภาษีการค้า (ฉบับที่ 4) เรื่อง กำหนดให้ผู้มีหน้าที่หักภาษีเงินได้หรือภาษีการค้า ณ ที่จ่าย มีบัญชีพิเศษ ลงวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2531

 

                ข้อ 12  ผู้ให้บริการโทรศัพท์ตามข้อ 9 ในฐานะเป็นตัวแทนเพื่อดำเนินการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย แทนผู้จ่ายเงินตัวการหลายตัวการ สามารถใช้สำเนาแบบ ภ.ง.ด.53 และหลักฐานใบเสร็จรับเงินของกรมสรรพากรที่รับชำระภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย เป็นหลักฐานในการเครดิตภาษีตามมาตรา 60 แห่งประมวลรัษฎากรได้

 

                ข้อ 13  บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง หนังสือตอบข้อหารือหรือทางปฏิบัติใดที่ขัดหรือแย้งกับคำสั่งนี้ ให้เป็นอันยกเลิก

 

สั่ง ณ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546

 

ศุภรัตน์ ควัฒน์กุล

อธิบดีกรมสรรพากร

clear-gif

WCAG 2.0 (Level AA)

Last update :
 Tuesday, August 19, 2014

 
รูปมุมซ้าย
หน้าหลักรูปเส้นประEnglishรูปเส้นประแผนผังเว็บไซต์รูปเส้นประแนะนำเว็บไซต์รูปเส้นประติดต่อกรมสรรพากรรูปเส้นประ


 
สงวนลิขสิทธิ์โดยกรมสรรพากร : Website Policy : Privacy Policy : Website Security Policy : Disclaimer
 
กรมสรรพากร 90 ซอยพหลโยธิน 7 ถนนพหลโยธิน แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทร. 1161