ขออภัยมีข้อจำกัดในการแสดงผล
รูปเส้นประเกี่ยวกับกรมสรรพากรรูปเส้นประห้องข่าวรูปเส้นประบริการอิเล็กทรอนิกส์รูปเส้นประความรู้เรื่องภาษีรูปเส้นประบริการข้อมูลรูปเส้นประอ้างอิงรูปเส้นประRD Knowledge
รูปมุมซ้าย รูปมุมขวา
ค้นหาขั้นสูง
ความช่วยเหลือ
 
ประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ประกาศ/คำสั่ง คสช.
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดยกเว้นและสนับสนุนฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติ ยกเว้นเบี้ยปรับ เงินเพิ่มฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลี่ยม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดภาษีการเดินทางออกนอกราชอาณาจักร พ.ศ.2526
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อหารือภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
คำพิพากษาฏีกา
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
กฎหมายออกใหม่
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
สรุปสิทธิประโยชน์กฎหมายภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
โครงการศึกษาและพัฒนาประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อมูลการพัฒนากฏหมายของกรมสรรพากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
การรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนตามมาตรา 77 แห่งรัฐธรรมนูญ 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง


เลขที่หนังสือ

: กค 0811/พ.06341

วันที่

: 1 กรกฎาคม 2542

เรื่อง

: ภาษีธุรกิจเฉพาะ กรณีการขายอสังหาริมทรัพย์อันเป็นมรดก

ข้อกฎหมาย

: มาตรา 40, มาตรา 47, มาตรา 48, พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 244) พ.ศ. 2534

ข้อหารือ

: นาย ก มีพี่น้องรวม 6 คน ได้รับทรัพย์มรดกที่ดิน เนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน 44 1/10
ตารางวา พร้อมสิ่งปลูกสร้างตึกแถว 2 ชั้น จำนวน 38 คูหา และตึกแถว 2.75 ชั้น จำนวน 6 คูหา
รวมทั้งสิ้น 44 คูหาจากบิดาซึ่งถึงแก่กรรม เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2527 ตึกแถวดังกล่าวสร้างตั้งแต่ปี
พ.ศ. 2514 โดยบิดาได้ให้เช่าและสัญญาเช่ามีภาระผูกพันถึงเดือนมกราคม 2530 เมื่อครบสัญญาเช่า
ผู้จัดการมรดกทั้ง 6 คนประสงค์จะขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างทั้งแปลง แต่ไม่สามารถขายได้ เนื่องจาก
ต้องฟ้องให้ผู้เช่าออก ตึกแถวดังกล่าวมิได้ให้เช่าและไม่ได้รับค่าเช่ามาหลายปีแล้ว แต่ต้องเสีย
ภาษีโรงเรือนเพราะเคยให้เช่าและมีผู้อาศัยอยู่ผู้จัดการมรดกทั้ง 6 คนได้ร่วมกันฟ้องเพื่อขับไล่ผู้เช่าออก
เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2537 และตกลงกันได้โดยผู้เช่าประสงค์จะซื้อที่ดินพร้อมตึกแถว ผู้จัดการมรดกทั้ง
6 คน ได้จดทะเบียนโอนมรดกให้ทายาททั้ง 6 คนเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2538 และจดทะเบียนแบ่ง
กรรมสิทธิ์รวมให้ทายาททั้ง 6 คน เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2540 โดยในส่วนของนาย ก ได้รับมรดกที่ดิน
พร้อมตึกแถว เนื้อที่ 1 งาน 02 8/10 ตารางวา และต่อมานาย ก ได้แบ่งแยกโฉนดที่ดินในนามเดิม
ออกเป็น 8 โฉนด ตามจำนวนเนื้อที่ของตึกแถวแต่ละคูหา เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2540 และขายที่ดินพร้อม
ตึกแถวดังกล่าว เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2541 จำนวน 5 คูหา วันที่ 6 พฤษภาคม 2541 จำนวน 1 คูหา
และวันที่ 17 มิถุนายน 2541 จำนวน 1 คูหา
การขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง (ตึกแถว) ของผู้รับมรดกแต่ละคน จะต้องเสีย
ภาษีธุรกิจเฉพาะหรือภาษีประเภทใดหรือไม่อย่างไร

แนววินิจฉัย

: 1. กรณีตามข้อเท็จจริง ผู้จัดการมรดก จดทะเบียนแบ่งกรรมสิทธิ์รวมและโอน
อสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง (ตึกแถว) จำนวน 44 คูหา ให้ทายาทจำนวน 6 คน
หลังจากนั้น นาย ก ทายาทได้แบ่งแยกโฉนดที่ดินในนามเดิมออกเป็นแปลงย่อย จำนวน 8 แปลง ตาม
จำนวนเนื้อที่ของตึกแถวแต่ละคูหาแล้วขายอสังหาริมทรัพย์นั้นไปตามสภาพเดิมที่รับโอนมา หรือกรณีแบ่ง
ขายเฉพาะส่วน ซึ่งมิได้มีการปรับปรุงหรือพัฒนา หรือทำสาธารณูปโภคใด ๆ อันมีลักษณะคล้ายคลึงกับ
การจัดสรร ย่อมไม่เข้าลักษณะการขายในลักษณะคล้ายคลึงกับการจัดสรรที่ดิน ตามมาตรา 3 (4) แห่ง
พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 244) พ.ศ.2534 แต่เข้าลักษณะเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยทาง
มรดก ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามมาตรา 3 (6) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 244)
พ.ศ. 2534
2. เงินได้จากการขายที่ดินอันเป็นมรดกตามข้อเท็จจริงดังกล่าว เป็นเงินได้พึงประเมิน
ตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร ผู้มีเงินได้จึงมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยมีสิทธิ
เลือกเสียภาษีโดยไม่ต้องนำไปรวมคำนวณภาษีกับเงินได้อย่างอื่นก็ได้ ตามมาตรา 48 (4) (ก) แห่ง
ประมวลรัษฎากร โดยนำเงินได้จากการขายที่ดินอันเป็นมรดกหักค่าใช้จ่ายร้อยละ 50 ของเงินได้ เหลือ
เท่าใดถือเป็นเงินได้สุทธิแล้วหารด้วยจำนวนปีที่ถือครอง ได้ผลลัพธ์เป็นเงินเท่าใดให้คำนวณตาม
อัตราภาษีเงินได้ ได้เท่าใดให้คูณด้วยจำนวนปีที่ถือครอง ผลลัพธ์ที่ได้เป็นเงินภาษีที่ต้องเสีย ซึ่งเมื่อ
คำนวณภาษีแล้วต้องเสียไม่เกินร้อยละ 20 ของราคาขายวิธีการดังกล่าวไม่มีการหักลดหย่อนตามที่กำหนด
ไว้ในมาตรา 47 แห่งประมวลรัษฎากร
ในกรณีเลือกเสียภาษีโดยนำไปรวมคำนวณกับเงินได้อย่างอื่น ให้หักค่าใช้จ่ายร้อยละ 50
ของเงินได้เหลือเท่าใดนำไปรวมคำนวณภาษีกับเงินได้อย่างอื่นตามวรรคสามของมาตรา 48 (4) แห่ง
ประมวลรัษฎากร

เลขตู้

: 62/27965

 


 

clear-gif

WCAG 2.0 (Level AA)

Last update :
 Friday, May 22, 2020

 
รูปมุมซ้าย
หน้าหลักรูปเส้นประEnglishรูปเส้นประแผนผังเว็บไซต์รูปเส้นประแนะนำเว็บไซต์รูปเส้นประติดต่อกรมสรรพากรรูปเส้นประ


 
สงวนลิขสิทธิ์โดยกรมสรรพากร : Website Policy : Privacy Policy : Website Security Policy : Disclaimer
 
กรมสรรพากร 90 ซอยพหลโยธิน 7 ถนนพหลโยธิน แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทร. 1161