ขออภัยมีข้อจำกัดในการแสดงผล
รูปเส้นประเกี่ยวกับกรมสรรพากรรูปเส้นประห้องข่าวรูปเส้นประบริการอิเล็กทรอนิกส์รูปเส้นประความรู้เรื่องภาษีรูปเส้นประบริการข้อมูลรูปเส้นประอ้างอิงรูปเส้นประRD Knowledge
รูปมุมซ้าย รูปมุมขวา
ค้นหาขั้นสูง
ความช่วยเหลือ
 
ประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ประกาศ/คำสั่ง คสช.
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดยกเว้นและสนับสนุนฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติ ยกเว้นเบี้ยปรับ เงินเพิ่มฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลี่ยม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดภาษีการเดินทางออกนอกราชอาณาจักร พ.ศ.2526
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อหารือภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
คำพิพากษาฏีกา
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
กฎหมายออกใหม่
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
สรุปสิทธิประโยชน์กฎหมายภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
โครงการศึกษาและพัฒนาประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อมูลการพัฒนากฏหมายของกรมสรรพากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
การรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนตามมาตรา 77 แห่งรัฐธรรมนูญ 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง


เลขที่หนังสือ

: กค 0811/07455

วันที่

: 3 มิถุนายน 2541

เรื่อง

: ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีธุรกิจเฉพาะ กรณีรับโอน
สิทธิเรียกร้องในลูกหนี้เช่าซื้อของสถาบันการเงินที่ถูกสั่งระงับการดำเนินกิจการ 56 แห่ง

ข้อกฎหมาย

: มาตรา 65, มาตรา 77/1, มาตรา 77/2, มาตรา 78, มาตรา 78/1, มาตรา 79, มาตรา
104, กฎกระทรวง ฉบับที่ 189 (พ.ศ. 2534), คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.1/2528,
คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.36/2536

ข้อหารือ

: บริษัทฯ เป็นบริษัทเงินทุนที่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้จัดตั้งขึ้น
เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาของระบบสถาบันการเงิน โดยมีวัตถุประสงค์ในการเข้าประมูลหรือ
แข่งขันราคาหรือรับซื้อ หรือรับโอนสินทรัพย์ของบริษัทเงินทุนที่ถูกสั่งระงับการดำเนินกิจการและไม่อาจ
แก้ไขหรือฟื้นฟูฐานะหรือการดำเนินงานได้ และโดยที่ ปรส. (องค์การเพื่อการปฏิรูประบบ
สถาบันการเงิน) ได้ประกาศการจำหน่ายทอดตลาดเพื่อจำหน่ายสินทรัพย์ประเภทลูกหนี้เช่าซื้อของ
สถาบันการเงินที่ถูกสั่งระงับการดำเนินกิจการ 56 แห่งบริษัทฯ มีโครงการที่จะเข้าร่วมประมูลแข่งขัน
ราคาเพื่อรับซื้อหรือรับโอนสิทธิเรียกร้องในลูกหนี้เช่าซื้อของสถาบันการเงินดังกล่าว บริษัทฯ ขอทราบ
ปัญหาภาระภาษีอากรเพื่อถือเป็นแนวทางปฏิบัติให้ถูกต้องต่อไป ดังนี้
1. กรณีที่บริษัทฯ ชนะการประมูลแข่งขันราคา ค่าตอบแทนการโอนสิทธิเรียกร้องในลูกหนี้
เช่าซื้อที่บริษัทฯ ต้องจ่ายให้กับสถาบันการเงิน 56 แห่ง จะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ และใน
การคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มจะคำนวณจากค่าตอบแทนที่จ่ายตามราคาที่ประมูลได้ หรือคำนวณจากยอดหนี้คง
ค้างของลูกหนี้เช่าซื้อที่บริษัทฯ ได้รับโอน
2. การโอนสิทธิเรียกร้องในลูกหนี้เช่าซื้อ สถาบันการเงินผู้โอนซึ่งเป็นผู้ให้เช่าซื้อเดิมต้อง
จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ที่ให้ลูกค้าเช่าซื้อให้บริษัทฯ ผู้รับโอน กรณีดังกล่าวถือเป็นการขายที่
ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่
3. ส่วนต่างที่เกิดจากค่าตอบแทนในการโอนสิทธิเรียกร้องตามราคาที่บริษัทฯ ประมูลได้กับ
ยอดหนี้คงค้างของลูกหนี้เช่าซื้อที่รับโอนมา บริษัทฯ จะต้องรับรู้เป็นรายได้เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล
และภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ อย่างไร
4. สัญญาเช่าซื้อรถยนต์ที่เดิมได้รับสิทธิให้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 ต่อไป
หากบริษัทฯ ยังคงใช้สัญญาเช่าซื้อฉบับเดิมโดยมีเอกสารแนบท้ายเปลี่ยนแปลงสิทธิในตัวลูกหนี้เป็นของ
บริษัทฯ สัญญาเช่าซื้อดังกล่าวยังคงได้รับสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 ต่อไปหรือไม่
5. สัญญาเช่าซื้อรถยนต์ที่ได้รับสิทธิให้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 ต่อไป ซึ่ง
ลูกหนี้เช่าซื้อได้ค้างชำระค่างวดและสถาบันการเงินผู้ให้เช่าซื้อเดิมได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อโดยทำเป็น
หนังสือแจ้งต่อผู้เช่าซื้อแล้ว ต่อมาลูกหนี้ติดต่อขอชำระค่างวดต่อตามสัญญาเดิม หรือขอชำระเงินที่เหลือ
ทั้งหมดรวมครั้งเดียว กรณีดังกล่าว บริษัทฯ ต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากลูกหนี้เช่าซื้อในอัตราใด
6. สัญญาการโอนสิทธิเรียกร้องในลูกหนี้เช่าซื้อรถยนต์ จะต้องติดอากรแสตมป์หรือไม่ และ
ผู้โอนหรือผู้รับโอนเป็นผู้มีหน้าที่ต้องเสียอากรแสตมป์
7. กรณีที่บริษัทฯ ไม่สามารถแข่งขันประมูลราคาเพื่อรับโอนสิทธิเรียกร้องในลูกหนี้เช่าซื้อ
รถยนต์จากสถาบันการเงิน 56 แห่ง หากบริษัทฯ รับจ้างเก็บเงินค่างวดจากลูกหนี้เช่าซื้อ โดยเรียกเก็บ
ค่าบริการจากผู้ว่าจ้างเป็นอัตราร้อยละของจำนวนเงินค่างวดที่เรียกเก็บจากลูกหนี้ บริษัทฯ จะต้องเสีย
ภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อใด

แนววินิจฉัย

: 1. กรณีตาม 1. การขายหรือการโอนสิทธิเรียกร้องในลูกหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ ซึ่ง
เป็นสิทธิในทรัพย์สินที่อยู่ในกิจการที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เข้าลักษณะเป็นการ "ขายสินค้า" ตามมาตรา
77/1 (8)และ (9) แห่งประมวลรัษฎากร อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 77/2 แห่ง
ประมวลรัษฎากรดังนั้น หากบริษัทฯ ชนะการประมูลลูกหนี้เช่าซื้อรถยนต์ของสถาบันการเงินที่ถูกสั่งปิด
กิจการ 56 แห่ง ในการโอนสิทธิเรียกร้องจากผู้โอน (สถาบันการเงิน 56 แห่ง) ไปยังผู้รับโอน
(บริษัทฯ) ผู้โอนจึงมีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจากมูลค่าทั้งหมดของค่าตอบแทนที่ได้รับหรือพึงได้รับ ตาม
มาตรา 79 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งค่าตอบแทนที่พึงได้รับที่ต้องนำไปเป็นฐานภาษีในการคำนวณ
ภาษีมูลค่าเพิ่มให้ถือตามจำนวนเงินค่าขายทอดตลาดที่ผู้โอนได้รับ โดยความรับผิดในการเสีย
ภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นเมื่อผู้โอนได้รับชำระราคาค่าตอบแทนจากการโอนสิทธิเรียกร้องในลูกหนี้เช่าซื้อ
รถยนต์ ทั้งนี้ ตามข้อ 2 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 189 (พ.ศ. 2534)
2. กรณีตาม 2. การจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ที่ให้เช่าซื้อจากสถาบันการเงิน
ผู้โอน ให้กับบริษัทฯ ผู้รับโอน เป็นเพียงการดำเนินการทางเอกสารเพื่อให้หลักฐานทางทะเบียนรถยนต์
ถูกต้องตามความเป็นจริงเนื่องจากมีการเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้ผู้ให้เช่าซื้อ กรณีดังกล่าวมิใช่การ จำหน่าย
จ่าย โอนสินค้า จึงไม่เข้าลักษณะเป็นการ "ขาย" ตามมาตรา 77/1 (8) แห่งประมวลรัษฎากร ไม่อยู่
ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มแต่อย่างใด
3. กรณีตาม 3. ส่วนต่างระหว่างราคาค่าตอบแทนในการโอนสิทธิเรียกร้องกับยอดหนี้คง
ค้างของลูกหนี้เช่าซื้อ เข้าลักษณะเป็นเงินได้จากกิจการให้เช่าซื้อรถยนต์ บริษัทฯ ผู้รับโอนจะต้องนำไป
ถือเป็นรายได้ในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามมาตรา 65 แห่งประมวลรัษฎากร
โดยทยอยรับรู้เป็นรายได้ในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีตามงวดที่ถึงกำหนดชำระของลูกหนี้แต่ละราย ตาม
ข้อ 4.3 แห่งคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.1/2528 ฯ ลงวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2528 และ
ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มของบริษัทฯ ผู้ให้เช่าซื้อ เกิดขึ้นเมื่อถึงกำหนดชำระราคาตามงวดที่
ถึงกำหนดชำระแต่ละงวด ตามมาตรา 78 (2) แห่งประมวลรัษฎากร
4. กรณีตาม 4. การขายสินค้าตามสัญญาให้เช่าซื้อโดยได้มีการเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้ด้วย
การแปลงหนี้หรือโอนหนี้หลังวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2540 ผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่ได้รับสิทธิเสีย
ภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 ต่อไป ดังนั้น บริษัทฯ จึงต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากลูกหนี้
เช่าซื้อรถยนต์ในอัตราร้อยละ 10.0
5. กรณีตาม 5. สัญญาเช่าซื้อที่ได้รับสิทธิให้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 ต่อไป
ซึ่งสถาบันการเงินผู้ให้เช่าซื้อเดิมได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อโดยทำเป็นหนังสือแจ้งต่อผู้เช่าซื้อแล้ว ดังนั้น
นับแต่เดือนภาษีที่ส่งหนังสือแจ้งเลิกสัญญา ถือว่าไม่มีการขายสินค้าตามสัญญาให้เช่าซื้ออีกต่อไป
ผู้ให้เช่าซื้อไม่ต้องออกใบกำกับภาษีและเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามงวดที่ถึงกำหนดชำระแต่ละงวด ทั้งนี้ ตาม
ข้อ 2 (6) แห่งคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.36/2536 ฯ ลงวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2536
6. กรณีตาม 6. สัญญาการโอนสิทธิเรียกร้องในลูกหนี้เช่าซื้อรถยนต์ ไม่เข้าลักษณะแห่ง
ตราสารใดตามที่ระบุไว้ในบัญชีท้ายหมวดว่าด้วยอากรแสตมป์ จึงไม่ต้องปิดอากรแสตมป์ ตามมาตรา 104
แห่งประมวลรัษฎากร
7. กรณีตาม 7. การรับจ้างเก็บเงินค่างวดจากลูกหนี้เช่าซื้อ โดยเรียกเก็บค่าบริการจาก
ผู้ว่าจ้างเป็นอัตราร้อยละของจำนวนเงินค่างวดที่เรียกเก็บจากลูกหนี้ เข้าลักษณะเป็นการให้บริการ ตาม
มาตรา 77/1 (10) แห่งประมวลรัษฎากร ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นเมื่อ
ได้รับชำระราคาค่าบริการ ตามมาตรา 78/1 (1) แห่งประมวลรัษฎากร

เลขตู้

: 61/26737

 


 

clear-gif

WCAG 2.0 (Level AA)

Last update :
 Friday, May 22, 2020

 
รูปมุมซ้าย
หน้าหลักรูปเส้นประEnglishรูปเส้นประแผนผังเว็บไซต์รูปเส้นประแนะนำเว็บไซต์รูปเส้นประติดต่อกรมสรรพากรรูปเส้นประ


 
สงวนลิขสิทธิ์โดยกรมสรรพากร : Website Policy : Privacy Policy : Website Security Policy : Disclaimer
 
กรมสรรพากร 90 ซอยพหลโยธิน 7 ถนนพหลโยธิน แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทร. 1161