ขออภัยมีข้อจำกัดในการแสดงผล
รูปเส้นประเกี่ยวกับกรมสรรพากรรูปเส้นประห้องข่าวรูปเส้นประบริการอิเล็กทรอนิกส์รูปเส้นประความรู้เรื่องภาษีรูปเส้นประบริการข้อมูลรูปเส้นประอ้างอิงรูปเส้นประRD Knowledge
รูปมุมซ้าย รูปมุมขวา
ค้นหาขั้นสูง
ความช่วยเหลือ
 
ประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ประกาศ/คำสั่ง คสช.
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดยกเว้นและสนับสนุนฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติ ยกเว้นเบี้ยปรับ เงินเพิ่มฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลี่ยม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดภาษีการเดินทางออกนอกราชอาณาจักร พ.ศ.2526
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อหารือภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
คำพิพากษาฏีกา
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
กฎหมายออกใหม่
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
สรุปสิทธิประโยชน์กฎหมายภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
โครงการศึกษาและพัฒนาประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อมูลการพัฒนากฏหมายของกรมสรรพากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
การรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนตามมาตรา 77 แห่งรัฐธรรมนูญ 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง


เลขที่หนังสือ

: กค 0811/11501

วันที่

: 12 ธันวาคม 2544

เรื่อง

: ภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย กรณีปรับปรุงระบบการหักภาษี ณ ที่จ่ายใหม่

ข้อกฎหมาย

: มาตรา 40(4)(ก), มาตรา 42, มาตรา 48, คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.101/2544ฯ

ข้อหารือ

: สมาคมธนาคารต่างชาติได้เชิญประชุมผู้แทนธนาคารเพื่อหารือถึงผลกระทบและปัญหาจาก
กฎเกณฑ์การหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2544 และมีปัญหา
เกี่ยวกับกฎเกณฑ์ดังกล่าว ดังมีข้อเท็จจริงสรุปได้ดังนี้
1. ค่าธรรมเนียม Front-end-fee ที่ธนาคารเรียกเก็บจากวงเงินกู้ยืมคูณอัตรา ร้อยละ
และค่าธรรมเนียมในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่ธนาคารเรียกเก็บจากลูกหนี้ สมาคมฯ เข้าใจว่า
ค่าธรรมเนียมดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นการจ่ายเงินได้ที่มีลักษณะทำนองเดียวกับดอกเบี้ย ผลประโยชน์
หรือค่าตอบแทนอื่น ๆ ที่ได้จากการกู้ยืมตามมาตรา 40(4)(ก) แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น เมื่อ
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น (ไม่รวมถึงธนาคารพาณิชย์ และบริษัทตามกฎหมายว่าด้วย
การประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์) จ่ายค่าธรรมเนียมดังกล่าวให้กับ
ธนาคาร จึงไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ถูกต้องหรือไม่
2. ผลต่างระหว่างราคาไถ่ถอนกับราคาจำหน่ายตั๋วเงินหรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอื่นเป็นผู้ออก และจำหน่ายครั้งแรกในราคาที่ต่ำกว่าราคา ไถ่ถอน กรณีหาก
ธนาคารเป็นผู้ออกตั๋วเงินโดยให้บริษัทหรือนิติบุคคลอื่นเป็นผู้จำหน่ายตั๋ว (ผู้ออกตั๋วเงินและผู้จำหน่าย
ตั๋วเงินมิได้เป็นนิติบุคคลเดียวกัน) ผู้จำหน่ายตั๋วเงินให้แก่ธนาคารมีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย สำหรับผล
ต่างระหว่างราคาไถ่ถอนกับราคาจำหน่ายตั๋วเงินดังกล่าวหรือไม่ และต้องหักเมื่อขายหรือเมื่อถึงกำหนด
ไถ่ถอนตั๋วเงิน
ตัวอย่าง เช่น ธนาคาร A ออกตั๋วเงินราคาตามหน้าตั๋ว 100 บาท ขายให้ธนาคาร B ใน
ราคา 90 บาท ธนาคาร B ขายให้บริษัท C ในราคา 95 บาท เมื่อครบกำหนดไถ่ถอนบริษัท C จะ
ไถ่ถอนกับธนาคาร A โดยผ่านระบบ clearing ของธนาคารแห่งประเทศไทย
ภาษีจะถูกหัก
2.1 เมื่อธนาคาร B ขายให้บริษัท C หรือ
2.2 เมื่อบริษัท C มาไถ่ถอนกับธนาคาร A ในวันที่ตั๋วครบกำหนด โดยคิดจากผลต่าง
A) 100 - 95 = 5 หรือ
B) 100 - 90 = 10
ในกรณี 2.2 ธนาคารจะไม่สามารถหักภาษีได้ในกรณีที่ลูกค้านำตั๋วมาไถ่ถอนผ่านระบบ
clearing ของธนาคารแห่งประเทศไทย และในกรณีหักตาม 2.2 B) จะมีปัญหา เพราะ ลูกค้าจะไม่
ทราบราคาที่ธนาคาร A ได้ขายตั๋วเงินนั้นเป็นครั้งแรก และลูกค้าไม่ควรรับผิดชอบใน ส่วนลดที่บริษัท
ไม่ได้รับจากการขายซื้อตั๋วเงินครั้งแรก
2.3 หรือเมื่อธนาคาร A จำหน่ายและขายตั๋วเงินในครั้งแรก
3. กรณีธนาคารเรียกเก็บค่าธรรมเนียมหลายประเภทในใบแจ้งหนี้เดียวกัน ค่าธรรมเนียม
บางรายการอาจมีจำนวนไม่ถึง 1,000 บาท แต่มูลค่ารวมทั้งสิ้นเกิน 1,000 บาท สมาคมฯ เข้าใจว่า
ธนาคารต้องหักภาษีแยกตามประเภทของเงินได้แต่ละรายการดังตัวอย่างข้างล่างนี้
ตัวอย่างใบแจ้งหนี้
ค่าใช้คู่สาย (Cable Charge) 700 บาท
ค่าธรรมเนียมชดเชยกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน
(Commission in lieu) 800 บาท
ค่าธรรมเนียมจากการเรียกเก็บเงิน (Collection fee) 1,600 บาท
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 3,100 บาท
จากตัวอย่าง บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายร้อยละ 3
เฉพาะค่าธรรมเนียมในการเรียกเก็บเงิน ซึ่งเกิน 1,000 บาท เท่านั้น ถูกต้องหรือไม่แนววินิจฉัย
1. ค่าธรรมเนียม Front-end-fee เข้าลักษณะเป็นเงินได้ที่มีลักษณะทำนองเดียวกับ
ดอกเบี้ย ผลประโยชน์หรือค่าตอบแทนอื่น ๆ ที่ได้จากการกู้ยืมซึ่งเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา
40(4)(ก) แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น เมื่อบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น ซึ่งมิใช่
ธนาคารตามกฎหมายว่าด้วยธนาคารพาณิชย์และบริษัทตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจ
หลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ จ่ายค่าธรรมเนียมดังกล่าวให้กับธนาคาร บริษัทฯ ผู้จ่ายเงินได้
ดังกล่าวไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายแต่อย่างใด ทั้งนี้ เพราะไม่มีกฎหมายใดกำหนดให้หัก
2. ในกรณีที่ธนาคารเป็นผู้ออกตั๋วเงิน และจำหน่ายครั้งแรกในราคาที่ต่ำกว่าราคาไถ่ถอน
โดยให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอื่นเป็นผู้จำหน่าย กรณีถือว่าเป็นการกระทำการแทนธนาคาร ดังนั้น
เมื่อจำหน่ายตั๋วเงินให้กับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลผู้รับจำหน่ายตั๋วเงินไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้
จากผลต่างระหว่างราคาไถ่ถอนกับราคาจำหน่ายตั๋วเงินหรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ดังกล่าวแต่อย่างใด
กล่าวคือตามตัวอย่างที่สมาคมฯ ยกมาในข้อ 2.3 นั้น เมื่อธนาคาร A จำหน่ายและขายตั๋วเงินใน
ครั้งแรกธนาคาร A ไม่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย แต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี เมื่อตั๋วเงินครบกำหนดไถ่ถอนและโดยที่ผลต่างระหว่างราคาไถ่ถอนกับราคา
จำหน่ายตั๋วเงินหรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเป็นผู้ออกและ
จำหน่ายครั้งแรกในราคาต่ำกว่าราคาไถ่ถอน เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(4)(ก)
แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น ธนาคารซึ่งเป็นธนาคารตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์และบริษัท
ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์มีหน้าที่หัก
ภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย เมื่อจ่ายเงินได้ดังกล่าวให้แก่ผู้รับซึ่งเป็นดังนี้
(ก) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการในประเทศไทยนอกจากที่ระบุใน (ข) แต่
ไม่รวมถึงธนาคารตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์และบริษัทตามกฎหมาย ว่าด้วยการประกอบ
ธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ หักภาษี ณ ที่จ่าย โดยคำนวณหักไว้ในอัตรา
ร้อยละ 1.0
(ข) มูลนิธิสมาคมที่ประกอบกิจการซึ่งมีรายได้แต่ไม่รวมถึงมูลนิธิหรือสมาคมที่ รัฐมนตรี
ประกาศกำหนดตามมาตรา 47(7)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร หักภาษี ณ ที่จ่าย โดยคำนวณหักไว้ใน
อัตราร้อยละ 10.0
ทั้งนี้ ตามข้อ 4 แห่งคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้ พึง
ประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน
พ.ศ. 2528 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.101/2544 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึง
ประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 27 มิถุนายน
พ.ศ. 2544 กรณีนี้ย่อมเป็นไปตามตัวอย่างที่ 2.2 B) ที่สมาคมฯ ยกมา
3. กรณีค่าธรรมเนียมหลายประเภทในใบแจ้งหนี้ใบเดียวกันนั้น หากค่าธรรมเนียมดังกล่าว
เข้าลักษณะเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(2) แห่งประมวลรัษฎากร ผู้จ่ายเงินได้ซึ่งเป็น
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่นมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายโดยคำนวณหักไว้ในอัตราร้อยละ
3.0 ของเงินได้ เมื่อจ่ายให้กับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการในประเทศไทย และใน
อัตราร้อยละ 10.0 ของเงินได้ เมื่อจ่ายให้กับผู้รับที่เป็นมูลนิธิหรือสมาคมที่ประกอบกิจการซึ่งมีรายได้
แต่ไม่รวมถึงมูลนิธิหรือสมาคมที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดตามมาตรา 47(7)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร
ตามข้อ 3/1 แห่งคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 ฯ
หากค่าธรรมเนียมดังกล่าวเข้าลักษณะเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8) แห่ง
ประมวลรัษฎากร ผู้จ่ายเงินได้ซึ่งเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นมีหน้าที่หักภาษี ณ
ที่จ่าย โดยคำนวณหักไว้ในอัตราร้อยละ 3.0 ของเงินได้ เมื่อจ่ายให้แก่ผู้รับที่เป็นผู้มีหน้าที่เสีย
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย หรือ
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการในประเทศไทย ทั้งนี้ ไม่รวมถึงมูลนิธิหรือสมาคม ตามข้อ
8 และข้อ 12/1 แห่งคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 ฯ
การจ่ายเงินได้พึงประเมินที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย ต้องมีจำนวนตามสัญญา รายหนึ่ง ๆ มี
จำนวนตั้งแต่หนึ่งพันบาทขึ้นไป แม้การจ่ายนั้นจะได้แบ่งจ่ายครั้งหนึ่ง ๆ ไม่ถึง หนึ่งพันบาท ตามข้อ 12/5
แห่งคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 ฯ อย่างไรก็ตาม กรณีการให้บริการตามสัญญาระยะยาวซึ่งไม่
สามารถคำนวณค่าบริการที่จะได้รับทั้งสิ้นเป็นจำนวนที่แน่นอน แต่ ผู้รับบริการจะต้องชำระค่าบริการ
ภายในระยะเวลาที่กำหนด หากการจ่ายค่าบริการไม่ถึงหนึ่งพันบาท ผู้จ่ายเงินไม่มีหน้าที่ต้องหัก
ภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย แต่หากการจ่ายค่าบริการครั้งต่อไปซึ่งเมื่อนำไปรวมกับค่าบริการครั้งที่ผ่านมาที่มี
การจ่ายไปแล้วเป็นจำนวนตั้งแต่หนึ่งพันบาทขึ้นไป ผู้จ่ายเงินมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย โดยจะ
ต้องนำเงินค่าบริการที่จ่ายในครั้งก่อน ๆ มารวมคำนวณเพื่อหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายด้วย และกรณีการทำ
สัญญาที่ผู้จ่ายเงินรายหนึ่งรายใดทำสัญญาในลักษณะทำนองเดียวกันหลาย ๆ สัญญากับผู้รับเงินรายเดียว
ซึ่งแต่ละสัญญามีจำนวนไม่ถึงหนึ่งพันบาท หากการจ่ายเงินหลาย ๆ สัญญาดังกล่าวรวมกันเป็นจำนวนตั้งแต่
หนึ่งพันบาทขึ้นไป ผู้จ่ายเงินมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ทั้งนี้ให้ถือปฏิบัติตาม
คำชี้แจงกรมสรรพากร เรื่อง การหักภาษี ณ ที่จ่ายตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.101/2544 เรื่อง
สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย
ลงวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2544

แนววินิจฉัย

:

เลขตู้

: 64/31165


clear-gif

WCAG 2.0 (Level AA)

Last update :
 Friday, May 22, 2020

 
รูปมุมซ้าย
หน้าหลักรูปเส้นประEnglishรูปเส้นประแผนผังเว็บไซต์รูปเส้นประแนะนำเว็บไซต์รูปเส้นประติดต่อกรมสรรพากรรูปเส้นประ


 
สงวนลิขสิทธิ์โดยกรมสรรพากร : Website Policy : Privacy Policy : Website Security Policy : Disclaimer
 
กรมสรรพากร 90 ซอยพหลโยธิน 7 ถนนพหลโยธิน แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทร. 1161