ขออภัยมีข้อจำกัดในการแสดงผล
รูปเส้นประเกี่ยวกับกรมสรรพากรรูปเส้นประห้องข่าวรูปเส้นประบริการอิเล็กทรอนิกส์รูปเส้นประความรู้เรื่องภาษีรูปเส้นประบริการข้อมูลรูปเส้นประอ้างอิงรูปเส้นประRD Knowledge
รูปมุมซ้าย รูปมุมขวา
ค้นหาขั้นสูง
ความช่วยเหลือ
 
ประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ประกาศ/คำสั่ง คสช.
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดยกเว้นและสนับสนุนฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติ ยกเว้นเบี้ยปรับ เงินเพิ่มฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลี่ยม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดภาษีการเดินทางออกนอกราชอาณาจักร พ.ศ.2526
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อหารือภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
คำพิพากษาฏีกา
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
กฎหมายออกใหม่
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
สรุปสิทธิประโยชน์กฎหมายภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
โครงการศึกษาและพัฒนาประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อมูลการพัฒนากฏหมายของกรมสรรพากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
การรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนตามมาตรา 77 แห่งรัฐธรรมนูญ 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง


เลขที่หนังสือ

: กค 0811/08464

วันที่

: 11 มิถุนายน 2541

เรื่อง

: ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการบันทึกบัญชีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท

ข้อกฎหมาย

: มาตรา 65 ทวิ (5), คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.72/2540

ข้อหารือ

: บริษัทฯ ได้ทำสัญญากู้เงินเมื่อ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2539 จำนวน 80 ล้าน us$ โดยมี
อายุหนี้ 14.5 ปี ปลอดหนี้ 2 ปี การชำระหนี้ในสัญญาได้กำหนดเป็นร้อยละของมูลค่าหนี้ในแต่ละปีไว้
ปัจจุบันบริษัทฯได้เบิกเงินกู้มาใช้เป็นจำนวนเงิน 20,370,000 us$ เพื่อนำมาใช้ในการก่อสร้าง
โรงงานเป็นเงินจำนวน 19,446,050 us$ และใช้จ่ายในการบริหารงานทั่วไปเป็นเงินจำนวน
923,950 us$ ผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนจากเงินบาทลอยตัวของเงินกู้นี้ ณ วันที่ 31/12/40 เป็นเงิน
จำนวนรวมทั้งสิ้น 174,667,800 บาท โดยเป็นผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนจากเงินที่ใช้ในการก่อสร้าง
โรงงานเป็นเงิน 166,150,008 บาท และจากค่าใช้จ่ายในการบริหารงานทั่วไปเป็นเงิน 8,517,792
บาท บริษัทฯ ได้เลือกวิธีข้อ 2 (1) ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.72/2540 เรื่อง การปฏิบัติ
เกี่ยวกับการคำนวณรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล เนื่องจากการปรับปรุงระบบ
การแลกเปลี่ยนเงินตรา ลงวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 บริษัทฯ จึงขอทราบว่า
1 วิธีการที่บริษัทฯ เลือกใช้ถูกต้องตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.72/2540 ฯ
ลงวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 หรือไม่ สำหรับผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนของงานก่อสร้าง
บริษัทฯ จะรวมไว้เป็นต้นทุนงานก่อสร้าง และผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าใช้จ่ายก่อนการ
ดำเนินงานจะนำมาแสดงไว้ในงบกำไรขาดทุน แต่ในปี ค.ศ. 1997 และ 1998 บริษัทฯ ไม่มีภาระ
หนี้สินที่ต้องชำระ จึงไม่มีผลขาดทุนจำนวนนี้ปรากฏในงบกำไรขาดทุน
2 รอบระยะบัญชีของบริษัทฯ ตรงกับวันที่ 31 สิงหาคม 2540 อัตราแลกเปลี่ยนที่บริษัทฯ
จะนำมาใช้ ณ วันสิ้นรอบบัญชี ควรจะใช้อัตราใด ระหว่างอัตราของกรมสรรพากร อัตราของ
ธนาคารแห่งประเทศไทย และอัตราที่ธนาคารพาณิชย์ประกาศใช้

แนววินิจฉัย

: 1 ตามข้อเท็จจริง หนี้สินตามสัญญากู้ดังกล่าวซึ่งเป็นเงินตราต่างประเทศ บริษัทฯ จะ
ต้องคำนวณค่าหรือราคาเป็นเงินตราไทย ณ วันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชี หากมีผลกำไรหรือขาดทุนจากการ
ตีราคาหนี้สินดังกล่าว บริษัทฯ ต้องนำมารวมคำนวณเป็นรายได้หรือรายจ่ายแล้วแต่กรณี ทั้งนี้ ตามมาตรา
65 ทวิ (5) วรรคหนึ่ง แห่งประมวลรัษฎากร และตามข้อ 1 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.72/2540
เรื่อง การปฏิบัติเกี่ยวกับการคำนวณรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล เนื่องจาก
การปรับปรุงระบบการแลกเปลี่ยนเงินตรา ลงวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2540
2 เนื่องจากตามข้อเท็จจริงข้างต้น การกู้เงินตามสัญญาดังกล่าวเป็นการกู้เงินระยะ
ยาวเป็นระยะเวลา 14.5 ปี ถือเป็นการกู้เงินเพื่อการลงทุน ดังนั้น เมื่อบริษัทฯ ได้นำเงินตามสัญญากู้
ดังกล่าวไปใช้เป็นต้นทุนในงานก่อสร้างโรงงาน บริษัทฯ มีสิทธินำผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้น
จากการก่อสร้างโรงงานมารวมเป็นต้นทุนทรัพย์สินทั้งหมด เพื่อหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคา ตาม
มาตรา 65 ทวิ (2) แห่งประมวลรัษฎากรได้
3. กรณีบริษัทฯ อ้างว่าได้นำเงินกู้ตามสัญญาเงินกู้ระยะยาวมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายก่อน
การดำเนินงานนั้น แม้จะมีหลักฐานการจ่ายเงินที่เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน แต่กรณีเป็นการยากที่
จะพิสูจน์ว่าตัวเงินที่ใช้เป็นค่าใช้จ่ายนั้น จะเป็นเงินที่กู้มา เพราะโดยปกติการกู้เงินตามสัญญาเงินกู้ระยะ
ยาวจะเป็นการกู้เงินเพื่อการลงทุน อีกทั้ง บริษัทฯ อาจจะใช้เงินทุนหมุนเวียนซึ่งเป็นทรัพย์สินของบริษัทฯ
เองก็ได้ กรณีจึงไม่มีเหตุจำเป็นที่ต้องวินิจฉัยถึงผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นจากค่าใช้จ่ายว่า
บริษัทฯ จะเลือกใช้วิธีตามข้อ 2 (1) ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.72/2540 ฯ ลงวันที่ 24
กรกฎาคม พ.ศ. 2540 ได้หรือไม่
4. กรณีบริษัทฯ มีทรัพย์สินหรือหนี้สินซึ่งมีค่าหรือราคาเป็นเงินตราต่างประเทศที่
เหลืออยู่ในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ให้คำนวณค่าหรือราคาเป็นเงินตราไทย ตามมาตรา 65
ทวิ (5) (ก) แห่งประมวลรัษฎากรกล่าวคือ หากเป็นเงินตราหรือทรัพย์สิน ให้ใช้อัตราถัวเฉลี่ยที่
ธนาคารพาณิชย์รับซื้อซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้ หากเป็นหนี้สิน ให้ใช้อัตราถัวเฉลี่ยที่
ธนาคารพาณิชย์ขายซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้

เลขตู้

: 61/26786

 


 

clear-gif

WCAG 2.0 (Level AA)

Last update :
 Friday, May 22, 2020

 
รูปมุมซ้าย
หน้าหลักรูปเส้นประEnglishรูปเส้นประแผนผังเว็บไซต์รูปเส้นประแนะนำเว็บไซต์รูปเส้นประติดต่อกรมสรรพากรรูปเส้นประ


 
สงวนลิขสิทธิ์โดยกรมสรรพากร : Website Policy : Privacy Policy : Website Security Policy : Disclaimer
 
กรมสรรพากร 90 ซอยพหลโยธิน 7 ถนนพหลโยธิน แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทร. 1161