ขออภัยมีข้อจำกัดในการแสดงผล
รูปเส้นประเกี่ยวกับกรมสรรพากรรูปเส้นประห้องข่าวรูปเส้นประบริการอิเล็กทรอนิกส์รูปเส้นประความรู้เรื่องภาษีรูปเส้นประบริการข้อมูลรูปเส้นประอ้างอิงรูปเส้นประRD Knowledge
รูปมุมซ้าย รูปมุมขวา
ค้นหาขั้นสูง
ความช่วยเหลือ
 
ประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ประกาศ/คำสั่ง คสช.
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดยกเว้นและสนับสนุนฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติ ยกเว้นเบี้ยปรับ เงินเพิ่มฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลี่ยม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดภาษีการเดินทางออกนอกราชอาณาจักร พ.ศ.2526
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อหารือภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
คำพิพากษาฏีกา
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
กฎหมายออกใหม่
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
สรุปสิทธิประโยชน์กฎหมายภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
โครงการศึกษาและพัฒนาประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อมูลการพัฒนากฏหมายของกรมสรรพากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
การรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนตามมาตรา 77 แห่งรัฐธรรมนูญ 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง


เลขที่หนังสือ

: กค 0811/พ.08668

วันที่

: 23 สิงหาคม 2542

เรื่อง

: ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการชำระภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มเติม

ข้อกฎหมาย

: มาตรา 82/4, มาตรา 89(3)(4), มาตรา 89/1

ข้อหารือ

: ธนาคาร ก. ได้ทำสัญญาลงวันที่ 4 สิงหาคม 2540 ตกลงซื้อขายเครื่องพิมพ์ เคลือบวาร์นิช
กับบริษัท A (ประเทศไทย) จำกัด ในราคา 38,426,542.06 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่มอัตราร้อยละ 7
จำนวน 2,689,857.94 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 41,116,400.00 บาท ซึ่งบริษัทฯ ได้ดำเนินการ
ส่งมอบสินค้าพร้อมเอกสารใบกำกับภาษี/ใบส่งของ เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2541 เรียกเก็บเงินจำนวน
41,116,400 บาท และบริษัทได้ยื่นคำขอรับสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 (ภ.พ.03.6)
ซึ่งต่อมาได้มีหนังสือแจ้งบริษัทฯว่า ธนาคาร ก. ไม่ได้เป็นหน่วยงานของรัฐ จึงไม่ได้รับสิทธิเสีย
ภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 ต่อไป และบริษัทฯ ได้แจ้งให้ธนาคารชำระภาษีมูลค่าเพิ่มส่วนที่
เรียกเก็บเพิ่มเติมกับบริษัทฯ ซึ่งประกอบด้วยรายการภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต้องเสียเพิ่มเติมจากอัตราร้อยละ
7.0 เป็นร้อยละ 10.0 เงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือน และเบี้ยปรับ 50% รวมเป็นเงินทั้งสิ้น
1,936,697.67 บาท ธนาคาร ก. จึงหารือว่า ค่าภาษีที่ต้องชำระเพิ่มเติมดังกล่าวเป็นภาระของผู้ใด นั้น

แนววินิจฉัย

: 1. กรณีภาษีมูลค่าเพิ่มที่เรียกเก็บเพิ่มเติมอีกร้อยละ 3.0 ของฐานภาษีเป็นกรณี
ผู้ประกอบการได้ขายสินค้า โดยมีการส่งมอบสินค้า ชำระราคา และออกใบกำกับภาษี หลังวันที่ 16
สิงหาคม 2540 จึงถือว่าความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นหลังจากมีพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่
309) พ.ศ. 2540 ที่ให้จัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 10 ดังนั้น ผู้ประกอบการขายสินค้าจึง
มีสิทธิเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มเติมอีกร้อยละ 3.0 ทั้งนี้ ตามมาตรา 82/4 แห่งประมวลรัษฎากร
2. กรณีเบี้ยปรับและเงินเพิ่มที่ผู้ขายสินค้าได้ชำระเป็นกรณีที่ผู้ขายสินค้าได้ยื่น
แบบแสดงรายการภาษีไว้ไม่ถูกต้องหรือมีข้อผิดพลาดอันเป็นเหตุให้จำนวนภาษีขายในเดือนภาษีที่แสดงไว้
คลาดเคลื่อนไปและเป็นเหตุให้จำนวนภาษีที่ต้องเสียในเดือนภาษีคลาดเคลื่อนไป จึงเป็นหน้าที่และเป็น
ภาระของผู้ขายสินค้าที่ต้องชำระเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม ทั้งนี้ ตามมาตรา 89 (3) (4) และมาตรา
89/1 แห่งประมวลรัษฎากร

เลขตู้

: 62/28209

 


 

clear-gif

WCAG 2.0 (Level AA)

Last update :
 Friday, May 22, 2020

 
รูปมุมซ้าย
หน้าหลักรูปเส้นประEnglishรูปเส้นประแผนผังเว็บไซต์รูปเส้นประแนะนำเว็บไซต์รูปเส้นประติดต่อกรมสรรพากรรูปเส้นประ


 
สงวนลิขสิทธิ์โดยกรมสรรพากร : Website Policy : Privacy Policy : Website Security Policy : Disclaimer
 
กรมสรรพากร 90 ซอยพหลโยธิน 7 ถนนพหลโยธิน แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทร. 1161