ขออภัยมีข้อจำกัดในการแสดงผล
รูปเส้นประเกี่ยวกับกรมสรรพากรรูปเส้นประห้องข่าวรูปเส้นประบริการอิเล็กทรอนิกส์รูปเส้นประความรู้เรื่องภาษีรูปเส้นประบริการข้อมูลรูปเส้นประอ้างอิงรูปเส้นประRD Knowledge
รูปมุมซ้าย รูปมุมขวา
ค้นหาขั้นสูง
ความช่วยเหลือ
 
ประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ประกาศ/คำสั่ง คสช.
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดยกเว้นและสนับสนุนฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติ ยกเว้นเบี้ยปรับ เงินเพิ่มฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลี่ยม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดภาษีการเดินทางออกนอกราชอาณาจักร พ.ศ.2526
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อหารือภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
คำพิพากษาฏีกา
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
กฎหมายออกใหม่
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
สรุปสิทธิประโยชน์กฎหมายภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
โครงการศึกษาและพัฒนาประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อมูลการพัฒนากฏหมายของกรมสรรพากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
การรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนตามมาตรา 77 แห่งรัฐธรรมนูญ 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง


เลขที่หนังสือ

: กค 0811/31005

วันที่

: 9 มิถุนายน 2543

เรื่อง

: ภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการก่อสร้างอาคารที่ได้รับสิทธิการเช่าจากกรมธนารักษ์

ข้อกฎหมาย

: มาตรา 77/1, มาตรา 82/6

ข้อหารือ

: บริษัทฯ ประกอบธุรกิจด้านการให้บริการต่าง ๆ และธุรกิจค้าอสังหาริมทรัพย์ทั้งบ้านพัก
อาศัยและอาคารชุด ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้พัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานในที่ราชพัสดุบริเวณ
สถานีขนส่งหมอชิต โดยมีข้อตกลงกับกรมธนารักษ์ดังนี้
1. บริษัทฯ จะต้องก่อสร้างอาคารเป็น 2 ส่วนในพื้นที่ราชพัสดุ
ส่วนแรก เรียกว่า “พื้นที่ชดเชย” โดยหลังจากที่ก่อสร้างอาคารเสร็จสมบูรณ์แล้วจะ
ต้องยกกรรมสิทธิ์ให้กรมธนารักษ์ พื้นที่ส่วนนี้บริษัทฯ ไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้
ส่วนที่สอง เรียกว่า “พื้นที่ยกกรรมสิทธิ์” ซึ่งพื้นที่ส่วนนี้ตามสัญญาระบุว่าให้บริษัทฯ นำ
ไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้มีระยะเวลา 30 ปี และมีสิทธิต่อสัญญาได้อีก 2 คราว คราวละ 10 ปี
เมื่อบริษัทฯ ก่อสร้างอาคารส่วนนี้เสร็จแล้วกรรมสิทธิ์ในส่วนของโครงสร้างทั้งหมดจะตกเป็นของ
กรมธนารักษ์ทันที ส่วนระบบสาธารณูปโภคในพื้นที่ดังกล่าวตามสัญญา กำหนดให้กรรมสิทธิ์จะตกเป็นของ
กรมธนารักษ์เมื่อสิ้นสุดอายุการบริหารโครงการ
2. นอกจากค่าก่อสร้างพื้นที่ทั้ง 2 ส่วนแล้ว บริษัทฯ จะต้องชำระค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ให้
กรมธนารักษ์อีกดังนี้
(1) ค่าธรรมเนียมการจัดประโยชน์ในการพัฒนาโครงการ จำนวน 550 ล้านบาท
(2) ค่าธรรมเนียมในการบริการโครงการในระหว่างที่บริษัทฯ ได้สิทธิบริหารใน
อาคารส่วนที่ 2 เป็นเงินปีละ 5,350,965 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 15% ทุก 5 ปี
(3) ค่าธรรมเนียมในการใช้ที่ดินระหว่างก่อสร้างอาคารทั้ง 2 ส่วน เป็นเงินเดือนละ
509,300 บาท
ในการออกแบบก่อสร้างทั้งหมดจะต้องได้รับความเห็นชอบจากกรมธนารักษ์และ
กรมธนารักษ์จะเป็นผู้ดำเนินการขออนุญาตก่อสร้างเอง
จากการที่บริษัทฯ ได้รับสิทธิในการบริหารเฉพาะใน “พื้นที่ยกกรรมสิทธิ์” นั้น บริษัทฯ มี
วัตถุประสงค์จะดำเนินธุรกิจดังต่อไปนี้
(ก) จัดพื้นที่บางส่วนให้เช่าประมาณ 40%
(ข) ดำเนินการประกอบธุรกิจในพื้นที่ 60% เอง เช่น ให้บริการจัดเป็นบูธแสดงสินค้า
เก็บค่าจอดรถ จัดพื้นที่ให้ติดป้ายโฆษณา สวนสนุก ศูนย์อาหาร ฯลฯ
(ค) ให้บริการ ด้านสาธารณูปโภค เช่น ไฟฟ้า โทรศัพท์ ทำความสะอาด รักษา
ความปลอดภัยโดยเก็บจากผู้เช่าพื้นที่ตามข้อ (ก)
บริษัทฯ จึงหารือว่า
1. ภาษีเงินได้นิติบุคคล
(1) เงินค่าก่อสร้างอาคารทั้งหมดในส่วนแรกและส่วนที่สองตาม 1. และเงิน
ค่าธรรมเนียม 550 ล้านบาท ตาม 2.(1) บริษัทฯ นำมาถือเป็นต้นทุนเพื่อการได้มาซึ่งสิทธิการเช่าเป็น
เวลา 30 ปี ถูกต้องหรือไม่
(2) ค่าธรรมเนียมที่บริษัทฯ จะต้องจ่ายให้กรมธนารักษ์ตาม 2. จะต้องหักภาษีเงินได้
ณ ที่จ่ายหรือไม่
2. ภาษีมูลค่าเพิ่ม
(1) ภาษีมูลค่าเพิ่มจากการก่อสร้างอาคารทั้งสองส่วน บริษัทฯ นำมาหักออกจาก
ภาษีขายได้ทั้งหมดหรือจะต้องเฉลี่ยภาษีซื้อ ถ้าเฉลี่ยภาษีซื้อจะต้องเฉลี่ยภาษีซื้ออย่างใด
(2) ภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกิดจากการก่อสร้างสาธารณูปโภคทั้งหมด เช่น ระบบไฟฟ้า
ประปา โทรศัพท์ ฯลฯนำมาถือเป็นภาษีซื้อหักออกจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มได้ทั้งหมด
ใช่หรือไม่
(3) หากบริษัทฯ ประกอบธุรกิจค้าอสังหาริมทรัพย์ซึ่งต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะรวมทั้งมี
รายได้จากการให้เช่าอาคารซึ่งได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม และมีรายได้จากการให้บริการบริหารอาคาร
แก่ผู้เช่าอาคารซึ่งต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม นอกจากนั้นยังมีรายได้ดอกเบี้ยรับที่เกิดจากการนำเงินลงทุนไป
ฝาก ในกรณีที่บริษัทฯ มีภาษีซื้ออันเกิดจากการซื้อสินค้าหรือรับบริการซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่นำมาใช้ร่วมกันใน
กิจการ ซึ่งไม่สามารถแยกได้ว่าใช้ในกิจการใด บริษัทฯ ต้องเฉลี่ยภาษีซื้อตามส่วนของรายได้ทั้ง 3
ประเภทหรือไม่อย่างใด และดอกเบี้ย เงินฝากต้องนำมาเป็นฐานในการเฉลี่ยภาษีซื้อหรือไม่
(4) ในกรณีที่ก่อสร้างอาคารเสร็จแล้ว ต่อมาบริษัทฯ จะโอนสิทธิการเช่าหรือการหา
ผลประโยชน์ไปให้ผู้อื่นบางส่วนหรือทั้งหมดจะถือเป็นการขายทรัพย์สินที่ไม่มีรูปร่างต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
หรือไม่
(5) กรมธนารักษ์ซึ่งเป็นส่วนราชการ จึงได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มไม่ต้องเรียกเก็บ
ภาษีขาย ถูกต้องหรือไม่
3. ภาษีโรงเรือน กรณีบริษัทฯ จะต้องจ่ายภาษีโรงเรือนแทนกรมธนารักษ์ตามเงื่อนไข
สัญญานั้น เมื่อบริษัทฯ ให้ลูกค้าเช่าต่อจะต้องเสียภาษีโรงเรือนซ้ำอีกหรือไม่

แนววินิจฉัย

: 1. ภาษีเงินได้นิติบุคคล
(1) เงินค่าก่อสร้างอาคารทั้งสองส่วน และค่าธรรมเนียมการจัดประโยชน์ใน
การพัฒนาโครงการจำนวน 550 ล้านบาทที่บริษัทฯ จ่ายให้กรมธนารักษ์ตามข้อเท็จจริงดังกล่าว บริษัทฯ
มีสิทธินำมาคำนวณหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีได้ในฐานะต้นทุนเพื่อการได้
มาซึ่งสิทธิการเช่าไม่เกินร้อยละ 100 หารด้วยจำนวนปีอายุการเช่าและอายุที่ต่อได้รวมกัน ตามมาตรา
4(3) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 145) พ.ศ. 2527
(2) กรมธนารักษ์ไม่เข้าลักษณะเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ตามมาตรา 39
แห่งประมวลรัษฎากร จึงไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีบริษัทฯ จ่ายเงินค่า ธรรมเนียมให้
แก่กรมธนารักษ์จึงไม่มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย แต่อย่างใด
2. ภาษีมูลค่าเพิ่ม
(1) กรณีบริษัทฯ ก่อสร้างอาคารทั้ง 2 ส่วนในพื้นที่ราชพัสดุ เมื่อก่อสร้างเสร็จ
กรรมสิทธิ์ในอาคารตกเป็นของกรมธนารักษ์ โดยบริษัทฯ มีสิทธิใช้ประโยชน์ในอาคารตามข้อเท็จจริง
ดังกล่าว บริษัทฯ ไม่มีสิทธินำภาษีซื้อทั้งหมดที่เกิดจากการก่อสร้างอาคารไปหักออกจากภาษีขายใน
การคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม ทั้งนี้ ตามข้อ 3 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.90/2542 เรื่อง การเสีย
ภาษีมูลค่าเพิ่มและการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย สำหรับการให้บริการเช่าอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรา
81(1)(ต) การโอนสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรา 77/1(8) และ (9)และการให้บริการตาม
มาตรา 77/1(10) แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2542
(2) กรณีบริษัทฯ ได้ก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคเพื่อใช้ในการประกอบกิจการที่ต้องเสีย
ภาษีมูลค่าเพิ่มและนำมาให้บริการแก่ผู้เช่าอาคาร ภาษีซื้อทั้งหมดที่เกิดจากการก่อสร้าง ระบบ
สาธารณูปโภค ย่อมนำมาหักออกจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มได้
(3) กรณีบริษัทฯ ประกอบกิจการทั้งประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ได้แก่ การ
ให้บริการบริหารอาคารแก่ผู้เช่าอาคาร และประเภทที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ได้แก่
การขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไร และการให้เช่าอาคาร ภาษีซื้ออันเกิดจากการซื้อสินค้า
หรือรับบริการที่นำมาใช้ในกิจการทั้งสองประเภท โดยไม่สามารถแยกได้อย่างชัดแจ้งว่าภาษีซื้อที่เกิดจาก
สินค้าหรือบริการดังกล่าวเป็นภาษีซื้อของกิจการประเภทใด บริษัทฯ จะต้องเฉลี่ยภาษีซื้อตามส่วนของ
รายได้ของกิจการทั้งสองประเภท ตามหลักเกณฑ์ของข้อ 2 แห่งประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับ
ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 29) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเฉลี่ยภาษีซื้อ ตามมาตรา
82/6 แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2535
สำหรับรายได้จากดอกเบี้ยเงินฝาก ในการเฉลี่ยภาษีซื้อไม่ต้องนำดอกเบี้ยเงินฝาก
มารวมเป็นฐานรายได้ของกิจการทั้งสองประเภทแต่อย่างใด ทั้งนี้ ตามข้อ 4 วรรคสองของ
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 29)ฯ ลงวันที่ 9 มีนาคมพ.ศ. 2535
(3) กรณีบริษัทฯ โอนสิทธิการเช่าหรือการหาผลประโยชน์ไปให้แก่ผู้อื่นถือเป็นการขาย
สินค้าไม่มีรูปร่างตามมาตรา 77/1(8) และ (9) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องเสีย
ภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 77/2 แห่งประมวลรัษฎากร ทั้งนี้ ตามข้อ 4 แห่งคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.
90/2542 ฯ ลงวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2542
(4) กรณีกรมธนารักษ์ขายสินค้าหรือให้บริการ หากกรมธนารักษ์ได้ส่งรายรับทั้งสิ้นให้แก่
รัฐโดยไม่หักรายจ่าย ย่อมได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 81(1)(ท) แห่งประมวลรัษฎากร
3. กรณีหารือเกี่ยวกับภาษีโรงเรือน ขอให้สอบถามไปยังกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็น
หน่วยงานที่จัดเก็บโดยตรงต่อไป

เลขตู้

: 63/29409

 


 

clear-gif

WCAG 2.0 (Level AA)

Last update :
 Friday, May 22, 2020

 
รูปมุมซ้าย
หน้าหลักรูปเส้นประEnglishรูปเส้นประแผนผังเว็บไซต์รูปเส้นประแนะนำเว็บไซต์รูปเส้นประติดต่อกรมสรรพากรรูปเส้นประ


 
สงวนลิขสิทธิ์โดยกรมสรรพากร : Website Policy : Privacy Policy : Website Security Policy : Disclaimer
 
กรมสรรพากร 90 ซอยพหลโยธิน 7 ถนนพหลโยธิน แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทร. 1161