ข้อหารือ | : หน่วยงานราชการหารือกรณีบริษัท ว. ได้ขอคืนเงินเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยอ้างเหตุว่า เจ้าหน้าที่เรียกเก็บไว้ไม่ถูกต้อง ซึ่งมีข้อเท็จจริง ดังนี้บริษัทฯ ได้นำสินค้าเครื่องตีเกลียวและตีสลิงพร้อม อุปกรณ์จำนวน 2 ชุดเข้ามาเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2541 ต่อมาเจ้าหน้าที่ฯ ได้ทำการสำรวจเป็น ของตกค้างแล้วนำออกขายทอดตลาดครั้งหนึ่งแล้วแต่ขายไม่ได้ ซึ่งบริษัทฯ ได้ยื่นคำร้องขอยืดระยะเวลา ผ่อนผันการผ่านพิธีการ และชำระค่าภาษีอากรเพื่อนำสินค้าออกไปจากอารักขาศุลกากรอีก 60 วัน โดย นำเช็คธนาคารมาวางเป็นประกันค่าอากรจำนวน 25% ของค่าอากรทั้งจำนวน ส่วนค่าอากรที่เหลืออีก 75% จะมาชำระภายในกำหนดเวลา 60 วัน โดยบริษัทฯ อ้างว่ากำลังประสบปัญหาด้านการเงิน หน่วยงานราชการได้อนุมัติผ่อนผันตามที่บริษัทฯ ร้องขอโดยรับมัดจำไว้เป็นเงินประกันค่าอากร 25% ของ ค่าอากรทั้งจำนวนเป็นเงิน 463,196 บาท ชำระภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเงิน 972,712 บาท รวมเป็นเงิน 1,435,908 บาท และให้บริษัทฯ วางมัดจำเพิ่มอีก 75% ภายในกำหนดระยะเวลา 60 วัน นับแต่วันรับ คำร้อง และนำมาผลักเป็นรายได้แผ่นดินทั้งจำนวน และออกใบเสร็จค่าภาษีอากรให้ภายหลังต่อมาเมื่อ บริษัทฯ ได้นำส่วนที่เหลืออีก 75% มาชำระเป็นค่าภาษีอากร เจ้าหน้าที่ฯ ได้เรียกเก็บเงินเพิ่ม ภาษีมูลค่าเพิ่มอีก จำนวน 87,544 บาท ซึ่งภายหลังบริษัทฯ ได้มีหนังสือขอคืนเงินเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม จำนวนดังกล่าว โดยแจ้งว่าเจ้าหน้าที่เรียกเก็บไว้ไม่ถูกต้องเพราะสินค้าดังกล่าวยังอยู่ในอารักขาของ ศุลกากรในวันชำระค่าภาษีอากร จึงขอหารือดังนี้ 1. การที่บริษัทฯ ได้ขอยืดระยะเวลาการผ่านพิธีการ โดยการวางประกันค่าอากรจำนวน 25% ของค่าอากรทั้งจำนวนนั้น เงินวางประกันดังกล่าวถือว่าเป็นการวางหลักประกันอากรขาเข้า ตาม มาตรา 78/2(1) แห่งประมวลรัษฎากร หรือไม่ 2. กรณีมีการชำระภาษีมูลค่าเพิ่มบางส่วนอันเนื่องจากการวางประกันในข้อ 1. ต่อมาได้มี การชำระภาษีมูลค่าเพิ่มจนครบถ้วน กรณีดังกล่าวเป็นการชำระภาษีมูลค่าเพิ่มไม่ครบถ้วนอันเป็นเหตุให้ ต้องเรียกเก็บเงินเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ นั้น |