ขออภัยมีข้อจำกัดในการแสดงผล
รูปเส้นประเกี่ยวกับกรมสรรพากรรูปเส้นประห้องข่าวรูปเส้นประบริการอิเล็กทรอนิกส์รูปเส้นประความรู้เรื่องภาษีรูปเส้นประบริการข้อมูลรูปเส้นประอ้างอิงรูปเส้นประRD Knowledge
รูปมุมซ้าย รูปมุมขวา
ค้นหาขั้นสูง
ความช่วยเหลือ
 
ประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ประกาศ/คำสั่ง คสช.
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดยกเว้นและสนับสนุนฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติ ยกเว้นเบี้ยปรับ เงินเพิ่มฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลี่ยม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดภาษีการเดินทางออกนอกราชอาณาจักร พ.ศ.2526
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อหารือภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
คำพิพากษาฏีกา
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
กฎหมายออกใหม่
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
สรุปสิทธิประโยชน์กฎหมายภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
โครงการศึกษาและพัฒนาประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อมูลการพัฒนากฏหมายของกรมสรรพากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
การรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนตามมาตรา 77 แห่งรัฐธรรมนูญ 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง


เลขที่หนังสือ

: กค 0811/00131

วันที่

: 8 มกราคม 2541

เรื่อง

: ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการใช้สิทธิประโยชน์ของบัตรส่งเสริมการลงทุน

ข้อกฎหมาย

: ประเด็นปัญหา

ข้อหารือ

: บริษัทได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุน จำนวน 2 บัตร คือ
      ก. ได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนในกิจการการผลิตอาหารเสริมซุปไก่สกัดและซุปรังนกเพื่อการส่งออกประเภท 1.3 การผลิตหรือถนอมอาหาร ส่วนที่ได้รับการส่งเสริม คือ อาหารเสริมปีละประมาณ 2,515 ตันและมีเงื่อนไขว่าจะต้องส่งผลิตภัณฑ์ที่ผลิตได้ออกไปจำหน่ายต่างประเทศทั้งสิ้น โดยบริษัทฯ จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับกำไรสุทธิที่ได้รับจากการประกอบกิจการที่ได้รับการส่งเสริม มีกำหนดเวลา 7 ปีนับแต่วันที่เริ่มมีรายได้จากการประกอบกิจการ และได้รับลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่ได้รับจากการลงทุนในอัตราร้อยละ 50 ของอัตราปกติ มีกำหนดเวลา 5 ปี นับแต่วันที่พ้นกำหนดการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล และได้ใช้บัตรส่งเสริมไปแล้วเป็นเวลา 6 ปี
      ข. ได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนในกิจการผลิตอาหารเสริม ประเภท 1.8 การผลิตอาหารส่วนที่ได้รับการส่งเสริมคือ อาหารเสริม ปีละประมาณ 4,825 ตัน และมีเงื่อนไขว่าจะต้องส่งผลิตภัณฑ์ที่ผลิตหรือประกอบได้ออกไปจำหน่ายต่างประเทศในแต่ละปีมีมูลค่า เอฟ.โอ.บี. ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่ายอดขายทั้งสิ้นโดยบริษัทฯ จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่ได้จากการประกอบกิจการที่ได้รับการส่งเสริมมีกำหนด 8 ปี นับแต่วันที่เริ่มมีรายได้จากการประกอบกิจการ และได้รับลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่ได้รับจากการลงทุนในอัตราร้อยละ 50 ของอัตราปกติมีกำหนด 5 ปี นับแต่วันที่พ้นกำหนดการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล และได้ใช้สิทธิประโยชน์ของบัตรส่งเสริมเป็นปีที่ 1 ดังนี้
            1. วิธีการใช้กำลังการผลิต ตามสิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากบัตรส่งเสริมทั้ง 2 บัตร
                1.1 บริษัทฯ ต้องใช้สิทธิประโยชน์ของบัตรส่งเสริมบัตรแรกให้เต็มกำลังการผลิตที่ได้รับการส่งเสริมให้ครบก่อน แล้วจึงนำส่วนเกินกำลังการผลิตจากบัตรแรกมาใช้กับบัตรส่งเสริมบัตรที่ 2 ตามลำดับ
                1.2 บริษัทฯ สามารถเลือกใช้กำลังการผลิตตามบัตรส่งเสริมบัตรใดบัตรหนึ่งก่อนหลังก็ได้ วิธีการทั้งสองที่กล่าวนี้มีผลแตกต่างทางภาษีหรือไม่
            2. กรณีบริษัทฯ เลือกใช้กำลังการผลิต ตาม 1.2 ได้ ถ้ากำลังการผลิตที่ได้รับอนุมัติของบัตรส่งเสริมบัตรใดบัตรหนึ่งเพียงพอสำหรับการผลิตทั้งปี บริษัทฯ มีสิทธิ์ที่จะไม่ใช้สิทธิประโยชน์ของบัตรส่งเสริมอีกบัตรหนึ่งได้หรือไม่
            3. การจัดทำและการเก็บสต็อคสำหรับวัตถุดิบ วัสดุจำเป็น และสินค้าสำเร็จรูปที่ได้รับสิทธิประโยชน์ของบัตรส่งเสริมทั้งสองบัตรไม่จำเป็นต้องจัดเก็บและลงบัญชีสต็อคแยกออกจากกันถูกต้องหรือไม่
            4. ผลกำไรขาดทุนสุทธิที่แสดงในแบบ ภ.ง.ด.50 บริษัทฯ สามารถแสดงผลกำไรขาดทุนสุทธิรวมโดยไม่ต้องแยกแสดงผลกำไรขาดทุนของบัตรส่งเสริมแต่ละบัตร ถูกต้องหรือไม่

แนววินิจฉัย

:           1. กรณีที่บริษัทฯ ได้รับสิทธิประโยชน์ตามบัตรส่งเสริมการลงทุนมากกว่า 1 บัตร ซึ่งมีสิทธิประโยชน์และเงื่อนไขที่แตกต่างกันออกไป การใช้สิทธิประโยชน์ในบัตรส่งเสริมแต่ละบัตร เพื่อให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ตามบัตรส่งเสริม บริษัทฯ จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามเงื่อนไข และระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ในแต่ละบัตรส่งเสริมนั้น
            2. ตามข้อ 3 ของประกาศกรมสรรพากร เรื่องการคำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2530 กำหนดให้ผู้ได้รับการส่งเสริมการลงทุนที่ประกอบกิจการทั้งที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล และที่ไม่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้คำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิของแต่ละกิจการแยกต่างหากจากกัน แต่ในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลให้คำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิของกิจการทั้งที่ได้รับยกเว้น และที่ไม่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลมารวมเข้าด้วยกัน ดังนั้น บริษัทฯ จึงสามารถแสดงผลกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิรวมในแบบ ภ.ง.ด.50 โดยไม่แยกแสดงผลกำไรขาดทุนของบัตรส่งเสริมแต่ละบัตรได้ เนื่องจากเป็นการคำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิของกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนซึ่งได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเช่นเดียวกันแต่จะต้องจัดทำบัญชีรายรับ - รายจ่าย สำหรับกิจการที่ได้รับการส่งเสริม และได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลแยกต่างหากจากกิจการส่วนอื่นที่ไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน เพื่อประโยชน์ในการคำนวณกำไรสุทธิที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2520
            3. เนื่องจากสิทธิประโยชน์ที่บริษัทฯ ได้รับตามบัตรส่งเสริมฯ ทั้งสองบัตร ตาม 1. และ 2.เป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเช่นเดียวกัน ดังนั้น การจัดทำและการจัดเก็บสต็อคสำหรับวัตถุดิบ วัสดุจำเป็น และสินค้าสำเร็จรูปที่ได้รับสิทธิประโยชน์ของบัตรส่งเสริมฯ ทั้งสองบัตรดังกล่าว ไม่จำเป็นต้องจัดเก็บและลงบัญชีสต็อคแยกออกจากกันแต่อย่างใด

เลขตู้

: 61/26282

 

 

 

 

clear-gif

WCAG 2.0 (Level AA)

Last update :
 Friday, May 22, 2020

 
รูปมุมซ้าย
หน้าหลักรูปเส้นประEnglishรูปเส้นประแผนผังเว็บไซต์รูปเส้นประแนะนำเว็บไซต์รูปเส้นประติดต่อกรมสรรพากรรูปเส้นประ


 
สงวนลิขสิทธิ์โดยกรมสรรพากร : Website Policy : Privacy Policy : Website Security Policy : Disclaimer
 
กรมสรรพากร 90 ซอยพหลโยธิน 7 ถนนพหลโยธิน แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทร. 1161