ขออภัยมีข้อจำกัดในการแสดงผล
รูปเส้นประเกี่ยวกับกรมสรรพากรรูปเส้นประห้องข่าวรูปเส้นประบริการอิเล็กทรอนิกส์รูปเส้นประความรู้เรื่องภาษีรูปเส้นประบริการข้อมูลรูปเส้นประอ้างอิงรูปเส้นประRD Knowledge
รูปมุมซ้าย รูปมุมขวา
ค้นหาขั้นสูง
ความช่วยเหลือ
 
ประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ประกาศ/คำสั่ง คสช.
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดยกเว้นและสนับสนุนฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติ ยกเว้นเบี้ยปรับ เงินเพิ่มฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลี่ยม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดภาษีการเดินทางออกนอกราชอาณาจักร พ.ศ.2526
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อหารือภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
คำพิพากษาฏีกา
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
กฎหมายออกใหม่
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
สรุปสิทธิประโยชน์กฎหมายภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
โครงการศึกษาและพัฒนาประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อมูลการพัฒนากฏหมายของกรมสรรพากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
การรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนตามมาตรา 77 แห่งรัฐธรรมนูญ 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง


เลขที่หนังสือ

: กค 0811/1550

วันที่

: 20 กุมภาพันธ์ 2545

เรื่อง

: ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายและภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีกิจการสตีวิโดร์

ข้อกฎหมาย

: มาตรา 77/1(10), มาตรา 77/2, มาตรา 85/1

ข้อหารือ

: สำนักงานสรรพากรภาคได้หารือเกี่ยวกับปัญหาภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายและภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณี
กิจการสตีวิโดร์ (STEVEDORE) สรุปข้อเท็จจริงได้ดังนี้บริษัท ท. จำกัด ได้จดทะเบียนเป็นบริษัทขนส่ง
ทางทะเลมีทะเบียนขนส่งซึ่งได้รับยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและไม่ต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย
ได้ทำการขนถ่ายสินค้าเป็นเรือ BULK (สินค้าเทกอง) ไม่ใช่เรือ CONTAINER (ยกเข้ายกออกสินค้า
จากตู้) ในบริเวณการท่าเรือแห่งประเทศไทย-ท่าเรือคลองเตย หรือท่าเรือเอกชนมาบตาพุดให้กับ
สายการเดินเรือ โดยเอเยนต์เรือของสายการเดินเรือนั้น ๆ เป็นผู้ว่าจ้าง ขณะนี้บริษัทฯ ยังไม่ได้
จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในทางปฏิบัติงาน STEVEDORE ที่บริษัทฯ รับทำ มีการแบ่งลักษณะการขนถ่าย
เป็น 3 ประเภท
ประเภทที่ 1 ได้ใช้แรงงานและเจ้าหน้าที่เป็นบุคคลธรรมดา เพื่อยกสินค้าขึ้นลงเรือ
ต่างประเทศ (ขนถ่ายสินค้า) บุคคลเหล่านี้ได้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามปกติแล้ว ไม่มีการ
จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ถ้าบริษัทฯ จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม บริษัทฯ ไม่มีภาษีซื้อที่จะนำมา หัก
ภาษีขาย (ภาษีขาย คือ รายรับที่บริษัทฯ เรียกเก็บจากสายการเดินเรือซึ่งรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม
สายการเดินเรือไม่ยอมจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม จึงไม่ยอมจ่ายเงินตามบิลทั้งจำนวนทำให้ธุรกิจชะงัก โดยให้
เหตุผลว่า สัญญาขนส่งระหว่างประเทศได้ทำขึ้นโดยหลายฝ่ายและหลายประเทศ และสินค้าบาง LOT
ต้องทำสัญญาขนส่งเป็นการล่วงหน้าเป็นระยะยาว เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงโดยกระทันหันทำให้เกิด
ความเสียหาย)
ประเภทที่ 2 บริษัทฯ ว่าจ้างบริษัทนิติบุคคลซึ่งไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มมาทำการขนถ่าย
สินค้าขึ้นลงเรือต่างประเทศ โดยอยู่ในความดูแลและรับผิดชอบของบริษัทฯ ทั้งนี้ บริษัทนิติบุคคลที่ได้รับ
การว่าจ้างเปรียบเสมือนหัวหน้ากรรมกรที่ชำนาญงานในแต่ละประเภทของสินค้า
ประเภทที่ 3 ลักษณะการทำงานเหมือนประเภทที่ 1 และประเภทที่ 2 ดังกล่าว ข้างต้น แต่มี
ความแตกต่างกันตรงที่ทำการขนถ่ายให้เรือต่างประเทศขาออก ตัวอย่างเช่น สินค้าเหล็กม้วน
STEVEDORE จำเป็นต้องใช้เหล็กพืด, ไม้ลิ่มและไม้รองพื้น กันเพื่อไม่ให้สินค้าเสียหายเมื่อเจอมรสุม
ทางทะเลโดยการยึดไม่ให้เคลื่อน (SECURING AND LASHING) ด้วยแรงคนธรรมดา (ประเภทที่ 1)
หรือโดยบริษัทนิติบุคคล (ประเภทที่ 2) ในการขนถ่ายนี้มีการใช้ FORKLIFT ช่วยด้วย แต่ FORKLIFT
เป็นรถที่บริษัทเอเย่นต์เรือเป็นผู้ว่าจ้าง มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย และมีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
บริษัทฯ ไม่ได้เป็นเจ้าของรถ FORKLIFT และไม่ได้เป็นผู้ว่าจ้างอย่างใดบริษัทฯ จึงขอหารือว่า
1. การประกอบธุรกิจของบริษัทฯ ประเภทที่ 1 ประเภทที่ 2 และประเภทที่ 3 จัดว่าเป็น
ธุรกิจประเภทขนส่งหรือประเภทบริการ
2. บริษัทฯ จะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่
3. บริษัทฯ จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย อัตราร้อยละเท่าใด
4. ถ้าผู้ว่าจ้างบริษัทฯ เพื่อทำการขนถ่ายสินค้าเป็นเจ้าของสินค้า (SHIPPE R) จะมีผลทาง
ด้านกฎหมายแตกต่างจากคำตอบของคำถามในข้อ 1, 2 และ 3 หรือไม่ อย่างใด สำนักงาน
สรรพากรภาคได้พิจารณาแล้วเห็นว่า งาน STEVEDORE ที่บริษัทฯ รับทำ โดยแบ่งลักษณะการขนถ่ายทั้ง
3 ประเภทนั้น เข้าลักษณะเป็นกิจการที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับกิจการท่าเรือ ถือเป็นการให้บริการตาม
มาตรา 77/1(10) แห่งประมวลรัษฎากร จึงอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 77/2 แห่ง
ประมวลรัษฎากร และตามข้อ 1(2)(ข) และข้อ 2 วรรคแรก ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.
106/2544 ฯ ลงวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2544 บริษัทฯ จึงต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยยื่น
คำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามแบบ ภ.พ.01 ณ สำนักงานภาษีสรรพากรพื้นที่ที่บริษัทฯ มีภูมิลำเนาตั้ง
อยู่ และเงินได้จากค่าบริการขนถ่ายสินค้าดังกล่าว เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8)
แห่งประมวลรัษฎากร เมื่อบริษัทฯ ผู้ว่าจ้างจ่าย ให้กับบริษัทฯ จะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ในอัตราร้อยละ
3 ตามข้อ 12/1 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 ฯ ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 ซึ่ง
แก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.101/2544 ฯ ลงวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2544
สำหรับการจ่ายเงินได้ ตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2544 เป็นต้นไป

แนววินิจฉัย

: กรณีดังกล่าวบริษัทฯ ประกอบกิจการขนถ่ายสินค้าในบริเวณการท่าเรือแห่งประเทศไทย
(ท่าเรือคลองเตย) หรือท่าเรือเอกชนมาบตาพุดให้กับสายการเดินเรือโดยมีเอเย่นต์เรือของ
สายการเดินเรือเป็นผู้ว่าจ้าง จึงให้แจ้งบริษัทฯ เพื่อให้ถือเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป ดังนี้
(1) บริษัทฯ ใช้แรงงานกรรมกรขนถ่ายสินค้าหรือว่าจ้างบริษัทอื่นทำการขนถ่าย สินค้าขึ้นลง
เรือต่างประเทศที่เทียบท่าเรือให้กับสายการเดินเรือต่างประเทศ เข้าลักษณะเป็นการให้บริการตาม
มาตรา 77/1(10) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 77/2
แห่งประมวลรัษฎากร
(2) บริษัทฯ ใช้แรงงานกรรมกรขนถ่ายสินค้าหรือว่าจ้างบริษัทอื่นทำการขนถ่าย สินค้า
ประเภทเหล็กม้วนขึ้นลงเรือต่างประเทศที่เทียบท่าเรือให้กับสายการเดินเรือต่างประเทศ ขาออก เข้า
ลักษณะเป็นการให้บริการตามมาตรา 77/1(10) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ อยู่ในบังคับต้องเสีย
ภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 77/2 แห่งประมวลรัษฎากร
(3) กรณีบริษัทฯ มีรายรับจากการประกอบกิจการตาม (1) และ (2) เกิน 1,200,000
บาทต่อปี บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 85/1 แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบ
กับพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 354) พ.ศ. 2542 และบริษัทฯ ต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ว่าจ้าง
เมื่อความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตามมาตรา 82/4 แห่งประมวลรัษฎากร
(4) เงินค่าบริการขนถ่ายสินค้าที่บริษัทฯ ได้รับ เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา
40(8) แห่งประมวลรัษฎากร เมื่อผู้ว่าจ้างจ่ายเงินค่าบริการดังกล่าวให้บริษัทฯ มี หน้าที่ต้องหัก
ภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 3 ตามข้อ 12/1 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 ฯ
ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528
(5) กรณีผู้ว่าจ้างบริษัทฯ ตาม (1) และ (2) เป็นเจ้าของสินค้า (SHIPPER) บริษัทฯ ก็
ต้องปฏิบัติเช่นเดียวกับที่กล่าวไว้ใน (1)-(4)

เลขตู้

: 65/31269

clear-gif

WCAG 2.0 (Level AA)

Last update :
 Friday, May 22, 2020

 
รูปมุมซ้าย
หน้าหลักรูปเส้นประEnglishรูปเส้นประแผนผังเว็บไซต์รูปเส้นประแนะนำเว็บไซต์รูปเส้นประติดต่อกรมสรรพากรรูปเส้นประ


 
สงวนลิขสิทธิ์โดยกรมสรรพากร : Website Policy : Privacy Policy : Website Security Policy : Disclaimer
 
กรมสรรพากร 90 ซอยพหลโยธิน 7 ถนนพหลโยธิน แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทร. 1161