ขออภัยมีข้อจำกัดในการแสดงผล
รูปเส้นประเกี่ยวกับกรมสรรพากรรูปเส้นประห้องข่าวรูปเส้นประบริการอิเล็กทรอนิกส์รูปเส้นประความรู้เรื่องภาษีรูปเส้นประบริการข้อมูลรูปเส้นประอ้างอิงรูปเส้นประRD Knowledge
รูปมุมซ้าย รูปมุมขวา
ค้นหาขั้นสูง
ความช่วยเหลือ
 
ประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ประกาศ/คำสั่ง คสช.
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดยกเว้นและสนับสนุนฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติ ยกเว้นเบี้ยปรับ เงินเพิ่มฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลี่ยม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดภาษีการเดินทางออกนอกราชอาณาจักร พ.ศ.2526
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อหารือภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
คำพิพากษาฏีกา
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
กฎหมายออกใหม่
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
สรุปสิทธิประโยชน์กฎหมายภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
โครงการศึกษาและพัฒนาประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อมูลการพัฒนากฏหมายของกรมสรรพากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
การรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนตามมาตรา 77 แห่งรัฐธรรมนูญ 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง


เลขที่หนังสือ

: กค 0811/4892

วันที่

: 16 มิถุนายน 2543

เรื่อง

: ภาษีการค้าและภาษีธุรกิจเฉพาะ กรณีอายุความในการออกหมายเรียกและประเมิน ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอายุความการขอคืนภาษีการค้าที่ไม่มีหน้าที่ต้องชำระ

ข้อกฎหมาย

: มาตรา 19, มาตรา 23, มาตรา 27 ตรี

ข้อหารือ

: สรรพากรพื้นที่ได้ตรวจสอบพบว่าบริษัท ท. จำกัด ประกอบกิจการปลูกตึกแถวขายพร้อมที่ดิน
ได้จดทะเบียนการค้าประเภทการค้า 11 การค้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งบัญชีอัตราภาษีการค้า ในปี พ.ศ.
2535 บริษัทฯ ไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับการประกอบการค้า
อสังหาริมทรัพย์ แต่ได้ยื่นแบบ ภ.ค.40 สำหรับเดือนภาษีเมษายน มิถุนายน กรกฎาคม และสิงหาคม
2535 โดยแสดงรายรับที่ต้องเสียภาษีของเดือนภาษีดังกล่าวต่ำกว่าหรือเท่ากับราคาขายตามสัญญา และ
ต่ำกว่าราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ปัจจุบันบริษัทฯ ได้
จดทะเบียนเลิกบริษัทฯแต่ยังไม่ได้จดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีสรรพากรพื้นที่จึงหารือว่า
เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจออกหมายเรียกและประเมินภาษีธุรกิจเฉพาะของบริษัทฯสำหรับปี พ.ศ.
2535 ได้หรือไม่ กรณีที่มีอำนาจออกหมายเรียกและประเมินภาษีธุรกิจเฉพาะได้ จะนำภาษีการค้าที่บริษัทฯ
ได้ยื่นชำระไว้แล้วมาหักกลบลบกับภาษีธุรกิจเฉพาะดังกล่าวได้หรือไม่ และมีวิธีหักกลบลบกันอย่างไร

แนววินิจฉัย

: 1. บริษัทฯ ประกอบกิจการปลูกตึกแถวขายพร้อมที่ดินก่อนวันที่ 1 มกราคม 2535 ต่อเนื่อง
มาถึงปี พ.ศ.2535 เข้าลักษณะเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไร ดังนั้น รายรับจาก
การประกอบกิจการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2535 เป็นต้นไป จึงอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ แต่
เมื่อบริษัทฯ มิได้จดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด หากเจ้าพนักงานประเมิน
ต้องการตรวจสอบไต่สวน ก็มีอำนาจออกหมายเรียกได้ภายในอายุความดังนี้
1.1 กรณีผู้ประกอบการยื่นแบบแสดงรายการ เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจ
ออกหมายเรียกได้ภายในอายุความสองปีนับแต่วันที่ได้ยื่นรายการ ไม่ว่าการยื่นรายการนั้นจะได้กระทำ
ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดหรือไม่เว้นแต่เป็นกรณีที่อธิบดีอนุมัติให้ขยายเวลาการออกหมายเรียก
ดังกล่าวเกินกว่าสองปีก็ได้ แต่ต้องไม่เกินห้าปีนับแต่วันที่ได้ยื่นรายการตามมาตรา 19 แห่ง
ประมวลรัษฎากร และมีอำนาจประเมินภาษีภายในสิบปีนับแต่วันพ้นกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการภาษี
นั้นๆ ตามมาตรา 193/31 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
1.2 กรณีผู้ประกอบการไม่ยื่นแบบแสดงรายการ เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจ
ออกหมายเรียกและประเมินภาษีได้ภายในอายุความสิบปีนับแต่วันพ้นกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการตาม
มาตรา 23 แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับมาตรา 193/31 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
2. ในประเด็นที่เกี่ยวกับการขอคืนภาษีการค้าที่ได้ชำระไว้ตามแบบ ภ.ค.40 ในปี พ.ศ.
2535 นั้น เนื่องจากภาษีการค้าได้ถูกยกเลิกการบังคับจัดเก็บตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2535 ตามมาตรา
2(1) และมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2534
ดังนั้น ภาษีการค้าที่บริษัทฯได้ชำระไว้ในปี พ.ศ.2535 ดังกล่าว จึงถือเป็นภาษีการค้าที่ได้ชำระไว้โดย
ไม่มีหน้าที่ต้องชำระ บริษัทฯ มีสิทธิขอคืนได้ตามหลักเกณฑ์ดังนี้
2.1 การคืนภาษีการค้าที่ได้ชำระไว้เกินกว่าที่ต้องเสีย หรือที่ได้ชำระไว้โดยไม่มี
หน้าที่ต้องเสีย ผู้มีสิทธิได้รับคืนมีสิทธิขอคืนจากกรมสรรพากรได้ภายในกำหนดสิบปีนับแต่วันที่ได้ชำระไว้
ตามมาตรา 164 และมาตรา 1336 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
2.2 การคืนภาษีการค้าตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2535 ให้แก่ผู้มีสิทธิได้รับคืน ผู้มีสิทธิ
ได้รับคืนยังคงมีสิทธิขอคืนได้ภายในกำหนดเวลาตาม 2.1 แต่ต้องยื่นคำร้องขอคืนต่อเจ้าพนักงานประเมิน
ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2537 ตามมาตรา 25(1) แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร
(ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2534
2.3 การคืนภาษีการค้าเฉพาะภาษีการค้าที่ต้องเสียตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2534
เป็นต้นไป ให้ผู้มีสิทธิขอคืนยื่นคำร้องขอคืนภายในสามปีนับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่นรายการภาษี
ตามที่กฎหมายกำหนดตามมาตรา 27 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 4 แห่ง
พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 16) พ.ศ. 2534
กรณีจึงไม่อาจนำเงินดังกล่าวมาหักกลบลบหนี้กับภาษีธุรกิจเฉพาะที่เจ้าพนักงานจะทำ
การประเมินต่อไปได้ ทั้งนี้ เจ้าพนักงานประเมินควรจะได้ประเมินภาษีธุรกิจเฉพาะและอนุมัติคืนเงินภาษี
ที่ไม่มีหน้าที่ต้องชำระไปพร้อมกัน เพื่อสำนักงานสรรพากรอำเภอท้องที่จะได้ดำเนินการหักกลบลบหนี้ตาม
ข้อ 29 แห่งระเบียบกรมสรรพากรว่าด้วยการคืนเงินภาษีอากร พ.ศ. 2539 ต่อไป

เลขตู้

: 63/29439

 


 

clear-gif

WCAG 2.0 (Level AA)

Last update :
 Friday, May 22, 2020

 
รูปมุมซ้าย
หน้าหลักรูปเส้นประEnglishรูปเส้นประแผนผังเว็บไซต์รูปเส้นประแนะนำเว็บไซต์รูปเส้นประติดต่อกรมสรรพากรรูปเส้นประ


 
สงวนลิขสิทธิ์โดยกรมสรรพากร : Website Policy : Privacy Policy : Website Security Policy : Disclaimer
 
กรมสรรพากร 90 ซอยพหลโยธิน 7 ถนนพหลโยธิน แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทร. 1161