ข้อหารือ | : บริษัทฯ ได้ทำสัญญากู้เงินเมื่อ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2539 จำนวน 80 ล้าน us$ โดยมี อายุหนี้ 14.5 ปี ปลอดหนี้ 2 ปี การชำระหนี้ในสัญญาได้กำหนดเป็นร้อยละของมูลค่าหนี้ในแต่ละปีไว้ ปัจจุบันบริษัทฯได้เบิกเงินกู้มาใช้เป็นจำนวนเงิน 20,370,000 us$ เพื่อนำมาใช้ในการก่อสร้าง โรงงานเป็นเงินจำนวน 19,446,050 us$ และใช้จ่ายในการบริหารงานทั่วไปเป็นเงินจำนวน 923,950 us$ ผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนจากเงินบาทลอยตัวของเงินกู้นี้ ณ วันที่ 31/12/40 เป็นเงิน จำนวนรวมทั้งสิ้น 174,667,800 บาท โดยเป็นผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนจากเงินที่ใช้ในการก่อสร้าง โรงงานเป็นเงิน 166,150,008 บาท และจากค่าใช้จ่ายในการบริหารงานทั่วไปเป็นเงิน 8,517,792 บาท บริษัทฯ ได้เลือกวิธีข้อ 2 (1) ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.72/2540 เรื่อง การปฏิบัติ เกี่ยวกับการคำนวณรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล เนื่องจากการปรับปรุงระบบ การแลกเปลี่ยนเงินตรา ลงวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 บริษัทฯ จึงขอทราบว่า 1 วิธีการที่บริษัทฯ เลือกใช้ถูกต้องตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.72/2540 ฯ ลงวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 หรือไม่ สำหรับผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนของงานก่อสร้าง บริษัทฯ จะรวมไว้เป็นต้นทุนงานก่อสร้าง และผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าใช้จ่ายก่อนการ ดำเนินงานจะนำมาแสดงไว้ในงบกำไรขาดทุน แต่ในปี ค.ศ. 1997 และ 1998 บริษัทฯ ไม่มีภาระ หนี้สินที่ต้องชำระ จึงไม่มีผลขาดทุนจำนวนนี้ปรากฏในงบกำไรขาดทุน 2 รอบระยะบัญชีของบริษัทฯ ตรงกับวันที่ 31 สิงหาคม 2540 อัตราแลกเปลี่ยนที่บริษัทฯ จะนำมาใช้ ณ วันสิ้นรอบบัญชี ควรจะใช้อัตราใด ระหว่างอัตราของกรมสรรพากร อัตราของ ธนาคารแห่งประเทศไทย และอัตราที่ธนาคารพาณิชย์ประกาศใช้ |