ขออภัยมีข้อจำกัดในการแสดงผล
รูปเส้นประเกี่ยวกับกรมสรรพากรรูปเส้นประห้องข่าวรูปเส้นประบริการอิเล็กทรอนิกส์รูปเส้นประความรู้เรื่องภาษีรูปเส้นประบริการข้อมูลรูปเส้นประอ้างอิงรูปเส้นประRD Knowledge
รูปมุมซ้าย รูปมุมขวา
ค้นหาขั้นสูง
ความช่วยเหลือ
 
ประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ประกาศ/คำสั่ง คสช.
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดยกเว้นและสนับสนุนฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติ ยกเว้นเบี้ยปรับ เงินเพิ่มฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลี่ยม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดภาษีการเดินทางออกนอกราชอาณาจักร พ.ศ.2526
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อหารือภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
คำพิพากษาฏีกา
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
กฎหมายออกใหม่
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
สรุปสิทธิประโยชน์กฎหมายภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
โครงการศึกษาและพัฒนาประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อมูลการพัฒนากฏหมายของกรมสรรพากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
การรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนตามมาตรา 77 แห่งรัฐธรรมนูญ 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง


เลขที่หนังสือ

: กค 0811/12274

วันที่

: 17 สิงหาคม 2541

เรื่อง

: ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการคำนวณรายจ่ายของผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.72/2540 ฯ

ข้อกฎหมาย

: มาตรา 65 ทวิ (5), คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.72/2540ฯ

ข้อหารือ

: 1. บริษัทฯ ได้กู้ยืมเงินตราต่างประเทศ จำนวนเงิน 54 ล้านเหรียญสหรัฐ ในรอบ
ระยะเวลาบัญชีปี 2539 โดยต้องชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ในรอบระยะเวลาบัญชี ตั้งแต่ปี 2543 ถึงปี 2547
ตามส่วนแห่งมูลค่าหนี้สินที่ถึงกำหนดชำระในแต่ละปี ในอัตราร้อยละ 20 ณ วันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชีปี
2540 บริษัทฯ มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจากการตีราคาหนี้เงินกู้ที่ยังไม่ถึง
กำหนดชำระ ตามมาตรา 65 ทวิ(5) แห่งประมวลรัษฎากร เป็นจำนวนเงิน 736,290,000 บาท
บริษัทฯ เข้าใจว่า บริษัทฯ สามารถเฉลี่ยรายจ่ายผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
ตามส่วนแห่งมูลค่าหนี้สินที่ถึงกำหนดชำระในอัตราร้อยละ 20 เป็นจำนวนเงิน 147,258,000 บาท ใน
แต่ละรอบระยะเวลาบัญชี ตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีในปี 2543 ถึง 2547 ตามข้อ 2 (1) แห่ง
คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.72/2540 ฯ ความเข้าใจของบริษัทฯ ถูกต้องหรือไม่ บริษัทฯ จะต้องบันทึก
การเฉลี่ยรายจ่ายผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนตามเกณฑ์ในข้อ 2 (1) แห่งคำสั่งกรมสรรพากร ที่
ท.ป.72/2540 ฯ ได้หรือไม่ อย่างไร
2. กรณีบริษัทฯ นำผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนมาถือเป็นรายจ่ายตามเกณฑ์ในข้อ 2
(2) แห่งคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.72/2540 ฯ ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน จำนวนเงิน
736,290,000 บาท บริษัทฯ จะนำไปเฉลี่ยหักเป็นรายจ่าย 8 รอบระยะเวลาบัญชี กล่าวคือถือเป็น
รายจ่ายตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชี ปี 2540 ถึงปี 2547 รอบละ 92,036,250 บาท ถูกต้องหรือไม่
3. กรณีบริษัทฯ นำผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนมาถือเป็นรายจ่ายตามเกณฑ์ในข้อ 3
แห่งคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.72/2540 ฯ ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน จำนวนเงิน
736,290,000 บาท บริษัทฯ จะนำไปเฉลี่ยหักเป็นรายจ่าย 5 รอบระยะเวลาบัญชี กล่าวคือถือเป็น
รายจ่ายตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีปี 2540 ถึง ปี 2544 รอบละ 147,258,000 บาท ถูกต้องหรือไม่

แนววินิจฉัย

: 1. กรณีตามข้อเท็จจริงข้างต้น บริษัทฯ มีทรัพย์สินหรือหนี้สินที่มีค่าหรือราคาเป็นเงินตรา
ต่างประเทศเหลืออยู่ในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีที่สิ้นสุดในหรือหลังวันที่ 2 กรกฎาคม 2540
บริษัทฯ ต้องคำนวณค่าหรือราคาเป็นเงินตราไทย ตามมาตรา 65 ทวิ (5) วรรคหนึ่ง แห่ง
ประมวลรัษฎากร ถ้ามีกำไรหรือขาดทุนให้นำมารวมคำนวณเป็นรายได้หรือรายจ่าย โดยบริษัทฯ มีสิทธิ
เลือกปฏิบัติตามข้อ 1 หรือข้อ 2 หรือข้อ 3 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.72/2540 ฯ ลงวันที่ 24
กรกฎาคม 2540 ก็ได้ แต่บริษัทฯ จะต้องใช้วิธีการนั้นกับทรัพย์สินหรือหนี้สินทุกรายการหรือทุกสัญญา และ
ในกรณีที่บริษัทฯ เลือกวิธีการตามข้อ 2 หรือข้อ 3 จะต้องหมายเหตุในงบการเงินในแต่ละปีให้ชัดเจนว่า
เลือกเฉลี่ยตามข้อ 2 หรือข้อ 3 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.72/2540 ฯ ลงวันที่ 24 กรกฎาคม
พ.ศ. 2540 จนกว่าการคำนวณรายได้หรือรายจ่ายตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.72/2540 ฯ
ลงวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 จะหมดสิ้นไป โดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลไม่ต้องบันทึกบัญชี
และจัดทำงบกำไรขาดทุนให้เป็นวิธีการเดียวกับการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลก็ได้
2. กรณีตาม 1. การคำนวณตามส่วนแห่งมูลค่าทรัพย์สินหรือหนี้สินที่ถึงกำหนดชำระใน
แต่ละรอบระยะเวลาบัญชีนับแต่รอบระยะบัญชีแรกดังกล่าวเป็นต้นไปตามข้อ 2 (1) แห่ง
คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.72/2540 ฯ ลงวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 บริษัทฯ ต้องรับชำระหนี้
หรือจ่ายชำระหนี้เป็นงวด ๆ และมีการรับชำระหนี้หรือจ่ายชำระหนี้ในรอบระยะเวลาบัญชีที่สิ้นสุดลงใน
หรือหลังวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 ด้วย กรณีตามข้อเท็จจริง บริษัทฯ เริ่มชำระหนี้คืนให้แก่เจ้าหนี้
ในรอบระยะเวลาบัญชีปี 2543 เป็นต้นไป จึงไม่มีสิทธิเฉลี่ยรายจ่ายผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนตาม
ข้อ 2 (1) แห่งคำสั่งกรมสรรพากรดังกล่าวได้แต่อย่างใด
3. กรณีตาม 2. บริษัทฯ สามารถคำนวณตามส่วนเฉลี่ยของระยะเวลาการชำระหนี้
นับแต่รอบระยะเวลาบัญชีแรกดังกล่าวถึงรอบระยะเวลาบัญชีที่ต้องชำระหนี้ครั้งสุดท้ายตามข้อ 2 (2)
แห่งคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.72/2540 ฯ ลงวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 ได้ โดยบริษัทฯ
มีสิทธิเฉลี่ยรายจ่ายผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีปี 2540 ถึง
รอบระยะเวลาบัญชีที่ต้องชำระหนี้ครั้งสุดท้ายคือปี 2547 ได้รวม 8 รอบระยะเวลาบัญชี กล่าวคือ ถือ
เป็นรายจ่ายได้รอบระยะเวลาบัญชีละ 92,036,250 บาท (736,290,000/8)
4. กรณีตาม 3. บริษัทฯ จะเลือกคำนวณขาดทุนจากการตีราคาทรัพย์สินหรือหนี้สิน
ตามส่วนเฉลี่ยของมูลค่าทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้นตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีแรกดังกล่าวเป็นต้นไป แต่ไม่เกิน
ห้ารอบระยะเวลาบัญชีก็ได้ตามข้อ 3 แห่งคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.72/2540 ฯ ลงวันที่ 24
กรกฎาคม พ.ศ. 2540 กล่าวคือถือเป็นรายจ่ายได้ตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีปี 2540 ถึง 2544
รอบระยะเวลาบัญชีละ 147,258,000 บาท (736,290,000/5)

เลขตู้

: 61/26990

 


 

clear-gif

WCAG 2.0 (Level AA)

Last update :
 Friday, May 22, 2020

 
รูปมุมซ้าย
หน้าหลักรูปเส้นประEnglishรูปเส้นประแผนผังเว็บไซต์รูปเส้นประแนะนำเว็บไซต์รูปเส้นประติดต่อกรมสรรพากรรูปเส้นประ


 
สงวนลิขสิทธิ์โดยกรมสรรพากร : Website Policy : Privacy Policy : Website Security Policy : Disclaimer
 
กรมสรรพากร 90 ซอยพหลโยธิน 7 ถนนพหลโยธิน แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทร. 1161