ขออภัยมีข้อจำกัดในการแสดงผล
รูปเส้นประเกี่ยวกับกรมสรรพากรรูปเส้นประห้องข่าวรูปเส้นประบริการอิเล็กทรอนิกส์รูปเส้นประความรู้เรื่องภาษีรูปเส้นประบริการข้อมูลรูปเส้นประอ้างอิงรูปเส้นประRD Knowledge
รูปมุมซ้าย รูปมุมขวา
ค้นหาขั้นสูง
ความช่วยเหลือ
 
ประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ประกาศ/คำสั่ง คสช.
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดยกเว้นและสนับสนุนฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติ ยกเว้นเบี้ยปรับ เงินเพิ่มฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลี่ยม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดภาษีการเดินทางออกนอกราชอาณาจักร พ.ศ.2526
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อหารือภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
คำพิพากษาฏีกา
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
กฎหมายออกใหม่
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
สรุปสิทธิประโยชน์กฎหมายภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
โครงการศึกษาและพัฒนาประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อมูลการพัฒนากฏหมายของกรมสรรพากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
การรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนตามมาตรา 77 แห่งรัฐธรรมนูญ 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง


เลขที่หนังสือ

: กค 0811/01147

วันที่

: 29 มกราคม 2541

เรื่อง

: ภาษีเงินได้นิติบุคคลจากการขายหุ้น และภาษีธุรกิจเฉพาะจากดอกเบี้ยรับ

ข้อกฎหมาย

: ประเด็นปัญหา

ข้อหารือ

: บริษัทฯ ได้ทำสัญญากู้ยืมเงินจากสาขาในฮ่องกงของธนาคาร ก. ซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยเพื่อนำมาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เกี่ยวกับภาระภาษีอากรตามสัญญากู้ยืมดังกล่าว และเกี่ยวกับการคำนวณต้นทุนหลักทรัพย์ที่บริษัทฯ นำเงินกู้ยืมมาลงทุน ดังต่อไปนี้
    1. ในส่วนที่เกี่ยวกับสัญญากู้ยืมเงิน
บริษัทฯ ได้ทำสัญญากู้ยืมเงินจากสาขาในฮ่องกงของธนาคาร ก. ซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยโดยบริษัทฯ ได้ส่งกรรมการของบริษัทฯ เดินทางไปเจรจาและลงนามในสัญญากู้ยืมเงินดังกล่าวในฮ่องกงโดยตรงและสาขาฮ่องกงของธนาคาร ก. ได้ระดมเงินทุนจากแหล่งเงินกู้ และจากการรับฝากเงินในต่างประเทศทั้งจำนวน โดยไม่ได้นำเงินทุนของสำนักงานใหญ่หรือของสาขาอื่น ๆ ในประเทศไทยมาใช้ในการให้กู้แต่อย่างใดเมื่อถึงกำหนดใช้คืนเงินกู้ยืมดังกล่าว บริษัทฯ จะจัดส่งเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยออกไปให้สาขาฮ่องกงของธนาคาร ก. ในฮ่องกงโดยตรงเมื่อบริษัทฯ ส่งดอกเบี้ยออกไปให้สาขาฮ่องกงของธนาคาร ก. บริษัทฯ จะมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร หรือไม่ และกรณีดังกล่าว สาขาฮ่องกงของธนาคาร ก. จะต้องนำดอกเบี้ยรับไปเสียภาษีธุรกิจเฉพาะหรือไม่ อย่างไร
    2. ในส่วนที่เกี่ยวกับการคำนวณต้นทุนหลักทรัพย์
บริษัทฯ ได้นำเงินทุนของบริษัทฯ และเงินกู้ยืมมาลงทุนซื้อหลักทรัพย์ประเภทเดียวกันหลายครั้งในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยหลักทรัพย์บางส่วนปรากฏใบหุ้นหรือใบหุ้นกู้ที่ออกในนามบริษัทฯโดยตรงอย่างไรก็ดี บริษัทฯ ยังมีหลักทรัพย์ประเภทเดียวกันจำนวนหนึ่ง ซึ่งได้ทำการซื้อขายผ่านศูนย์รับฝากหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งบริษัทฯ ได้เปิดบัญชีไว้ผ่านบริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับอนุญาต ดังนั้นหลักทรัพย์ที่ได้ทำการซื้อขายผ่านศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ดังกล่าว จะไม่มีใบหุ้นหรือใบหุ้นกู้เป็นหลักฐานแต่อย่างใด
      (ก) เมื่อบริษัทฯ ได้ทำการขายหลักทรัพย์ประเภทเดียวกันซึ่งปรากฏใบหุ้นหรือใบหุ้นกู้ชัดแจ้งเป็นชื่อบริษัทฯ บริษัทฯ จะต้องนำต้นทุนดังกล่าวแต่ละล็อตมาใช้ในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลโดยบริษัทฯ จะนำต้นทุนหลักทรัพย์ประเภทเดียวกันที่ได้ซื้อมาในล็อตอื่น ๆ มาถัวเฉลี่ยเป็นต้นทุนหลักทรัพย์ที่ขายไม่ได้ เนื่องจากมีหลักฐานพิสูจน์โดยชัดแจ้งว่า หลักทรัพย์จำนวนที่ขายดังกล่าวมีเลขที่เท่าใด ลำดับที่เท่าใด และต้นทุนเท่าใด ฉะนั้น บริษัทฯ จึงมีหน้าที่ต้องใช้ราคาต้นทุนของหลักทรัพย์ล็อตนั้น ๆ เป็นการเฉพาะเจาะจงตามหลักการ matching ในทางบัญชี ใช่หรือไม่
      (ข) ในกรณีของการขายหลักทรัพย์ที่จัดเก็บในระบบศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ ซึ่งไม่มีใบหุ้นหรือใบหุ้นกู้ (scripless) บริษัทฯ ไม่สามารถระบุหมายเลขหลักทรัพย์ที่ขายได้ และไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าหลักทรัพย์ดังกล่าวเป็นหลักทรัพย์ที่ซื้อมาในคราวใด เนื่องจากเป็นกรณีที่ไม่มีใบหุ้นหรือใบหุ้นกู้ และไม่มีหมายเลขหุ้นหรือหุ้นกู้ ดังนั้น ในการคำนวณต้นทุนของการขายหลักทรัพย์ประเภทเดียวกันที่เก็บในระบบ scripless ของศูนย์รับฝากหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จึงไม่สามารถนำวิธีการคำนวณต้นทุนแบบ matching มาใช้ได้ บริษัทฯ จะใช้วิธีการคำนวณต้นทุนของหลักทรัพย์ที่ขายตามหลักการทางบัญชีซึ่งกำหนดไว้ในแถลงการณ์มาตรฐานทางบัญชีที่เหมาะสม เช่น วิธีการถัวเฉลี่ยหรือ LIFO หรือ FIFO ได้หรือไม่ โดยเมื่อบริษัทฯ ยึดหลักการใดตามแถลงการณ์มาตรฐานทางบัญชีดังกล่าวแล้ว บริษัทฯ จะใช้วิธีการดังกล่าวตลอดไป
      (ค) ในกรณีของหลักทรัพย์ที่เก็บในระบบ scripless ผ่านศูนย์รับฝากหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยคงเหลืออยู่ ณ วันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชีของบริษัทฯ นั้น หากบริษัทฯ บันทึกหลักทรัพย์ดังกล่าวเป็นสินค้าซึ่งจะต้องตีราคา ณ วันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชีตามหลักการของมาตรา 65 ทวิ (6)แห่งประมวลรัษฎากร ในการคำนวณต้นทุนของหลักทรัพย์ประเภทเดียวกันที่เก็บในระบบ scripless บริษัทฯ จะใช้วิธีการที่ระบุไว้ตามแถลงการณ์มาตรฐานทางบัญชีเช่นเดียวกันที่กล่าวไว้ในข้อ (ข)เพื่อประโยชน์แห่งการตีราคาหลักทรัพย์ตามราคาต้นทุนหรือตามราคาตลาดแล้วแต่อย่างใดจะสูงกว่าได้หรือไม่เนื่องจากบริษัทฯ ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าหลักทรัพย์ล็อตใด เลขที่ใด มีต้นทุนเท่าไรได้โดยแจ้งชัดเนื่องจากเป็นกรณีที่ไม่มีใบหุ้นหรือใบหุ้นกู้

แนววินิจฉัย

:   1. ในส่วนที่เกี่ยวกับสัญญากู้ยืมเงิน
เนื่องจากสาขาในฮ่องกงตามข้อเท็จจริงข้างต้น เป็นสาขาของธนาคาร ก. ซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยดังนั้น เมื่อบริษัทฯ จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับสาขาฮ่องกงของธนาคาร ก. จึงเป็นกรณีที่บริษัทฯจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับบริษัทซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย และบริษัทฯ จึงไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร และโดยที่การประกอบกิจการของสาขาฮ่องกงตามข้อเท็จจริงข้างต้น เป็นการประกอบกิจการนอกราชอาณาจักร สาขาฮ่องกงของธนาคาร ก. จึงไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา 91/2 (1) แห่งประมวลรัษฎากร แต่อย่างใด
    2. ในส่วนที่เกี่ยวกับการคำนวณต้นทุนหลักทรัพย์
      (ก) ในกรณีที่การซื้อหลักทรัพย์ประเภทเดียวกัน ปรากฏใบหุ้น/หุ้นกู้และหมายเลขหลักทรัพย์เป็นหลักฐานชัดแจ้ง บริษัทฯ จะต้องนำมูลค่าต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับหลักทรัพย์หมายเลขนั้น ๆ ที่แท้จริงมาใช้เป็นต้นทุนในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามประมวลรัษฎากร โดยบริษัทฯ จะใช้หลักการ First-In First-Out หรือ Last-In First-Out หรือหลักการถัวเฉลี่ยเช่นเดียวกับกรณีของสินค้าไม่ได้ เนื่องจากเป็นกรณีที่สามารถระบุตัวทรัพย์ได้โดยชัดเจน
      (ข) ในกรณีของการขายหลักทรัพย์ที่บริษัทฯ ได้ซื้อมาในระบบ Scripless โดยผ่าน
ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นกรณีที่ไม่มีใบหุ้น/หุ้นกู้ และไม่มีหมายเลขหุ้น/หุ้นกู้เนื่องจากบริษัทฯ ไม่สามารถระบุชี้ชัดได้ว่า หลักทรัพย์ที่บริษัทฯ ขายไปนั้นเป็นหลักทรัพย์ที่ได้ซื้อมาในล็อตใดคราวใด อีกทั้งศูนย์รับฝากหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก็ไม่สามารถกำหนดหมายเลขหุ้น/หุ้นกู้ในหลักทรัพย์ประเภทเดียวกันนั้นที่ บริษัทฯ ได้ซื้อมาต่างคราวกันไม่ว่าในทางกฎหมายหรือในระบบคอมพิวเตอร์ เมื่อบริษัทฯ ได้ขายหลักทรัพย์ประเภทเดียวกันนั้นไปเพียงบางส่วน บริษัทฯ จะเลือกใช้วิธีการคำนวณต้นทุนของหลักทรัพย์ที่ขายนั้นโดยใช้วิธีการทางบัญชีที่ยอมรับกันเป็นการทั่วไป กล่าวคือวิธีการถัวเฉลี่ย วิธีการ First-In First-Out หรือวิธีการ Last-In First-Out ก็ได้
      (ค) ในกรณีของหลักทรัพย์ที่เก็บในระบบ Scripless ผ่านศูนย์รับฝากหลักทรัพย์แห่ง
ประเทศไทยซึ่งยังคงเหลืออยู่ ณ วันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชีของบริษัทฯ นั้น หากบริษัทฯ บันทึกหลักทรัพย์ดังกล่าวเป็นสินค้าซึ่งจะต้องตีราคา ณ วันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชีตามมาตรา 65 ทวิ (6) แห่งประมวลรัษฎากร ในการคำนวณต้นทุนของหลักทรัพย์ประเภทเดียวกันดังกล่าวเพื่อเทียบเคียงกับราคาตลาดตามมาตรา 65 ทวิ (6) แห่งประมวลรัษฎากร นั้น บริษัทฯ จะต้องใช้วิธีการที่ระบุไว้ตามแถลงการณ์มาตรฐานทางบัญชีเช่นเดียวกันกับที่กล่าวไว้ในข้อ (ข) เพื่อประโยชน์แห่งการตีราคาหลักทรัพย์ตามราคาต้นทุนหรือตามราคาตลาดแล้วแต่อย่างใดจะต่ำกว่าด้วย
    อนึ่ง ในกรณีของข้อ (ข) และข้อ (ค) นั้น เมื่อบริษัทฯ ได้เลือกวิธีการใดวิธีการหนึ่งตามแถลงการณ์มาตรฐานทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเพื่อประโยชน์ในการคำนวณต้นทุนของหลักทรัพย์ซึ่งอยู่ในระบบ Scripless แล้ว บริษัทฯ จะต้องใช้วิธีการดังกล่าวตลอดไป ไม่ว่าจะเป็นในหลักทรัพย์ชนิดเดียวกันหรือหลักทรัพย์ต่างประเภทกันก็ตาม ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล

เลขตู้

: 61/26340

 

 

 

 

clear-gif

WCAG 2.0 (Level AA)

Last update :
 Friday, May 22, 2020

 
รูปมุมซ้าย
หน้าหลักรูปเส้นประEnglishรูปเส้นประแผนผังเว็บไซต์รูปเส้นประแนะนำเว็บไซต์รูปเส้นประติดต่อกรมสรรพากรรูปเส้นประ


 
สงวนลิขสิทธิ์โดยกรมสรรพากร : Website Policy : Privacy Policy : Website Security Policy : Disclaimer
 
กรมสรรพากร 90 ซอยพหลโยธิน 7 ถนนพหลโยธิน แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทร. 1161