ขออภัยมีข้อจำกัดในการแสดงผล
รูปเส้นประเกี่ยวกับกรมสรรพากรรูปเส้นประห้องข่าวรูปเส้นประบริการอิเล็กทรอนิกส์รูปเส้นประความรู้เรื่องภาษีรูปเส้นประบริการข้อมูลรูปเส้นประอ้างอิงรูปเส้นประRD Knowledge
รูปมุมซ้าย รูปมุมขวา
ค้นหาขั้นสูง
ความช่วยเหลือ
 
ประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ประกาศ/คำสั่ง คสช.
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดยกเว้นและสนับสนุนฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติ ยกเว้นเบี้ยปรับ เงินเพิ่มฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลี่ยม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดภาษีการเดินทางออกนอกราชอาณาจักร พ.ศ.2526
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อหารือภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
คำพิพากษาฏีกา
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
กฎหมายออกใหม่
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
สรุปสิทธิประโยชน์กฎหมายภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
โครงการศึกษาและพัฒนาประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อมูลการพัฒนากฏหมายของกรมสรรพากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
การรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนตามมาตรา 77 แห่งรัฐธรรมนูญ 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง


เลขที่หนังสือ

: กค 0811/31060

วันที่

: 16 มิถุนายน 2543

เรื่อง

: ภาษีเงินได้และอากรแสตมป์ กรณีจดทะเบียนภาระจำยอมในอสังหาริมทรัพย์

ข้อกฎหมาย

: มาตรา 50(4), มาตรา 52, มาตรา 69 ทวิ

ข้อหารือ

: องค์การรถไฟฟ้ามหานคร ดำเนินการจัดสรรกรรมสิทธิ์ที่ดินเพื่อก่อสร้าง โครงการรถไฟฟ้า
มหานคร สายเฉลิมรัชมงคล ตามกฎหมายจำนวน 2 ฉบับ คือ พระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืน พ.ศ.
2530 และพระราชบัญญัติว่าด้วยการจัดหาอสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการขนส่งมวลชน พ.ศ. 2540 ขณะนี้ได้
มีพระราชกฤษฎีกาฯ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชนในท้องที่เขต
จตุจักร เขตบางซื่อ เขตห้วยขวาง เขตดินแดง เขตราชเทวี เขตวัฒนา เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขต
สัมพันธวงศ์ เขตปทุมวัน เขตบางรัก เขตคลองเตยและเขตสาทร กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2542 ออก
ตามความในพระราชบัญญัติว่าด้วยการจัดหาอสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการขนส่งมวลชน พ.ศ. 2540 ใช้
บังคับ และคณะรัฐมนตรีได้ประกาศให้พระราชกฤษฎีกาดังกล่าวเป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน และ
เนื่องจากการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการจัดหาอสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการขนส่งมวลชน
พ.ศ. 2540 มีหลักการและเหตุผลลักษณะทำนองเดียวกันกับพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืน
อสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 กล่าวคือ มีวิธีการดำเนินการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินคล้ายคลึงกัน ต่างกัน
แต่เพียงวัตถุประสงค์ของการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ โดยมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการจัดหา
อสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการขนส่งมวลชน พ.ศ. 2540 บัญญัติว่า “ในกรณีที่หน่วยงานใดมีความจำเป็นต้อง
ใช้อสังหาริมทรัพย์เพื่อประโยชน์ในการดำเนินกิจการขนส่งมวลชนโดยไม่จำเป็นต้องได้มาซึ่ง
อสังหาริมทรัพย์ ถ้ามิได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่นให้ดำเนินการตามบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ แต่ในกรณีที่มี
ความจำเป็นต้องได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ให้ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์”
ซึ่งในการนี้องค์การรถไฟฟ้ามหานครได้ดำเนินการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินบริเวณพื้นที่จำเป็นต้องได้มาซึ่ง
กรรมสิทธิ์ในที่ดินตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2530 แล้วเสร็จเกือบทั้งหมด
แล้ว คงเหลือพื้นที่ต้องดำเนินการกำหนดลักษณะภาระในอสังหาริมทรัพย์ โดยไม่จำเป็นต้องได้มาซึ่ง
กรรมสิทธิ์ในที่ดินตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการจัดหาอสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการขนส่งมวลชน พ.ศ. 2540
โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างที่กรมที่ดินกำลังพิจารณากำหนดรูปแบบในการจดทะเบียนกำหนดลักษณะภาระใน
อสังหาริมทรัพย์ในหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน และในขั้นตอนต่อไป องค์การรถไฟฟ้ามหานครจะทำ
ความตกลงกันเจ้าของหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์เพื่อทำสัญญากำหนดลักษณะภาระในอสังหาริมทรัพย์
แล้วมีหนังสือแจ้งพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อทำสัญญาตามประมวลกฎหมายที่ดินทราบการทำสัญญากำหนดภาระ
ใน อสังหาริมทรัพย์ และให้ดำเนินการจดทะเบียนกำหนดลักษณะภาระในอสังหาริมทรัพย์ในหนังสือแสดง
สิทธิในที่ดินตามมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการจัดหาอสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการขนส่งมวลชน
พ.ศ. 2540 ซึ่งในการจดทะเบียนดังกล่าวบัญญัติให้ได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายที่ดิน
เท่านั้น ต่างกับมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 ประกอบ
กฎกระทรวง ฉบับที่ 184 (พ.ศ. 2533) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
ที่บัญญัติให้การแก้ไขหลักฐานทางทะเบียนในหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียม ค่า
อากรแสตมป์ และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ดังนั้น เพื่อให้องค์การรถไฟฟ้ามหานครสามารถดำเนินการ
จดทะเบียนกำหนดลักษณะภาระในอสังหาริมทรัพย์ ณ สำนักงานที่ดินได้ จึงหารือแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องใน
เรื่องต่าง ๆ ดังนี้
1. อากรแสตมป์
(1) กรณีจดทะเบียนกำหนดลักษณะภาระในอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นการก่อตั้งสิทธิ
เกี่ยวกับ อสังหาริมทรัพย์ เป็นทรัพยสิทธิอย่างหนึ่งตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการจัดหาอสังหาริมทรัพย์เพื่อ
กิจการขนส่งมวลชน พ.ศ.2540 เมื่อมีการตกลงทำสัญญากำหนดลักษณะภาระในอสังหาริมทรัพย์ตาม
มาตรา 13 หรือมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการจัดหาอสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการขนส่งมวลชน
พ.ศ. 2540 และได้จ่ายเงินค่าตอบแทนการใช้อสังหาริมทรัพย์แล้ว การที่คู่สัญญานำสัญญาดังกล่าวไป
จดทะเบียนกำหนดลักษณะภาระในอสังหาริมทรัพย์ในหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน ณ สำนักงานที่ดิน พนักงาน
เจ้าหน้าที่ต้องเรียกเก็บค่าอากรแสตมป์หรือไม่เพียงใด และหากต้องเสียอากรแสตมป์ ใครเป็นผู้มีหน้าที่
ในการเสีย
นอกจากนี้ เนื่องจากสัญญากำหนดลักษณะภาระในอสังหาริมทรัพย์ มีคู่ฉบับรวมทั้งสิ้น 3
ฉบับ ในกรณีนี้ต้องเสียอากรแสตมป์คู่ฉบับทุกฉบับหรือไม่เพียงใด และใครเป็นผู้มีหน้าที่ในการเสีย
อากรแสตมป์
(2) กรณีไม่อาจตกลงกันได้ในเรื่องการกำหนดลักษณะภาระในอสังหาริมทรัพย์ หรือ
ในเรื่องเงินค่าทดแทน ซึ่งมิใช่กรณีตามมาตรา 14 และองค์การรถไฟฟ้ามหานครต้องเสนอออก
พระราชบัญญัติกำหนดภาระในอสังหาริมทรัพย์ ตามมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการจัดหา
อสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการขนส่งมวลชน พ.ศ.2540 เป็นกรณีที่องค์การรถไฟฟ้ามหานครต้องนำเงิน
ค่าทดแทนไปวางต่อศาลหรือสำนักงานวางทรัพย์ ตามมาตรา 24 ดังนั้น ในการจดทะเบียนกำหนดลักษณะ
ภาระในอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวพนักงานเจ้าหน้าที่จะเรียกเก็บค่า
อากรแสตมป์หรือไม่เพียงใด และหากต้องเสียอากรแสตมป์ ใครเป็นผู้มีหน้าที่ต้องเสีย
2. ภาษีเงินได้
(1) กรณีบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล ตกลงทำสัญญากำหนดลักษณะภาระใน
อสังหาริมทรัพย์กับองค์การรถไฟฟ้ามหานครตามข้อ 1(1) และองค์การรถไฟฟ้ามหานครได้จ่ายเงิน
ค่าทดแทนการใช้อสังหาริมทรัพย์ให้แก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ แล้วนำสัญญาดังกล่าวไป
จดทะเบียนกำหนดลักษณะภาระใน อสังหาริมทรัพย์โดยมิได้โอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์เป็นของ
องค์การรถไฟฟ้ามหานคร ในกรณีนี้เจ้าของหรือผู้ครอบครอง อสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นผู้มีเงินได้มีหน้าที่ต้อง
เสียภาษีเงินได้หรือไม่เพียงใด และหากต้องเสียองค์การรถไฟฟ้ามหานครจะเป็นผู้หักภาษีเงินได้ ณ
ที่จ่าย กรณีบุคคลธรรมดาตามมาตรา 52 แห่งประมวลรัษฎากร และกรณีนิติบุคคลตามมาตรา 69 ทวิ
แห่งประมวลรัษฎากร แล้วนำส่งพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ในขณะที่มีการ
จดทะเบียนได้หรือไม่ อย่างไร
(2) กรณีไม่อาจตกลงกันได้ในเรื่องการกำหนดลักษณะภาระในอสังหาริมทรัพย์ตามข้อ
1(2) หากต้องมีการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือภาษีเงินได้นิติบุคคล จะมีวิธีการนำส่งภาษีเงินได้
อย่างไร

แนววินิจฉัย

: กรณีตามข้อเท็จจริงองค์การรถไฟฟ้าฯ ก่อสร้าง ทางรถไฟฟ้าใต้ดินผ่านที่ดินของ
บุคคลธรรมดา หรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล โดยจดทะเบียนการขอใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดิน
มีภาระภาษีดังนี้
1. อากรแสตมป์ กรณีสามารถตกลงรับเงินค่าทดแทนการโอนทรัพยสิทธิเกี่ยวกับ
อสังหาริมทรัพย์หรือไม่สามารถตกลงรับเงินค่าทดแทนการโอนทรัพยสิทธิ์เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยจะ
ต้องนำเงินค่าทดแทนไปวางต่อศาลหรือสำนักงานวางทรัพย์ หลักฐานการรับเงินหรือการวางทรัพย์
ดังกล่าว เข้าลักษณะเป็นใบรับสำหรับการก่อตั้งสิทธิใด ๆ เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ เมื่อนิติกรรมที่
เป็นเหตุให้ออกใบรับนั้น มีการจดทะเบียนตามกฎหมาย ผู้ออกใบรับต้องเสียอากรแสตมป์ ตามลักษณะ
ตราสาร 28.(ข) ใบรับ แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ ในกรณีมีจำนวนเงินตั้งแต่ 200 บาทขึ้นไป ทุก
200 บาท หรือเศษของ 200 บาท ต้องเสียอากรแสตมป์ 1 บาท
กรณีคู่ฉบับหรือคู่ฉีกของใบรับ เนื่องจากใบรับไม่มีระบุบุคคลอีกฝ่ายหนึ่งเป็นคู่สัญญา คนที่
เสียอากรสำหรับต้นฉบับเป็นผู้เสียอากร ตามลักษณะตราสาร 23. แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ (ก) ถ้า
ต้นฉบับเสียอากรไม่เกิน 5 บาท ต้องปิดอากรแสตมป์ 1 บาท (ข) ถ้าเกิน 5 บาท ต้องปิดอากรแสตมป์
5 บาท
2. ภาษีเงินได้ กรณีการจดทะเบียนสิทธิกำหนดลักษณะภาระในอสังหาริมทรัพย์ ไม่เข้า
ลักษณะเป็นการจดทะเบียนขายอสังหาริมทรัพย์ พนักงานเจ้าหน้าที่จึงไม่ต้องเรียกเก็บภาษีเงินได้หัก ณ
ที่จ่าย ตามมาตรา 52 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร
กรณีที่องค์การรถไฟฟ้าฯ จ่ายค่าทดแทนการโอนทรัพยสิทธิดังกล่าวให้แก่บุคคลธรรมดา
ถือเป็นการจ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8) แห่งประมวลรัษฎากร องค์การรถไฟฟ้าฯ จะต้อง
หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายไว้ในอัตราร้อยละ 1.0 ตามมาตรา 50(4) แห่งประมวลรัษฎากร และต้อง
นำส่ง ณ ที่ว่าการอำเภอภายในเจ็ดวันนับตั้งแต่วันสิ้นเดือนที่จ่ายเงิน ตามมาตรา 52 วรรคหนึ่ง แห่ง
ประมวลรัษฎากร ประกอบกับประกาศกระทรวงการคลังเรื่อง ขยายกำหนดเวลาการนำส่งภาษีเงินได้หัก
ณ ที่จ่าย การนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม และการยื่นรายการ ลงวันที่ 21 มกราคม พ.ศ.2535
กรณีองค์การรถไฟฟ้าฯ จ่ายค่าทดแทนการโอนทรัพยสิทธิดังกล่าวให้แก่
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ ถือเป็นการจ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40
แห่งประมวลรัษฎากร จะต้องหักภาษีเงินได้ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 1.0 ตามมาตรา 69 ทวิ แห่ง
ประมวลรัษฎากร และต้องนำส่ง ณ ที่ว่าการอำเภอภายในเจ็ดวันนับตั้งแต่วันสิ้นเดือนที่จ่ายเงิน ตาม
มาตรา 52 วรรคหนึ่ง แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับประกาศ กระทรวงการคลัง เรื่อง ขยาย
กำหนดเวลาการนำส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย การนำส่งเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม และการยื่นรายการ ลงวันที่
21 มกราคม พ.ศ.2535

เลขตู้

: 63/29464

 


 

clear-gif

WCAG 2.0 (Level AA)

Last update :
 Friday, May 22, 2020

 
รูปมุมซ้าย
หน้าหลักรูปเส้นประEnglishรูปเส้นประแผนผังเว็บไซต์รูปเส้นประแนะนำเว็บไซต์รูปเส้นประติดต่อกรมสรรพากรรูปเส้นประ


 
สงวนลิขสิทธิ์โดยกรมสรรพากร : Website Policy : Privacy Policy : Website Security Policy : Disclaimer
 
กรมสรรพากร 90 ซอยพหลโยธิน 7 ถนนพหลโยธิน แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทร. 1161