ขออภัยมีข้อจำกัดในการแสดงผล
รูปภาพตกแต่งเกี่ยวกับกรมสรรพากรรูปภาพตกแต่งห้องข่าวรูปภาพตกแต่งบริการอิเล็กทรอนิกส์รูปภาพตกแต่งความรู้เรื่องภาษีรูปภาพตกแต่งบริการข้อมูลรูปภาพตกแต่งอ้างอิงรูปภาพตกแต่งRD Knowledge
รูปมุมซ้าย รูปมุมขวา
ค้นหาขั้นสูง
ความช่วยเหลือ
 
space
space
Transfer Pricing
bullet
space
space
หนังสือรับรอง
bullet
space
space
หลักเกณท์การใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงิน
bullet
space
space
Doing Business in Thailand Paying Taxes
bullet
space
space
AEC
bullet
space
space
E-Commerce
bullet
space
space
e-Book
bullet
space
space
Infographic Pasi
bullet
space
space
TAX Station
bullet
space
space


บทนำโครงสร้าง     ฟังเสียงข่าว

 

                ประเทศไทยได้เริ่มจัดทำอนุสัญญา ความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนขึ้นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2505  กับประเทศสวีเดน  และได้มีการเจรจาทำอนุสัญญากับต่างประเทศเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง  โดยโครงสร้างทั่ว ๆ ไป ของอนุสัญญาประกอบด้วย 4 ส่วนใหญ่ ๆ คือ

 

ส่วนที่  1    ขอบข่ายของอนุสัญญา

 

               (1) ขอบข่ายด้านบุคคล อนุสัญญาทุกฉบับจะกำหนดไว้ว่าจะบังคับใช้กับผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐคู่สัญญาเท่านั้น  ผู้อื่นจะมาใช้ประโยชน์จากอนุสัญญาไม่ได้  สำหรับประเทศไทยนั้นกำหนดไว้ว่า  ผู้ที่จะได้รับสิทธิประโยชน์จากอนุสัญญาของประเทศไทยกับประเทศต่าง ๆ   คือ บุคคลธรรมดาที่อยู่ในประเทศไทยเกินกว่า 180 วัน ในปีภาษีหนึ่ง ๆ และนิติบุคคลที่จดทะเบียนก่อตั้งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของไทย

 

               (2) ขอบข่ายด้านภาษี  จะครอบคลุมเฉพาะภาษีเงินได้เท่านั้น นั่นคือ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา  ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ซึ่งเป็นภาษีทางตรงและผลักภาระภาษีได้ยาก  ภาษีทางอ้อมอื่น ๆ เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีธุรกิจเฉพาะจะไม่อยู่ภายใต้บังคับของอนุสัญญา  เนื่องจากเป็นภาษีทางอ้อมซึ่งผลักภาระความซ้ำซ้อนไปให้ผู้บริโภคได้ง่าย

 

ส่วนที่ 2    เงินได้ประเภทต่าง ๆ

 

                ในส่วนของรายการเงินได้นั้น อนุสัญญาจะไม่กำหนดว่ารายการประเภทใด จะต้องเสียภาษีอัตราเท่าใด  แต่จะทำหน้าที่เพียงบอกว่าเงินได้ประเภทนี้รัฐแหล่งเงินได้หรือรัฐถิ่นที่อยู่จะได้รับสิทธิ ในการเก็บภาษี ถ้ารัฐใดได้รับสิทธิในการเก็บภาษีผู้รับเงินได้จะต้องเสียภาษีตามกฎหมายภายในของรัฐนั้น  และถ้าอนุสัญญากำหนดเพดานภาษีไว้ รัฐที่ได้สิทธิในการจัดเก็บภาษีก็จะเก็บภาษีได้ไม่เกินเพดานอัตราภาษีที่อนุสัญญากำหนดไว้  เช่น เงินได้ประเภทเงินปันผล ดอกเบี้ยและค่าสิทธิ

 

                อย่างไรก็ดี บางข้อบทอาจกำหนดให้เพิกถอนสิทธิของรัฐแหล่งเงินได้ไว้อย่างชัดเจน ซึ่งถือเป็นการขจัดภาษีซ้อนรูปแบบหนึ่งที่ปรากฎอยู่ในข้อบทของเงินได้ประเภทต่าง ๆ เช่น การขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ หรือการดำเนินธุรกิจโดยไม่ผ่านสถานประกอบการถาวร  เป็นต้น

 

ส่วนที่  3    การขจัดภาษีซ้อน

 

                ในอนุสัญญาแต่ละฉบับอาจกำหนดวิธีขจัดภาษีซ้อนไว้ต่างกัน  เช่น ถ้ากำหนดให้ขจัดภาษีซ้อนโดยวิธียกเว้น  รัฐถิ่นที่อยู่ของผู้มีเงินได้จะยอมยกเว้นภาษีให้โดยไม่ต้องนำเงินได้ที่เสียไว้แล้วในรัฐแหล่งเงินได้มารวมคำนวณภาษีในรัฐถิ่นที่อยู่ซ้ำอีก  แต่ถ้าอนุสัญญากำหนดให้ใช้วิธีเครดิตภาษี  รัฐ   ถิ่นที่อยู่ยังคงสิทธินำจำนวนเงินได้ที่เกิดขึ้นในรัฐแหล่งเงินได้มารวมคำนวณภาษีในรัฐถิ่นที่อยู่ แต่จะต้องยอมให้นำภาษีที่เสียไว้ในรัฐแหล่งเงินได้มาเครดิตภาษีหักออกจากภาษีในรัฐถิ่นที่อยู่ได้ด้วย

 

ส่วนที่  4    บททั่วไป

 

                เป็นส่วนสุดท้ายที่มีลักษณะเป็นบทบัญญัติต่าง ๆ ที่ช่วยในการตีความและเป็นแนวปฏิบัติ  เช่น บทบัญญัติว่าด้วยนิยามต่าง ๆ บทบัญญัติว่าด้วยการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างรัฐคู่สัญญา  การไม่เลือกปฏิบัติ  การเริ่มใช้และเลิกใช้อนุสัญญา เป็นต้น

 

                ดังนั้น  เพื่อให้ง่ายต่อการนำไปปฏิบัติเกี่ยวกับการหักภาษี ณ ที่จ่าย จากดอกเบี้ยเงินกู้ยืม  หรือค่าสิทธิ ซึ่งผู้รับไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล มิได้ประกอบกิจการในประเทศไทย  แต่ได้รับเงินได้จากผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย  ขอให้พิจารณารายละเอียดต่อไป

clear-gif

WCAG 2.0 (Level AA)

Last update :
 Thursday, September 8, 2016

 
หน้าหลักรูปภาพตกแต่งEnglishรูปภาพตกแต่งแผนผังเว็บไซต์รูปภาพตกแต่งแนะนำเว็บไซต์รูปภาพตกแต่งติดต่อกรมสรรพากรรูปภาพตกแต่ง


 
สงวนลิขสิทธิ์โดยกรมสรรพากร : Website Policy : Privacy Policy : Website Security Policy : Disclaimer
 
กรมสรรพากร 90 ซอยพหลโยธิน 7 ถนนพหลโยธิน แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทร. 1161