ข้อหารือ | : เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2543 นาย ก. ได้ซื้อที่ดิน นาง ศ. ซึ่งเป็นน้องสาวในราคา 4,100,000 บาท เพื่อให้ นาง ศ. นำเงินไปชำระหนี้จำนองที่เป็นหนี้ธนาคาร ซึ่งต่อมาได้โอนสิทธิไป ยังบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด เป็นจำนวนทั้งสิ้น 700,000 บาท อันเนื่องมาจาก การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนดภายใต้สิทธิประโยชน์ ตามพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 360) พ.ศ. 2542 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 373) พ.ศ. 2543 โดยในขณะจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมได้มีการยื่นหนังสือรับรองการปรับปรุง โครงสร้างหนี้ และยอมให้เจ้าพนักงานที่ดินผู้รับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมหักภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ณ ที่จ่าย จำนวน 119,800 บาท ไปก่อน เนื่องจากประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฯ ลงวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2543 ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวยังไม่มีการประกาศ นาย ก.จึงหารือว่า 1. ราคาประเมินที่เจ้าพนักงานที่ดินใช้คำนวณหักภาษี ณ ที่จ่าย จำนวน 3,296,000 บาท แต่เมื่อใช้สิทธิยกเว้นตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว ต้องเอาส่วนที่ได้ชำระหนี้แก่สถาบันการเงินจำนวน 700,000 บาท ลบออกก่อน คือ 3,296,000 บาท ลบด้วย 700,000 บาท เหลือเท่ากับ 2,596,000 บาท แล้วคำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50(5)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร (ซื้อมาเกิน 10 ปีแล้ว) ได้ภาษีเท่าใดนำไปหักออกจากจำนวนภาษีที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายไว้แล้ว ส่วนที่เกิน ผู้ขายมีสิทธิขอคืนภายใน 3 ปีนับแต่วันที่ถูกหัก ณ ที่จ่าย จะเป็นการถูกต้องหรือไม่ 2. ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฯ ลงวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ.2543 ซึ่งให้มีผล ย้อนหลังถึง วันที่ 1 พฤศจิกายน 2543 เป็นต้นไป มีผลให้การดำเนินการตามกระบวนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่ได้ กระทำก่อนวันที่ 28 ธันวาคม 2543 ซึ่งเป็นวันออกประกาศได้รับสิทธิประโยชน์ด้วย จะเป็นการถูกต้อง หรือไม่ |