ขออภัยมีข้อจำกัดในการแสดงผล
รูปเส้นประเกี่ยวกับกรมสรรพากรรูปเส้นประห้องข่าวรูปเส้นประบริการอิเล็กทรอนิกส์รูปเส้นประความรู้เรื่องภาษีรูปเส้นประบริการข้อมูลรูปเส้นประอ้างอิงรูปเส้นประRD Knowledge
รูปมุมซ้าย รูปมุมขวา
ค้นหาขั้นสูง
ความช่วยเหลือ
 
ประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ประกาศ/คำสั่ง คสช.
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดยกเว้นและสนับสนุนฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติ ยกเว้นเบี้ยปรับ เงินเพิ่มฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลี่ยม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดภาษีการเดินทางออกนอกราชอาณาจักร พ.ศ.2526
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อหารือภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
คำพิพากษาฏีกา
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
กฎหมายออกใหม่
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
สรุปสิทธิประโยชน์กฎหมายภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
โครงการศึกษาและพัฒนาประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อมูลการพัฒนากฏหมายของกรมสรรพากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
การรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนตามมาตรา 77 แห่งรัฐธรรมนูญ 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง


เลขที่หนังสือ

: กค 0811/พ./11893

วันที่

: 25 ธันวาคม 2544

เรื่อง

: ภาษีมูลค่าเพิ่ม อายุความการประเมินภาษี

ข้อกฎหมาย

: มาตรา 88/6(1)(ค)

ข้อหารือ

: สำนักงานสรรพากรภาคได้มีหนังสือหารือกรมสรรพากร กรณีสำนักงานภาษีสรรพากรพื้นที่ได้
ตรวจสอบภาษีมูลค่าเพิ่มราย บริษัท บี. จำกัด ซึ่งขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเงินสด สำหรับเดือนตุลาคม
2538 - เดือนกรกฎาคม 2540, เดือนพฤศจิกายน 2540, เดือนกุมภาพันธ์ 2541, เดือนเมษายน
2541 - เดือนเมษายน 2542 และเดือนมิถุนายน 2542 รวม 38 เดือน เป็นเงินจำนวน
5,386,139.62 บาท แต่กรมศุลกากรแจ้งว่าบริษัทฯ ไม่มีการส่งออกสินค้าตามที่สำแดงไว้ในใบขนสินค้า
และมีเจตนาขอคืนเงินชดเชยภาษีอากรจากกรมศุลกากรโดยทุจริต ผลการตรวจสอบปรากฏว่า บริษัทฯ
ยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.30) โดยแสดงยอดขายที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0
แสดงยอดซื้อและภาษีซื้อที่มีสิทธิขอคืน เช่น การยื่นแบบ ภ.พ.30 เดือนภาษีมกราคม 2539 บริษัทฯ ได้
แสดงยอดขายจำนวน 2,110,875.00 บาท ยอดขายที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 จำนวน
2,110,875.00 บาท ยอดซื้อจำนวน 779,565.47 บาท และภาษีซื้อจำนวน 54,567.23 บาท
สพท. มีความเห็นว่า เนื่องจากยอดขายที่แสดงไว้เป็นรายการเท็จ บริษัทฯ มิได้รับหรือพึงได้
รับตามรายการที่แสดงไว้ ถือว่าบริษัทฯ ยื่นแบบ ภ.พ.30 โดยแสดงฐานภาษีไว้จำนวน 0.00 บาท แต่
จากการคำนวณยอดขายในประเทศมีจำนวน 930,731.25 บาท จึงเป็นการแสดงฐานภาษีต่ำกว่ามูลค่าที่
บริษัทฯ ได้รับหรือพึงได้รับเป็นจำนวนเกินกว่าร้อยละยี่สิบห้าของฐานภาษีที่แสดงในแบบแสดงรายการ ซึ่ง
สพท. สามารถประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มได้ภายในกำหนดเวลาสิบปี นับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่น
แบบแสดงรายการภาษีตามมาตรา 88/6(1)(ค) แห่งประมวลรัษฎากร สภ. มีความเห็นว่า แม้ว่าบริษัทฯ
ไม่ได้มีการส่งออกสินค้าจริงตามที่แสดงในใบ ขนสินค้า แต่ยอดขายที่บริษัทฯ แสดงในแบบ ภ.พ.30 ว่า
เป็นยอดขายที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ไม่อาจถือว่าเป็นการยื่นแบบแสดงรายการภาษีโดย
แสดงฐานภาษีต่ำกว่ามูลค่าที่ ผู้ประกอบการได้รับหรือพึงได้รับเป็นจำนวนเกินกว่าร้อยละยี่สิบห้าของ
ฐานภาษีที่แสดงในแบบแสดงรายการภาษี ตามมาตรา 88/6(1)(ค) แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น
เจ้าพนักงานประเมินจึงต้องประเมินภาษีภายในสองปีนับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่น
แบบแสดงรายการภาษี ตามมาตรา 88/6(1)(ก) แห่งประมวลรัษฎากร จึงหารือว่า ความเห็นของ
สภ.3 ถูกต้องหรือไม่

แนววินิจฉัย

: 1. กรณีตัวอย่างการยื่นแบบ ภ.พ.30 เดือนภาษีมกราคม 2539 ที่ส่งไปประกอบการพิจารณา
ซึ่งบริษัทฯ แสดงยอดขายส่งออกจำนวน 2,110,875.00 บาท แต่กรมศุลกากรแจ้งว่า บริษัทฯ ไม่มีการ
ส่งออกสินค้าตามที่สำแดงไว้ในใบขนสินค้า ถือว่าบริษัทฯ มิได้ส่งออกสินค้า ตามมาตรา 77/1(14) แห่ง
ประมวลรัษฎากร บริษัทฯ จึงไม่มีรายรับจากการส่งออก หากบริษัทฯ ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีการขาย
สินค้าตามมูลค่าดังกล่าวภายในประเทศ ถือว่าบริษัทฯ ยื่นแบบ ภ.พ.30 โดยไม่มีรายรับ และเมื่อ
เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบได้ว่าในเดือนภาษีมกราคม 2539 บริษัทฯ ขายสินค้าในประเทศได้จำนวน
930,731.25 บาท จึงเป็นกรณีบริษัทฯ ยื่นแบบแสดง รายการภาษีโดยแสดงฐานภาษีต่ำกว่ามูลค่าที่
ผู้ประกอบการได้รับหรือพึงได้รับเป็นจำนวนเกินกว่าร้อยละยี่สิบห้าของฐานภาษีที่แสดงใน
แบบแสดงรายการภาษี ดังนั้น เจ้าพนักงานประเมินจึงมีอำนาจประเมินภาษีภายในกำหนดเวลาสิบปีนับแต่
วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการภาษี ตามมาตรา 88/6(1)(ค) แห่งประมวลรัษฎากร
2. อย่างไรก็ดี กรณีที่บริษัทฯ ยื่นแบบ ภ.พ.30 แสดงยอดขายส่งออกซึ่งบริษัทฯ ได้รับสิทธิ
เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ตามมาตรา 80/1(1) แห่งประมวลรัษฎากร แต่
เจ้าพนักงานประเมินตรวจพบว่า บริษัทฯ มิได้ส่งออก แต่ได้มีการจำหน่ายจ่ายโอนสินค้าไปจริง ซึ่งถือ
เป็นการขายสินค้าในราชอาณาจักร บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 ตาม
มาตรา 80 แห่งประมวลรัษฎากร กรณีดังกล่าว ถือว่าบริษัทฯ ยื่นแบบ ภ.พ.30 แสดงฐานภาษีซึ่งเสีย
ภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 ว่าไม่มีรายรับ เมื่อเจ้าพนักงานประเมินตรวจพบว่า ยอดขายส่งออก
ตามแบบ ภ.พ.30 เป็นยอดขายสินค้าในประเทศจึงเป็นผลทำให้บริษัทฯ ยื่นแบบแสดงรายการภาษีโดย
แสดงฐานภาษีต่ำกว่ามูลค่าที่ผู้ประกอบการได้รับหรือพึงได้รับเป็นจำนวนเกินกว่าร้อยละยี่สิบห้าของ
ฐานภาษีที่แสดงในแบบแสดงรายการภาษี ดังนั้น เจ้าพนักงานประเมินจึงมีอำนาจประเมินภาษีภายใน
กำหนดเวลาสิบปีนับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการภาษี ตามมาตรา 88/6(1)(ค)
แห่งประมวลรัษฎากร

เลขตู้

: 64/31189

clear-gif

WCAG 2.0 (Level AA)

Last update :
 Friday, May 22, 2020

 
รูปมุมซ้าย
หน้าหลักรูปเส้นประEnglishรูปเส้นประแผนผังเว็บไซต์รูปเส้นประแนะนำเว็บไซต์รูปเส้นประติดต่อกรมสรรพากรรูปเส้นประ


 
สงวนลิขสิทธิ์โดยกรมสรรพากร : Website Policy : Privacy Policy : Website Security Policy : Disclaimer
 
กรมสรรพากร 90 ซอยพหลโยธิน 7 ถนนพหลโยธิน แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทร. 1161