ขออภัยมีข้อจำกัดในการแสดงผล
รูปเส้นประเกี่ยวกับกรมสรรพากรรูปเส้นประห้องข่าวรูปเส้นประบริการอิเล็กทรอนิกส์รูปเส้นประความรู้เรื่องภาษีรูปเส้นประบริการข้อมูลรูปเส้นประอ้างอิงรูปเส้นประRD Knowledge
รูปมุมซ้าย รูปมุมขวา
ค้นหาขั้นสูง
ความช่วยเหลือ
 
ประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ประกาศ/คำสั่ง คสช.
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดยกเว้นและสนับสนุนฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติ ยกเว้นเบี้ยปรับ เงินเพิ่มฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลี่ยม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดภาษีการเดินทางออกนอกราชอาณาจักร พ.ศ.2526
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อหารือภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
คำพิพากษาฏีกา
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
กฎหมายออกใหม่
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
สรุปสิทธิประโยชน์กฎหมายภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
โครงการศึกษาและพัฒนาประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อมูลการพัฒนากฏหมายของกรมสรรพากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
การรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนตามมาตรา 77 แห่งรัฐธรรมนูญ 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง


เลขที่หนังสือ

: กค 0811(กม.02)/931

วันที่

: 6 มิถุนายน 2543

เรื่อง

: ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราในการบันทึกต้นทุน และเจ้าหนี้ค่าสินค้า

ข้อกฎหมาย

: มาตรา 9, มาตรา 27, มาตรา 65 ทวิ (5)(8)(9)

ข้อหารือ

: เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2542 บริษัทฯ สั่งซื้อสินค้าจากประเทศญี่ปุ่น 1 ล้านเยน เพื่อ
จำหน่ายภายในประเทศ เงื่อนไข CIF กำหนดชำระค่าสินค้าวันที่ 31 มีนาคม 2543 บริษัทฯ ปิดรอบปี
บัญชีเดือนกุมภาพันธ์ สินค้าออกจากท่าเรือประเทศญี่ปุ่น (B/L DATE) วันที่ 29 ธันวาคม 2542 สินค้า
ถึงท่าเรือกรุงเทพ (E/A DATE) วันที่ 9 มกราคม 2543 บริษัทฯ เป็นผู้ดำเนินการนำสินค้าผ่านพิธีการ
ศุลกากร จ่ายค่าอากรขาเข้าพร้อมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2543 บริษัทฯ หารือว่า
(1) บริษัทฯ จะบันทึกต้นทุนสินค้า และเจ้าหนี้ค่าสินค้า ด้วยอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันใด
โดยอ้างมาตรา 465 ทวิ (5) วรรคสอง หรือมาตรา 65 ทวิ (8) หรือมาตรา 9 แห่ง
ประมวลรัษฎากร
(2) อัตราแลกเปลี่ยนทางราชการตามมาตรา 65 ทวิ (8) แห่งประมวลรัษฎากร
หมายถึงอัตราแลกเปลี่ยนที่ประกาศโดยธนาคารแห่งประเทศไทยใช่หรือไม่
(3) คำว่า “ราคาตลาด” ตามมาตรา 65 ทวิ วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร
หมายถึง SPOT RATE ของธนาคารพาณิชย์ ณ วันนั้นในช่วงเวลาใดก็ได้ใช่หรือไม่
(4) คำว่า “รับมาหรือจ่ายไป” ตามมาตรา 65 ทวิ วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร
ให้ใช้สำหรับการรับหรือจ่ายในขณะนั้นเวลานั้น ใช่หรือไม่ ไม่ได้หมายความรวมถึงการตั้งหนี้ไว้เพื่อรอ
จ่าย
(5) คำว่า “วันที่รับมาหรือจ่ายไป” ตามมาตรา 65 ทวิ วรรคสอง แห่ง
ประมวลรัษฎากร ในกรณีซื้อสินค้าจากต่างประเทศให้ยึดวันใด E/A DATE, B/L DATE,วันจ่ายค่า
ภาษีอากร
(6) มาตรา 9 แห่งประมวลรัษฎากร ไม่ได้หมายความถึงการลงบัญชีต้นทุนค่าสินค้า
หรือการตั้งบัญชีเจ้าหนี้การค้าเพื่อรอจ่าย ใช่หรือไม่
(7) การรับรู้สิทธิความเป็นเจ้าของสินค้า จะรับรู้เมื่อใด และจะต้องขึ้นอยู่กับเงื่อนไข
การค้า FOB หรือ CIF ด้วยหรือไม่
(8) กรณีใช้อัตราแลกเปลี่ยนผิด แม้จะยืดหลักปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ ก็จะต้องชำระค่า
เบี้ยปรับและเงินเพิ่ม สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่ผ่านมาแล้ว ด้วยหรือไม่

แนววินิจฉัย

: (1) กรณีตาม 1.(1) และ (2) มาตรา 65 ทวิ (8) แห่งประมวลรัษฎากร บัญญัติ
ว่า “ถ้าราคาทุนของสินค้าเป็นเงินตราต่างประเทศ ให้คำนวณเป็นเงินตราไทยตามอัตราแลกเปลี่ยนใน
ท้องตลาดของวันที่ได้สินค้านั้นมาเว้นแต่เงินตราต่างประเทศนั้นจะแลกได้ในอัตราทางราชการ ก็ให้
คำนวณเป็นเงินตราไทยตามอัตราทางราชการนั้น” ดังนั้นบริษัทฯ ต้องบันทึกต้นทุนสินค้าและเจ้าหนี้ค่า
สินค้าซึ่งเป็นเงินตราต่างประเทศ โดยคำนวณเป็นเงินตราไทยตามอัตราแลกเปลี่ยนในท้องตลาดของวันที่
ได้สินค้านั้นมา สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนทางราชการได้เคยมีการกำหนดขึ้นมาในระยะหนึ่ง ปัจจุบันนี้ไม่มี
แล้ว
(2) กรณีตาม 1.(3) (4) และ (5) มาตรา 65 ทวิ (5) วรรคสอง แห่ง
ประมวลรัษฎากร บัญญัติว่า “เงินตรา ทรัพย์สิน หรือหนี้สินซึ่งมีค่าหรือราคาเป็นเงินตราต่างประเทศที่รับ
มาหรือจ่ายไปในระหว่างรอบระยะเวลาบัญชี ให้คำนวณค่าหรือราคาเป็นเงินตราไทยตามราคาตลาดใน
วันที่รับมาหรือจ่ายไปนั้น”
“ราคาตลาด” หมายถึง ราคาที่กำหนดร่วมกันระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทย
โดยทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนและธนาคารพาณิชย์ทุกธนาคาร
“รับมาหรือจ่ายไป” หมายถึง เงินตรา ทรัพย์สินที่รับมาหรือหนี้สินที่จ่ายไป
ในระหว่างรอบระยะเวลาบัญชี
“วันรับมาหรือจ่ายไป” หมายถึง วันที่รับเงินตรา ทรัพย์สินมาหรือวันที่จ่ายหนี้สิน
ไป โดยกรณีซื้อสินค้ามิได้บังคับตามบทบัญญัติมาตรานี้
(3) กรณีตาม 1.(6) มาตรา 9 แห่งประมวลรัษฎากร บัญญัติว่า “เว้นแต่จะมี
บทบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นถ้าจำเป็นต้องคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยเพื่อปฏิบัติการตาม
ลักษณะนี้ ให้คิดตามอัตราแลกเปลี่ยนซึ่งกระทรวงการคลังประกาศเป็นคราว ๆ” ดังนั้น กรณีที่มีบทบัญญัติ
ไว้เป็นอย่างอื่น ดังกรณีราคาทุนของสินค้าและเจ้าหนี้ค่าสินค้า ต้องบังคับตามมาตรา 65 ทวิ (8) แห่ง
ประมวลรัษฎากร
(4) กรณีตาม 1.(7) การรับรู้สิทธิความเป็นเจ้าของสินค้าจะรับรู้เมื่อมีการซื้อ
ขายสินค้านั้น ตามมาตรา 453 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
(5) กรณีตาม 1.(8) หากมีการใช้อัตราแลกเปลี่ยนผิด ทำให้มีจำนวนเงินภาษีที่ต้อง
ชำระเพิ่มเติมในรอบระยะเวลาบัญชีใด บริษัทฯ ต้องชำระภาษีส่วนที่ยังชำระไม่ครบถ้วน และต้องเสีย
เงินเพิ่มตามมาตรา 27 แห่งประมวลรัษฎากร และหากบริษัทฯ ได้รับหมายเรียกตรวจสอบและถูก
ประเมินภาษี บริษัทฯ ต้องรับผิดเสียเบี้ยปรับตามมาตรา 22 หรือมาตรา 26 แห่งประมวลรัษฎากร ด้วย

เลขตู้

: 63/29425

 


 

clear-gif

WCAG 2.0 (Level AA)

Last update :
 Friday, May 22, 2020

 
รูปมุมซ้าย
หน้าหลักรูปเส้นประEnglishรูปเส้นประแผนผังเว็บไซต์รูปเส้นประแนะนำเว็บไซต์รูปเส้นประติดต่อกรมสรรพากรรูปเส้นประ


 
สงวนลิขสิทธิ์โดยกรมสรรพากร : Website Policy : Privacy Policy : Website Security Policy : Disclaimer
 
กรมสรรพากร 90 ซอยพหลโยธิน 7 ถนนพหลโยธิน แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทร. 1161