ขออภัยมีข้อจำกัดในการแสดงผล
รูปเส้นประเกี่ยวกับกรมสรรพากรรูปเส้นประห้องข่าวรูปเส้นประบริการอิเล็กทรอนิกส์รูปเส้นประความรู้เรื่องภาษีรูปเส้นประบริการข้อมูลรูปเส้นประอ้างอิงรูปเส้นประRD Knowledge
รูปมุมซ้าย รูปมุมขวา
ค้นหาขั้นสูง
ความช่วยเหลือ
 
ประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ประกาศ/คำสั่ง คสช.
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดยกเว้นและสนับสนุนฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติ ยกเว้นเบี้ยปรับ เงินเพิ่มฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลี่ยม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดภาษีการเดินทางออกนอกราชอาณาจักร พ.ศ.2526
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อหารือภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
คำพิพากษาฏีกา
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
กฎหมายออกใหม่
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
สรุปสิทธิประโยชน์กฎหมายภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
โครงการศึกษาและพัฒนาประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อมูลการพัฒนากฏหมายของกรมสรรพากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
การรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนตามมาตรา 77 แห่งรัฐธรรมนูญ 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง


เลขที่หนังสือ

: กค 0811/11695

วันที่

: 19 ธันวาคม 2544

เรื่อง

: ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีสุราในระบบเหมาจ่ายเสื่อมคุณภาพ

ข้อกฎหมาย

: มาตรา 77/2, มาตรา 80

ข้อหารือ

: บริษัทฯ ได้ซื้อสุราจากผู้ประกอบการซึ่งได้รับอนุญาตทำสุราที่มีสัญญาผูกพันกับกรมสรรพสามิต
หรือกรมโรงงานอุตสาหกรรมอยู่ก่อนวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2535 โดยในสัญญากำหนดให้ผู้ประกอบการ
ดังกล่าวต้องชำระเงินให้แก่รัฐบาลเป็นการเหมาจ่าย ซึ่งเป็นเงินที่รวมค่าภาษีสุราและค่าผลประโยชน์
ด้วย ดังนั้น การผลิตสุราในระหว่างสัญญาสัมปทาน ผู้ประกอบการได้รับสิทธิเสียภาษีสุราตามอัตราเดิม
ตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493 ทั้งนี้ ตามมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติสุรา (ฉบับที่
6) พ.ศ. 2534 อันเป็นผลทำให้ผู้ประกอบการซึ่งได้รับอนุญาตทำสุราขายสุราดังกล่าวไปตั้งแต่วันที่ 1
มกราคม พ.ศ. 2535 เป็นต้นไป ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 28(1) แห่ง
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ.2534 และแม้ว่าในปี พ.ศ. 2542 ซึ่ง
เป็นปีที่สิ้นสุดสัญญา ผู้ประกอบการไม่สามารถขายสุรา ดังกล่าวได้หมด แต่ต้องนำไปขายตั้งแต่วันที่ 1
มกราคม พ.ศ. 2543 เป็นต้นไป ผู้ประกอบการ ดังกล่าวก็ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา
28(1) แห่งพระราชบัญญัติ แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2534 และบริษัทฯ ซึ่งซื้อ
สุราไปขายต่อไปก็ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 28(2) แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม
ประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2534 กรณีดังกล่าว กรมสรรพากรได้มีหนังสือตอบผู้ประกอบการซึ่ง
ได้รับอนุญาตทำสุราตามหนังสือที่ กค 0811/10676 ลงวันที่ 15 ตุลาคม 2542 และหนังสือซ้อม
ความเข้าใจตามหนังสือที่ กค 0811/12878 ลงวันที่ 22 ธันวาคม 2542 อย่างไรก็ดี ปรากฏว่าสุราที่
ซื้อนั้นบางส่วนเสื่อมคุณภาพ เช่น สีจาง ฉลากฝากล่องสกปรก สุราพร่อง ไม่สามารถนำออกขายได้
บริษัทฯจะต้องส่งคืนโรงงานเพื่อปรับปรุงคุณภาพ โดยยังเป็นสุราประเภทเดิม ซึ่งกรมสรรพสามิตจะจ่าย
แสตมป์สุราทดแทนให้ตามมูลค่าของแสตมป์สุราที่กรมสรรพสามิตอนุมัติให้จ่ายทดแทนได้ ตามระเบียบ
กรมสรรพสามิตว่าด้วยการจ่ายแสตมป์สุราทดแทน พ.ศ.2532 และกรณีที่บริษัทฯ ได้นำสุราในถัง แทงค์
จากผู้ประกอบการซึ่งได้รับอนุญาตทำสุราที่มีสัญญาผูกพันกับกรมสรรพสามิตก่อนวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.
2535 ไปบรรจุภาชนะขวดเป็นสุราประเภทเดิมออกขาย โดยบริษัทฯ สามารถนำค่าภาษีสุราที่เสียไว้เดิม
มาหักออกจากจำนวน เงินค่าภาษีสุราที่ต้องเสียได้ ซึ่งทั้งสองกรณีจำนวนเงินค่าภาษีสุราที่ได้เสียไว้เดิม
น้อยกว่าค่าภาษีสุราปัจจุบันที่ต้องเสีย บริษัทฯ จะเสียภาษีสุราเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถบรรจุสุราได้จำนวน
เท่าเดิม บริษัทฯ หารือว่า การขายสุราบรรจุภาชนะขวดทั้งสองกรณีดังกล่าว บริษัทฯ ยังคงไม่ต้องเสีย
ภาษีมูลค่าเพิ่มใช่หรือไม่

แนววินิจฉัย

: 1. กรณีบริษัทฯ ได้ซื้อสุราจากผู้ประกอบการซึ่งได้รับอนุญาตทำสุราที่มีสัญญา ผูกพันกับ
กรมสรรพสามิตหรือกรมโรงงานอุตสาหกรรมก่อนวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2535 และเป็นสุราที่ได้เสีย
ภาษีสุราครบถ้วนตามมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติสุรา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2534 แล้วหากบริษัทฯยังขาย
สุราไม่หมด และปรากฏว่าสุราดังกล่าวได้แปรสภาพไปเองจนไม่สมควรจะใช้ดื่มต่อไป จึงได้ส่งคืน
ผู้ประกอบการ (โรงงานสุรา) ซึ่งในทางปฏิบัติโรงงานสุราจะต้องแจ้งสำนักงานสรรพสามิตจังหวัดท้องที่
ที่สุราเก็บอยู่ เพื่อหน่วยงานดังกล่าวจะนำสุราไปพิสูจน์วิเคราะห์ว่าเสื่อม คุณภาพจริงหรือไม่ หาก
เสื่อมคุณภาพจริง ผู้ประกอบการดังกล่าวมีสิทธิที่จะได้รับคืนค่าภาษีสำหรับสุราที่ส่งคืนนั้น ตามมาตรา 11
แห่งพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493 โดยกรมสรรพสามิตจะไม่จ่ายคืนภาษีสุราเป็นเงินสด แต่จ่ายเป็น
แสตมป์สุราทดแทนให้ ตามระเบียบกรมสรรพสามิตว่าด้วยการจ่ายแสตมป์สุราทดแทน พ.ศ. 2532
ลงวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2532 ดังนั้น หากผู้ประกอบการ นำสุราที่ได้รับกลับคืนนั้นไปเป็นวัตถุดิบใน
การทำสุราและขายไปใหม่ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะขายภายใต้ยี่ห้อเดิมหรือยี่ห้อใหม่ ถือเป็นการทำสุรา ซึ่งต้อง
เสียภาษีสุราตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ.2493 สำหรับในการเสียภาษีสุรานั้น
กรมสรรพสามิตยอมให้นำแสตมป์สุราที่ได้รับทดแทนมาปิดภาชนะได้ หากแสตมป์สุราที่ได้รับทดแทนมีจำนวน
น้อยกว่าค่าภาษีสุราปัจจุบันที่ต้องเสีย ผู้ประกอบการ (โรงงาน) จะต้องเสียภาษีสุราเพิ่มเติมให้ครบถ้วน
กรณีดังกล่าว สุราที่ทำขึ้นใหม่ไม่เข้าลักษณะเป็นสุราที่อยู่ในบังคับมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติสุรา (ฉบับ
ที่ 6) พ.ศ. 2534 ดังนั้น เมื่อผู้ประกอบการซึ่งได้รับอนุญาตทำสุราที่มีสัญญาผูกพันกับกรมสรรพสามิตหรือ
กรมโรงงาน อุตสาหกรรมก่อนวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2535 ได้ขายสุราที่ทำใหม่ไปจึงไม่ได้รับสิทธิที่
ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 28(1) แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่
30) พ.ศ. 2534 แต่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 ตามมาตรา 77/2 และมาตรา
80 แห่งประมวลรัษฎากร
2. กรณีบริษัทฯ ได้ซื้อสุราจากผู้ประกอบการซึ่งได้รับอนุญาตทำสุราที่มีสัญญา ผูกพันกับ
กรมสรรพสามิตหรือกรมโรงงานอุตสาหกรรมก่อนวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2535 และเป็นสุราที่ได้เสีย
ภาษีสุราครบถ้วนตามมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติสุรา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2534 แล้ว หากบริษัทฯ ยัง
ขายสุราไม่หมด และปรากฏว่าสุราดังกล่าวสีจาง ฉลากฝากล่องสกปรก สุราพร่องจึงได้ส่งคืน
ผู้ประกอบการ (โรงงานสุรา) เพื่อปรับปรุงคุณภาพโดยยังเป็นสุราประเภทเดิม ซึ่งในทางปฏิบัติ
ผู้ประกอบการจะต้องแจ้งกรมสรรพสามิตว่ารับคืนสุรา ผู้ประกอบการต้องแกะลอกแสตมป์สุราโดยอยู่
ภายใต้การควบคุมของกรมสรรพสามิต และเติมสีหรือเปลี่ยนฉลาก หรือนำสุราที่พร่องมารวมบรรจุภาชนะ
ใหม่ แต่ต้องขายภายใต้ยี่ห้อเดิม หลังจากนั้นผู้ประกอบการต้องปิดแสตมป์สุราใหม่ซึ่งอัตราปัจจุบันสูงกว่า
อัตราเดิม ซึ่งกรมสรรพสามิตยินยอมให้นำค่าแสตมป์สุราเดิมมาหักออกได้นอกจากนี้ ผู้ประกอบการต้อง
เปลี่ยนฉลากใหม่เนื่องจากวันเดือนปีในแสตมป์สุราต้องเป็นวันเดือนปีเดียวกันกับในฉลาก ในการบรรจุ
ใหม่นี้ กรมสรรพสามิตถือว่ายังเป็นสุราตามกฎหมายอยู่ ไม่ถือว่าเป็นการทำสุรา สุราที่ปรับปรุงใหม่จึงยัง
เป็นสุราที่อยู่ในบังคับมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติสุรา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2534 ดังนั้น เมื่อ
ผู้ประกอบการซึ่งได้รับอนุญาตทำสุราที่มีสัญญาผูกพันกับกรมสรรพสามิตหรือกรมโรงงานอุตสาหกรรมก่อน
วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2535 ได้ขายสุราที่ปรับปรุงใหม่ไป จึงไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา
28(1) แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2534
3. กรณีบริษัทฯ ได้ซื้อสุราจากผู้ประกอบการซึ่งได้รับอนุญาตทำสุราที่มีสัญญา ผูกพันกับ
กรมสรรพสามิตหรือกรมโรงงานอุตสาหกรรมก่อนวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2535 เป็นถังหรือแทงค์ และนำ
สุราในถัง แทงค์ไปบรรจุภาชนะขวดเป็นสุราประเภทเดิมออกขาย หากเป็นการเติมสี เปลี่ยนฉลาก หรือ
สุราพร่องดังเช่นกรณีตาม 2. เมื่อขายสุราดังกล่าวไป ก็ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 28(1)
แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2534 แต่หากเป็นการทำสุรา
ดังเช่นกรณีตาม 1. บริษัทฯมีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 ตามมาตรา 77/2 และ
มาตรา 80 แห่งประมวลรัษฎากร

เลขตู้

: 64/31178


clear-gif

WCAG 2.0 (Level AA)

Last update :
 Friday, May 22, 2020

 
รูปมุมซ้าย
หน้าหลักรูปเส้นประEnglishรูปเส้นประแผนผังเว็บไซต์รูปเส้นประแนะนำเว็บไซต์รูปเส้นประติดต่อกรมสรรพากรรูปเส้นประ


 
สงวนลิขสิทธิ์โดยกรมสรรพากร : Website Policy : Privacy Policy : Website Security Policy : Disclaimer
 
กรมสรรพากร 90 ซอยพหลโยธิน 7 ถนนพหลโยธิน แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทร. 1161