ข้อหารือ | : องค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) ได้หารือเกี่ยวกับแนวทางการคำนวณ ภาษีกรณีจัดสรรเงินคืนแก่เจ้าหนี้ของสถาบันการเงินที่ถูกปิด กิจการ (FCT) ในธุรกรรมประเภทต่างฯ ดังนี้ 1. กรณี FCT เป็นหนี้ค่าจ้างก่อสร้างเป็นจำนวนเงิน 1,500,000 บาท แต่ ปรส.จ่ายเงิน ให้แก่เจ้าหนี้ได้เพียงร้อยละ 20 ของยอดเจ้าหนี้ โดยมีรายละเอียดการชำระเงินดังนี้ เงินสด 240,000 บาท ตั๋วสัญญาใช้เงิน 40,000 บาท Profit Sharing 15,000 บาท Cashflow Sharing 5,000 บาท ปรส. ขอทราบว่า การคำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายจะคำนวณจากยอดไหน ทั้งนี้ บริษัทใช้เกณฑ์เงินสด 2. กรณี FCT เป็นหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นจำนวน 10,000,000 บาท ดอกเบี้ย 500,000 บาท รวมเป็นเงิน 10,5000,000 บาท แต่ ปรส. จ่ายเงินให้แก่เจ้าหนี้ได้เพียงร้อยละ 20 ของยอด เจ้าหนี้ โดยจะชำระเงินเพียง 2,100,000 บาท ปรส. ขอทราบว่า กรณีดังกล่าวจะถือเป็นการชำระหนี้แต่เพียงต้นเงินอย่างเดียวได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้จะมีกฎเกณฑ์อย่างไร และจะคำนวณหักภาษีอย่างไรและอัตราเท่าไร สำหรับการจ่ายเงินให้แก่ บุคคลธรรมดา นิติบุคคล กองทุน ธนาคารทั้งในประเทศและต่างประเทศ บุคคลหรือ นิติบุคคล ต่างประเทศที่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย และบุคคลหรือนิติบุคคลต่างประเทศที่มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศไทย 3. เจ้าหนี้ค่าจ้างแรงงาน ซึ่ง FCT เป็นหนี้อยู่ 240,000 บาท แต่ ปรส. จ่ายเงินให้แก่ เจ้าหนี้ดังนี้ 3.1 จ่ายเงินทั้งจำนวนให้แก่เจ้าหนี้ ตามบุริมสิทธิกฎหมายแรงงาน 100,000 บาท 3.2 ต้นเงินส่วนที่เหลือ ปรส. จ่ายเหมาในอัตราร้อยละ 20 ของยอดหนี้ คงค้าง คือ จำนวน 28,000 บาท ปรส. ขอทราบว่า การหักภาษี ณ ที่จ่ายมีวิธีการคำนวณอย่างไร 4. กรณี FCT เป็นหนี้ค่าเช่าสัญญาณดาวเทียมจำนวน 500,000 บาท ค่าดอกเบี้ย จำนวน 40,000 บาท ค่าความเสียหายจำนวน 200,000 บาท แต่ ปรส. จ่ายเงินให้แก่เจ้าหนี้ได้เพียงร้อยละ 20 ของยอดหนี้ โดยมีรายละเอียดการชำระเงินดังนี้ เงินสด 118,400 บาท ตั๋วสัญญาใช้เงิน 23,680 บาท Profit Sharing 4,736 บาท Cashflow Sharing 1,184 บาท ปรส. ขอทราบว่า การคำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายจะคำนวณจากยอดไหน อย่างไร 5. กรณี FCT เป็นหนี้เงินกู้ต่างประเทศเป็นจำนวนเงิน 570,000,000 บาท ค่าดอกเบี้ย จำนวน 94,000,000 บาท และค่าใช้จ่ายอื่นในการติดต่อเรียกเก็บหนี้เป็นจำนวน 8,900,000 บาท แต่ ปรส. จ่ายเงินให้แก่เจ้าหนี้ได้เพียงร้อยละ 20 ของยอดหนี้ โดยมีรายละเอียดการชำระเงินดังนี้ เงินสด 107,664,000 บาท ตั๋วสัญญาใช้เงิน 21,532,800 บาท Profit Sharing 4,306,560 บาท Cashflow Sharing 1,076,640 บาท ปรส. ขอทราบว่า กรณีดังกล่าวจะถือเป็นการชำระหนี้แต่เพียงต้นเงินอย่างเดียวได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้จะคำนวณหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายเฉพาะยอดดอกเบี้ยเท่าไร และที่เหลือไม่มีการหักภาษีดอกเบี้ย ตาม prorata หรือไม่ และกรณี FCT ต้องรับภาระภาษีแทนเจ้าหนี้จะคำนวณอย่างไร รวมทั้งกรณี BIBF และกรณีไม่มี BIBF 6. กรณีตั๋วสัญญาใช้เงินของ บบส. ที่ออกให้กับ FCT เนื่องจาก FCT ได้ขายลูกหนี้สินเชื่อให้ กับ บบส. ในราคา 300 ล้านบาท โดยตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวออกเมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2542 ครบ กำหนดไถ่ถอนวันที่ 31 มี.ค.2546 กำหนดรับดอกเบี้ยทุกวันที่ 31 มี.ค. และวันที่ 30 ก.ย. อัตรา ดอกเบี้ยร้อยละ 11 ต่อปี แต่เนื่องจากตั๋วสัญญาใช้เงินจะมีการเปลี่ยนมือเมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 2543 ปรส . จึงขอทราบว่า ในช่วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค. 2543 ถึงวันที่ 29 มิ.ย.2543 ซึ่งเป็นช่วงที่ FCT เป็นผู้ถือตั๋วเงินเป็นจำนวน 91 วันและเป็นผู้รับดอกเบี้ยเพื่อนำเข้ากองทรัพย์สิน บบส. มีหน้าที่ต้อง หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายหรือไม่ สำหรับดอกเบี้ยของ บบส.ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย. 2543 เป็นต้นไปจะตกเป็นของ เจ้าหนี้ โดย ปรส. จะแจ้ง บบส. เพื่อให้ บบส. ทำการออกตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับใหม่เพื่อชำระหนี้แก่ เจ้าหนี้โดยมีชื่อเจ้าหนี้เป็นผู้ทรงตั๋วสัญญาใช้เงิน และเป็นการชำระราคาทรัพย์สินโดยตั๋วสัญญา ใช้เงิน ของ บบส. บบส. มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายหรือไม่ นั้น |