เลขที่ข่าว ปชส. 9/2548
วันที่แถลงข่าว 13 มกราคม 2548
เรื่อง กรมสรรพากรแนะหลักเกณฑ์การบริจาคเงินกรณีช่วยเหลือผู้ประสบธรณีพิบัติทางภาคใต้
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตามที่กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพากรได้มีมาตรการภาษีที่เกี่ยวข้องกับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบธรณีพิบัติใน 6 จังหวัดภาคใต้ (ภูเก็ต ระนอง พังงา กระบี่ ตรัง และสตูล) ซึ่งผลของมาตรการดังกล่าวทำให้สามารถนำเงินหรือมูลค่าทรัพย์สินที่บริจาคไปหักเป็นค่าลดหย่อนภาษี หรือหักเป็นรายจ่ายในการเสียภาษีได้ นั้น
กรมสรรพากร ขอแจ้งหลักเกณฑ์เงื่อนไขของการบริจาคที่ได้รับสิทธิในการหักค่าลดหย่อนหรือหักรายจ่ายในการเสียภาษีดังกล่าว ดังต่อไปนี้
กรณีบุคคลธรรมดา
1. หน่วยงานที่รับบริจาค ต้องเป็นสถานพยาบาลและสถานศึกษาของทางราชการและเอกชน องค์การหรือสถานสาธารณกุศล หรือส่วนราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบธรณีพิบัติ กรณีเป็นสื่อกลาง เช่น ธนาคารหรือเอกชนจะต้องส่งเงินบริจาคผ่านหน่วยราชการเพื่อการนี้
2. หน่วยงานที่รับบริจาค ต้องออกหนังสือรับรองหรือใบเสร็จรับเงินระบุข้อความที่มีสาระสำคัญว่า เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบธรณีพิบัติใน 6 จังหวัดภาคใต้ ให้แก่ผู้บริจาค
3. สิทธิในการหักลดหย่อนภาษี ผู้บริจาคสามารถหักค่าลดหย่อนได้เท่าจำนวนเงินที่บริจาค แต่ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินที่เหลือจากการคำนวณเงินได้พึงประเมินที่หักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอื่น ๆ แล้ว
4. กรณีการบริจาคผ่านบัญชีธนาคารกับหน่วยงานที่เป็นสื่อกลางเพื่อการนี้ เช่น ธนาคารหรือหน่วยงานเอกชนที่แจ้งรับโอนเงินบริจาคผ่านบัญชีธนาคาร ให้ผู้บริจาคเก็บหลักฐานใบนำฝากหรือใบรับชั่วคราวเพื่อให้ธนาคารหรือเอกชนที่รับบริจาคนั้นส่งผ่านไปยังหน่วยราชการเพื่อขอรับหนังสือรับรองหรือใบเสร็จรับเงินระบุข้อความที่มีสาระสำคัญว่า เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบธรณีพิบัติใน 6 จังหวัดภาคใต้ จากส่วนราชการด้วย
กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
1. การบริจาคเงินสด สามารถหักเป็นรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ ในการเสียภาษีได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ
2. การบริจาคทรัพย์สิน สามารถหักเป็นรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ในการเสียภาษีได้ไม่เกินมูลค่าต้นทุนที่เหลืออยู่ของทรัพย์สินนั้น แต่ต้องไม่เกินร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ
3. การบริจาคสินค้า สามารถหักเป็นรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ในการเสียภาษีได้ไม่เกินมูลค่าต้นทุนสินค้านั้น แต่ต้องไม่เกินร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ
4. หากเป็นการบริจาคร่วมกัน (ทั้งข้อ 1, 2, หรือ 3) ก็สามารถหักเป็นรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ได้เท่าที่จ่ายจริง แต่รวมกันแล้วไม่เกินร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ
5. หน่วยงานที่รับบริจาค ต้องเป็นสถานพยาบาลและสถานศึกษาของทางราชการและเอกชน องค์การหรือสถานสาธารณกุศล หรือส่วนราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบธรณีพิบัติ และให้หน่วยงานที่รับบริจาคนั้นออกหนังสือรับรองหรือใบเสร็จรับเงินระบุข้อความ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบธรณีพิบัติใน 6 จังหวัดภาคใต้ ให้แก่ ผู้บริจาค
6. กรณีธนาคารหรือเอกชนอื่นที่มีวัตถุประสงค์เป็นสื่อกลางในการรับบริจาคอย่างเปิดเผยเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบธรณีพิบัติอย่างเร่งด่วน โดยรับเงินบริจาคตามวิธีรับโอนเงินผ่านทางบัญชีธนาคาร และ นำเงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับบริจาคทั้งหมดไปช่วยเหลือผู้ประสบธรณีพิบัติใน 6 จังหวัดภาคใต้โดยตรง ให้ธนาคารหรือเอกชนที่รับบริจาคเหล่านั้นจัดส่งเอกสารหลักฐานให้กรมสรรพากร ดังต่อไปนี้
(1) สำเนาบัญชีการรับเงินบริจาค ซึ่งต้องแยกออกจากบัญชีการดำเนินงานตามปกติ
(2) สำเนาบัญชีแสดงรายการจ่ายค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือผู้ประสบธรณีพิบัติ
(3) สำเนารายชื่อผู้บริจาค
(4) สำเนาใบนำฝากหรือใบรับเงินชั่วคราวที่ออกให้แก่ผู้บริจาค
สำหรับสถานที่จัดส่งเอกสารหลักฐาน หน่วยงานผู้รับบริจาคสามารถจัดส่งให้แก่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ (สท.) ทุกแห่ง นับตั้งแต่บัดนี้จนถึง 31 พฤษภาคม 2548 ซึ่งหน่วยรับเอกสาร (สท.) จะได้รวบรวมหลักฐานเอกสารนำส่งกรมสรรพากรโดยเร็วเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
หากมีข้อสงสัยโปรดติดต่อ หน่วยบริหารจัดการเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับเงินบริจาคเพื่อช่วยเหลือ ผู้ประสบธรณีพิบัติใน 6 จังหวัดภาคใต้ สำนักมาตรฐานการกำกับและตรวจสอบภาษี กรมสรรพากร ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2272-8296, 0-2272-8547, 0-2272-9445, 0-2272-8546 ทุกวันในเวลาราชการ 
|