ขออภัยมีข้อจำกัดในการแสดงผล
รูปเส้นประเกี่ยวกับกรมสรรพากรรูปเส้นประห้องข่าวรูปเส้นประบริการอิเล็กทรอนิกส์รูปเส้นประความรู้เรื่องภาษีรูปเส้นประบริการข้อมูลรูปเส้นประอ้างอิงรูปเส้นประRD Knowledge
รูปมุมซ้าย รูปมุมขวา
ค้นหาขั้นสูง
ความช่วยเหลือ
 
ประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ประกาศ/คำสั่ง คสช.
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดยกเว้นและสนับสนุนฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติ ยกเว้นเบี้ยปรับ เงินเพิ่มฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลี่ยม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดภาษีการเดินทางออกนอกราชอาณาจักร พ.ศ.2526
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อหารือภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
คำพิพากษาฏีกา
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
กฎหมายออกใหม่
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
สรุปสิทธิประโยชน์กฎหมายภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
โครงการศึกษาและพัฒนาประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อมูลการพัฒนากฏหมายของกรมสรรพากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
การรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนตามมาตรา 77 แห่งรัฐธรรมนูญ 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง


เลขที่หนังสือ

: กค 0811/11483

วันที่

: 8 พฤศจิกายน 2542

เรื่อง

: ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย จากเงินที่ต้องชำระตามคำพิพากษา

ข้อกฎหมาย

: มาตรา69 ทวิ

ข้อหารือ

: 1. เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2533 จำเลย (องค์การของรัฐบาล) ได้ทำสัญญาว่าจ้าง
โจทก์ก่อสร้างอาคารที่ทำการ และอาคารจอดรถยนต์ ในราคาค่าจ้างเป็นเงิน 170,000,000 บาท
โดยตกลงชำระค่าจ้างให้โจทก์ตามผลงานเป็นงวด ๆ รวม 18 งวด คู่สัญญาตกลงให้นำสัญญาแบบปรับ
ราคาได้ (ค่าเค) มาใช้กับสัญญาจ้างนี้ด้วย โจทก์จะต้องก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 10 ตุลาคม
2535 ต่อมาจำเลยได้ต่ออายุสัญญาจ้างฯ ให้โจทก์ต่อไปอีก 180 วันเป็นให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 8
เมษายน 2536
2. ต่อมาในระหว่างอายุสัญญาจ้างฯ ได้มีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร
(ฉบับที่ 30) พ.ศ.2534 ออกใช้บังคับ โดยยกเลิกภาษีการค้าและนำภาษีมูลค่าเพิ่มมาใช้แทน ซึ่งมีผลใช้
บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2535 เป็นต้นไป และมีพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 249) พ.ศ. 2535 ให้
สิทธิผู้ประกอบการฯ ที่จะเลือกเสียภาษีการค้า หรือภาษีมูลค่าเพิ่มก็ได้ โจทก์จึงมีหนังสือแจ้งให้จำเลย
ชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่จำเลยไม่ชำระโจทก์จึงต้องนำเงินของโจทก์ชำระเป็นภาษีขายนำส่ง
กรมสรรพากรแทนจำเลย พร้อมการยื่นแบบ ภ.พ.30 ของโจทก์ โจทก์จึงฟ้องจำเลยต่อ
ศาลภาษีอากรกลางให้บังคับจำเลยชำระเงินภาษีมูลค่าเพิ่มของเงินค่าจ้าง และค่าจ้างปรับราคา (ค่าเค)
ของงวดที่ถึงกำหนดชำระหลังวันที่ 1 มกราคม 2535 รวมทั้งดอกเบี้ยที่เกิดจากการผิดสัญญาตาม
จำนวนที่กำหนดในคำฟ้อง
3. ศาลภาษีอากรกลาง มีคำพิพากษาแล้ว โจทก์และจำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา ต่อมามี
คำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 2960/2540 ลงวันที่ 6 มิถุนายน 2540 พิพากษาให้จำเลยชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม
จำนวน 3,767,702.52 บาทแก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่โจทก์ได้รับ
ชำระเงินค่าจ้างในแต่ละงวด จนกว่าจำเลยจะชำระแล้วเสร็จ เว้นแต่ภาษีมูลค่าเพิ่มของค่าจ้างสำหรับ
งานงวดที่ 8 ถึง 12 และค่าจ้างปรับราคา (ค่าเค)ของงานงวดที่ 3 และ 7 ถึง 11 ให้นับตั้งแต่วันที่
16 ตุลาคม 2535 เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จ
4. จากคำพิพากษาศาลฎีกา ตาม 3. จำเลย จะต้องจ่ายเงินภาษีมูลค่าเพิ่มของค่าจ้างที่
ค้างจ่ายตามสัญญาและของค่าจ้างปรับราคา (ค่าเค) ที่ค้างจ่าย รวมเป็นเงิน 3,767,702.52 บาท
และดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นเนื่องจากการผิดนัดชำระเงินภาษีมูลค่าเพิ่มของค่าจ้างและของค่าเค ภายในเวลาที่
สัญญากำหนด ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี เป็นเงิน 1,286,994.74 บาท รวมเป็นเงินที่ต้องชำระ
ทั้งสิ้น 5,054,697.26 บาท
ขอทราบว่า มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย สำหรับเงินที่ต้องจ่ายให้บริษัทฯหรือไม่ ใน
อัตราร้อยละเท่าใด

แนววินิจฉัย

: เงินที่จำเลย ต้องจ่ายให้บริษัทฯ ตามคำบังคับของคำพิพากษาฎีกาที่ 2960/2540
รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 5,054,697.26 บาท จำเลย มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ดังนี้
1. ภาษีมูลค่าเพิ่มของค่าจ้างรับเหมาก่อสร้าง และของค่าจ้างปรับราคา (ค่าเค) ที่
จำเลย จ่ายให้บริษัทฯถือเป็นภาษีขายซึ่งบริษัทฯ ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้รับหรือพึงได้
รับ และเป็นภาษีมูลค่าเพิ่มที่มิใช่ภาษี ตามมาตรา 82/16 ซึ่งได้รับคืน เนื่องจากการขอคืนตามหมวด 4
บริษัทฯ ไม่ต้องนำมารวมคำนวณเป็นรายได้ในการคำนวณกำไรสุทธิของผู้ประกอบการฯ ทั้งนี้ ตามมาตรา
65 ทวิ(14) แห่งประมวลรัษฎากร เมื่อจำเลย จ่ายเงินภาษีมูลค่าเพิ่มกรณีดังกล่าวเป็นเงิน
3,767,702.52 บาท ให้บริษัทฯ จำเลย จึงไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ไว้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ
1 ตามมาตรา 69 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร
2. ดอกเบี้ยที่จำเลย ต้องจ่ายให้บริษัทฯ เนื่องจากจำเลย ผิดนัดชำระเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม
ของค่าจ้างรับเหมาก่อสร้างและของค่าจ้างปรับราคา (ค่าเค) ภายในเวลาที่สัญญากำหนดเป็นเงิน
1,286,994.74 บาท เข้าลักษณะเป็นรายได้ที่บริษัทฯ ได้รับจากกิจการหรือเนื่องจากกิจการที่กระทำใน
รอบระยะเวลาบัญชี ต้องนำมาเสียภาษีจากกำไรสุทธิ ตามมาตรา 65 แห่งประมวลรัษฎากร เมื่อจำเลย
จ่ายเงินดอกเบี้ยดังกล่าวให้บริษัทฯ จำเลย มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ไว้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 1
ตามมาตรา 69 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากรด้วย

เลขตู้

: 62/28527

 


 

clear-gif

WCAG 2.0 (Level AA)

Last update :
 Friday, May 22, 2020

 
รูปมุมซ้าย
หน้าหลักรูปเส้นประEnglishรูปเส้นประแผนผังเว็บไซต์รูปเส้นประแนะนำเว็บไซต์รูปเส้นประติดต่อกรมสรรพากรรูปเส้นประ


 
สงวนลิขสิทธิ์โดยกรมสรรพากร : Website Policy : Privacy Policy : Website Security Policy : Disclaimer
 
กรมสรรพากร 90 ซอยพหลโยธิน 7 ถนนพหลโยธิน แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทร. 1161