ขออภัยมีข้อจำกัดในการแสดงผล
รูปเส้นประเกี่ยวกับกรมสรรพากรรูปเส้นประห้องข่าวรูปเส้นประบริการอิเล็กทรอนิกส์รูปเส้นประความรู้เรื่องภาษีรูปเส้นประบริการข้อมูลรูปเส้นประอ้างอิงรูปเส้นประRD Knowledge
รูปมุมซ้าย รูปมุมขวา
ค้นหาขั้นสูง
ความช่วยเหลือ
 
ประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ประกาศ/คำสั่ง คสช.
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดยกเว้นและสนับสนุนฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติ ยกเว้นเบี้ยปรับ เงินเพิ่มฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลี่ยม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดภาษีการเดินทางออกนอกราชอาณาจักร พ.ศ.2526
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อหารือภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
คำพิพากษาฏีกา
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
กฎหมายออกใหม่
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
สรุปสิทธิประโยชน์กฎหมายภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
โครงการศึกษาและพัฒนาประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อมูลการพัฒนากฏหมายของกรมสรรพากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
การรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนตามมาตรา 77 แห่งรัฐธรรมนูญ 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง


เลขที่หนังสือ

: กค 0811/02217

วันที่

: 19 กุมภาพันธ์ 2541

เรื่อง

: ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย กรณีการจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนของบริษัทผู้รับประกันภัย

ข้อกฎหมาย

: ประเด็นปัญหา

ข้อหารือ

: กรณีเงินค่าสินไหมทดแทนที่บริษัทผู้รับประกันภัย มีหน้าที่ชดใช้ให้กับผู้เอาประกันภัยตามสัญญาประกันภัย ดังนี้
    1. เงินค่าสินไหมทดแทนเพื่อละเมิด หรือเงินที่ได้จากการประกันภัย ที่ผู้เอาประกันภัยได้รับ ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ ตามมาตรา 42 (13) แห่งประมวลรัษฎากรใช่หรือไม่
    2. กรณีบริษัทผู้รับประกันภัยได้จ่ายเงินชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เป็นค่าซ่อมยานพาหนะดังต่อไปนี้บริษัทผู้รับประกันภัยมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 ฯ หรือไม่
      2.1 บริษัทผู้รับประกันภัยเป็นผู้สั่งซ่อมและชำระค่าซ่อมให้แก่ผู้รับจ้างโดยตรง
      2.2 ผู้เอาประกันภัยเป็นผู้สั่งซ่อม แต่บริษัทผู้รับประกันภัยเป็นผู้ชำระค่าซ่อมให้แก่ผู้รับจ้างโดยตรง
      2.3 ผู้เอาประกันภัยเป็นผู้สั่งซ่อม และได้สำรองจ่ายค่าซ่อมให้แก่ผู้ซ่อมไปก่อน แล้วผู้เอาประกันภัยไปเบิกเงินที่สำรองจ่ายนั้นคืนจากบริษัทผู้รับประกันภัย
    3. กรณีบริษัทผู้รับประกันภัยได้จ่ายเงินชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เป็นค่ารักษาพยาบาลของผู้เอาประกันภัยให้แก่โรงพยาบาลของรัฐ โรงพยาบาลเอกชน หรือคลีนิคโดยตรง บริษัทผู้รับประกันภัยมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 ฯ ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528หรือไม่
    4. ถ้าบริษัทผู้รับประกันภัยได้หักภาษี ณ ที่จ่ายไว้โดยไม่มีหน้าที่แล้ว บริษัทผู้รับประกันภัยจะขอคืนเงินภาษีที่หักไว้ได้หรือไม่ หรือบุคคลใดมีหน้าที่ขอคืน

แนววินิจฉัย

:   1. ค่าสินไหมทดแทนเพื่อละเมิดหรือเงินที่ได้จากการประกันภัย เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ ตามมาตรา 42 (13) แห่งประมวลรัษฎากร
    2. การซ่อมยานพาหนะและการรักษาพยาบาล เข้าลักษณะเป็นสัญญารับจ้างทำของ ตามมาตรา 587 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ผู้รับจ้างรับที่จะทำการงานสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนสำเร็จ ค่าซ่อมยานพาหนะหรือค่ารักษาพยาบาลจึงเป็นค่าจ้างทำของ ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น กรณีตามข้อ 2 และข้อ 3 พิจารณาดังนี้
      2.1 ถ้าบริษัทผู้รับประกันภัยเป็นผู้จ่ายเงินค่าซ่อมยานพาหนะหรือค่ารักษาพยาบาล ให้แก่ผู้รับซึ่งเป็น
          (1) ผู้รับจ้างซ่อมยานพาหนะ โรงพยาบาลเอกชน หรือคลีนิค ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
          (2) ผู้รับจ้างซ่อมยานพาหนะ โรงพยาบาลเอกชน หรือคลีนิค ซึ่งเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการในประเทศไทย แต่ไม่รวมถึงมูลนิธิหรือสมาคม ทั้งนี้ ไม่ว่าบริษัทผู้รับประกันภัยหรือผู้เอาประกันภัยเป็นผู้สั่งซ่อมให้บริษัทผู้รับประกันภัยคำนวณหักภาษี ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 3.0 ทั้งนี้ ตามมาตรา 3 เตรส ประกอบข้อ 8 (1) หรือ (2) ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 เรื่องสั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 แก้ไขโดยคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.19/2530 ฯ ลงวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2530
          (3) โรงพยาบาลของรัฐ บริษัทผู้รับประกันภัยไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย แต่
อย่างใดเนื่องจากโรงพยาบาลของรัฐมิใช่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตากฎหมายไทย ซึ่งไม่มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้
      2.2 ถ้าผู้เอาประกันภัยเป็นผู้สำรองจ่ายเงินค่าซ่อมยานพาหนะ แล้วนำใบเสร็จรับเงินไปเบิกคืนจากบริษัทผู้รับประกันภัย ถ้าใบเสร็จรับเงินระบุชื่อบริษัทผู้รับประกันภัยเป็นผู้จ่ายเงินบริษัทผู้รับประกันภัยต้องคำนวณหักภาษี ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 3.0 ตามมาตรา 3 เตรส ประกอบข้อ 8 (1) หรือ (2) ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 ฯ ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 แก้ไขโดยคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.19/2530 ฯ ลงวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2530 แต่ถ้าใบเสร็จรับเงินระบุชื่อผู้เอาประกันภัยเป็นผู้จ่ายเงิน ถือเป็นกรณีบริษัทผู้รับประกันภัยจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนเพื่อละเมิดหรือเงินที่ได้จากการประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัยบริษัทผู้รับประกันภัยไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายแต่อย่างใด แต่กรณีผู้เอาประกันภัยเป็นผู้จ่ายเงินค่าซ่อมยานพาหนะ จะต้องพิจารณาเกี่ยวกับการหักภาษี ณ ที่จ่ายดังนี้
          (1) ผู้เอาประกันภัยเป็นบุคคลธรรมดา (ก) ถ้าผู้รับจ้างฯ เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศประกอบกิจการในประเทศไทย โดยมิได้มีสำนักงานสาขาตั้งอยู่เป็นการถาวรในประเทศไทย ผู้เอาประกันภัยต้องคำนวณหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ในอัตราร้อยละ 5.0 ตามมาตรา 3 เตรส ประกอบกับข้อ 12 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากรมีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 แก้ไขโดยคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.19/2530 ฯ ลงวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2530 (ข) ถ้าผู้รับจ้างฯเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ผู้เอาประกันภัยไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายเพราะไม่มีกฎหมายกำหนดให้ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย สำหรับการจ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากรแต่อย่างใด
          (2) ผู้เอาประกันภัยเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย
ต้องคำนวณหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ ในอัตราร้อยละ 3.0 ตามมาตรา 3 เตรส ประกอบกับข้อ 8 (1) และ (2) ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 แก้ไขโดยคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.19/2530 ฯ ลงวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2530
    3. เงินภาษีที่ได้หักและนำส่ง ถือเป็นเงินได้พึงประเมินที่ผู้ต้องเสียภาษีได้รับตามมาตรา
60 แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น ถ้าบริษัทผู้รับประกันภัยได้หักภาษี ณ ที่จ่ายและนำส่งไว้โดยไม่มีหน้าที่ตามกฎหมายให้ผู้มีเงินได้พึงประเมินที่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายและนำส่ง มีสิทธิยื่นคำร้องขอคืนภายในสามปีนับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่นรายการภาษีหัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 27 ตรี แห่งประมวลรัษฎากรแต่หากผู้มีเงินได้ไม่ประสงค์จะขอคืนภาษี ก็มีสิทธิ์ใช้ภาษีที่หักและนำส่งไว้ในหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย เป็นเครดิตภาษีในการคำนวณภาษีเงินได้สำหรับปีภาษีหรือรอบระยะเวลาบัญชีที่หักไว้นั้น ตามมาตรา 3 เตรส ประกอบกับมาตรา 60 แห่งประมวลรัษฎากร

เลขตู้

: 61/26423

 

 

 

 

clear-gif

WCAG 2.0 (Level AA)

Last update :
 Friday, May 22, 2020

 
รูปมุมซ้าย
หน้าหลักรูปเส้นประEnglishรูปเส้นประแผนผังเว็บไซต์รูปเส้นประแนะนำเว็บไซต์รูปเส้นประติดต่อกรมสรรพากรรูปเส้นประ


 
สงวนลิขสิทธิ์โดยกรมสรรพากร : Website Policy : Privacy Policy : Website Security Policy : Disclaimer
 
กรมสรรพากร 90 ซอยพหลโยธิน 7 ถนนพหลโยธิน แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทร. 1161