ขออภัยมีข้อจำกัดในการแสดงผล
รูปเส้นประเกี่ยวกับกรมสรรพากรรูปเส้นประห้องข่าวรูปเส้นประบริการอิเล็กทรอนิกส์รูปเส้นประความรู้เรื่องภาษีรูปเส้นประบริการข้อมูลรูปเส้นประอ้างอิงรูปเส้นประRD Knowledge
รูปมุมซ้าย รูปมุมขวา
ค้นหาขั้นสูง
ความช่วยเหลือ
 
ประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ประกาศ/คำสั่ง คสช.
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดยกเว้นและสนับสนุนฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติ ยกเว้นเบี้ยปรับ เงินเพิ่มฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลี่ยม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดภาษีการเดินทางออกนอกราชอาณาจักร พ.ศ.2526
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อหารือภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
คำพิพากษาฏีกา
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
กฎหมายออกใหม่
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
สรุปสิทธิประโยชน์กฎหมายภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
โครงการศึกษาและพัฒนาประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อมูลการพัฒนากฏหมายของกรมสรรพากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
การรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนตามมาตรา 77 แห่งรัฐธรรมนูญ 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง


เลขที่หนังสือ

: กค 0811/0875

วันที่

: 16 พฤศจิกายน 2544

เรื่อง

: ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย กรณีการโอนเงินรายย่อยทางอิเล็กทรอนิกส์

ข้อกฎหมาย

: มาตรา 40(8), คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 ฯ ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ.2 528, คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.104/2544 ฯ ลงวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2544, มาตรา 50 ทวิ วรรคสาม, มาตรา 50 ทวิ (1)

ข้อหารือ

: ธนาคารแห่งประเทศไทยได้หารือกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ดังนี้
1. ปัญหาทางปฏิบัติเกี่ยวกับระบบการโอนเงินรายย่อยทางอิเล็กทรอนิกส์ (MediaClearing)
Media Clearing คือ ระบบการเรียกเก็บเงินหรือการชำระเงินรายย่อยระหว่างลูกค้าที่มี
บัญชีอยู่ต่างธนาคาร โดยธนาคารแห่งประเทศไทยทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการรับส่ง ข้อมูล คำสั่งโอน
เงิน และคำนวณส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมระหว่างธนาคารสมาชิก ซึ่งธนาคารสมาชิกจะทำสัญญาการใช้
บริการกับผู้ใช้บริการรายหนึ่ง ๆ ในครั้งเดียว และสามารถโอนเงินได้ตลอดไป จนกว่าจะทำสัญญาขอ
ยกเลิกการใช้บริการโดยมีการตกลงจ่ายค่าธรรมเนียมการให้บริการรายการละไม่เกิน 10 บาท รายได้
จากค่าบริการแบ่งจ่ายเป็น 3 ส่วน ดังนี้
(1) ธนาคารผู้ส่งข้อมูล 3.50 บาท
(2) ธนาคารผู้รับข้อมูล 5.90 บาท
(3) ธนาคารแห่งประเทศไทย 0.60 บาท
รวม 10.00 บาท
ในการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการให้บริการดังกล่าว ธนาคารผู้ส่งข้อมูลจะเป็น ผู้เรียกเก็บ
ค่าธรรมเนียมจากผู้ใช้บริการ และธนาคารแห่งประเทศไทยจะคำนวณและแบ่งค่า ธรรมเนียมให้แก่
ธนาคารผู้รับข้อมูลและธนาคารแห่งประเทศไทย ทุกวันที่ 7 ของเดือนถัดไปเพื่อเป็นหลักฐานให้ธนาคาร
สมาชิกนำไปยื่นเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ธนาคารแห่งประเทศไทยหารือว่า
1.1 รายได้จากค่าธรรมเนียมการให้บริการดังกล่าวต้องเสียภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย หรือไม่
อย่างไร และถือเป็นการจ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(2) หรือมาตรา 40(8)แห่ง
ประมวลรัษฎากร และเข้าลักษณะเป็นสัญญาระยะยาวหรือไม่
1.2 กรณีต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย จะมีวิธีปฏิบัติอย่างไร เนื่องจากในการเรียกเก็บ
ค่าธรรมเนียม ผู้ใช้บริการจะเป็นผู้หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายจากธนาคารผู้ส่งข้อมูลเต็มจำนวน ในขณะที่
ต้องแบ่งรายได้เป็น 3 ส่วน
1.3 ค่าธรรมเนียมในส่วนของธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวน 0.60 บาท ไม่ต้องหัก
ภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ใช่หรือไม่
2. ปัญหาทางปฏิบัติเกี่ยวกับการเรียกเก็บเงินจากเช็คต่างจังหวัดข้ามเขตสำนักหักบัญชี
(Bill for Collection) ซึ่งวิธีการเรียกเก็บเงินของเช็คต่างจังหวัดมี 2 วิธี คือ
2.1 ธนาคารผู้รับฝากเช็คจะเรียกเก็บเงินโดยให้สาขาธนาคารของตนที่ตั้งอยู่ในเขต
เดียวกันกับสาขาธนาคารผู้จ่ายตั้งอยู่เป็นผู้เรียกเก็บเงินผ่านสำนักหักบัญชีจังหวัด ซึ่งธนาคาร ผู้รับฝาก
เช็คจะคิดค่าธรรมเนียม หมื่นละ 20 บาท เป็นรายได้ของธนาคารผู้รับฝากเช็ค
ธนาคารแห่งประเทศไทยหารือว่ารายได้จากค่าธรรมเนียมการให้บริการดังกล่าว ต้องหักภาษีเงินได้ ณ
ที่จ่าย หรือไม่
2.2 ธนาคารผู้รับฝากเช็คไม่มีสาขาในท้องถิ่นเดียวกับสาขาธนาคารผู้จ่าย ดังนั้น
ธนาคารผู้รับฝากเช็คจะส่งเช็คเรียกเก็บผ่านสำนักงานใหญ่ของธนาคารผู้จ่ายโดยธนาคาร ผู้รับฝากเช็ค
จะคิดค่าธรรมเนียมจากผู้ใช้บริการหมื่นละ 20 บาท เช่นเดียวกับกรณี 2.1 แต่นำไปจ่ายให้กับธนาคาร
ผู้จ่าย ธนาคารผู้รับฝากเช็คไม่มีรายได้จากค่าธรรมเนียมแต่อย่างใด ธนาคารแห่งประเทศไทยหารือว่า
จะมีวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการหักภาษี ณ ที่จ่ายอย่างไร
3. เนื่องจากการโอนเงินรายย่อยทางอิเล็กทรอนิกส์นั้น (Media Clearing) ผู้ใช้บริการ
และธนาคารผู้ส่งข้อมูลมีภาระในการออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย จึงขอให้กรมสรรพากร
พิจารณาผ่อนผันการออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย โดยธนาคารแห่งประเทศได้ส่งรูปแบบ
รายงานการรับชำระค่าธรรมเนียมและภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ระหว่างธนาคารผ่านระบบ Media
Clearing ให้กรมสรรพากรพิจารณาด้วยแล้ว

แนววินิจฉัย

: 1. รายได้จากค่าธรรมเนียมการให้บริการโอนเงินรายย่อยทางอิเล็กทรอนิกส์ (Media
Clearing) ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8) แห่งประมวลรัษฎากร และเข้าลักษณะเป็น
การให้บริการตามสัญญาระยะยาวซึ่งไม่สามารถคำนวณค่าบริการที่จะได้รับทั้งสิ้นเป็นจำนวนที่แน่นอน
ดังนั้น เมื่อผู้ใช้บริการจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับธนาคารผู้ส่งข้อมูลจำนวน 10.00 บาท ผู้ใช้บริการมีหน้าที่
ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 3.0 ของเงินจำนวน 10.00 บาท ตามข้อ 12/1 ของ
คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่ง
ประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม
โดยคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.104/2544 ฯ ลงวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2544 และเมื่อธนาคาร
ผู้ส่งข้อมูลจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับธนาคารผู้รับข้อมูลจำนวน 5.90 บาท ธนาคารผู้ส่ง ข้อมูลมีหน้าที่ต้อง
หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 3.0 ของเงินจำนวน 5.90 บาทตามข้อ 12/1 ของ
คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 ฯ ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย
คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.104/2544 ฯ ลงวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2544 แต่สำหรับกรณีธนาคาร
ผู้ส่งข้อมูลได้จ่ายค่าธรรมเนียมให้กับธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวน 0.60 บาทธนาคาร ผู้ส่งข้อมูลไม่มี
หน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย เนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทยไม่มีหน้าที่ต้องเสีย
ภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 39 แห่งประมวลรัษฎากร
2. เนื่องจากธุรกรรมการโอนเงินรายย่อยทางอิเล็กทรอนิกส์ (Media Clea ring)
ผู้ใช้บริการและธนาคารผู้ส่งข้อมูลมีภาระในการออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายเป็นอย่างมาก
ดังนั้น เพื่อเป็นการลดภาระการออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายกรณีดังกล่าว กรมสรรพากรจึง
ผ่อนผันการออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50 ทวิ วรรคสาม แห่งประมวลรัษฎากร
ดังนี้
2.1 ให้ผู้ใช้บริการซึ่งมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย จากธนาคารผู้ส่ง ข้อมูล
ไม่ต้องออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย สำหรับการจ่ายค่าธรรมเนียมในทันทีทุกครั้งที่มีการหักภาษี
ณ ที่จ่าย โดยให้ออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย 1 ครั้งต่อเดือน แต่ผู้ใช้บริการดังกล่าวยังคงมี
หน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายทุกครั้งที่มีการจ่ายเงินได้
2.2 ให้ธนาคารผู้ส่งข้อมูลไม่ต้องออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย สำหรับการจ่าย
ค่าธรรมเนียมให้กับธนาคารผู้รับข้อมูลในทันทีทุกครั้งที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย โดยให้ใช้รายงานการชำระ
ค่าธรรมเนียมและภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายระหว่างธนาคารผ่านระบบ Media Clearing ที่
ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ส่งไปประกอบการพิจารณา เป็นหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายได้ แต่
ธนาคารผู้ส่งข้อมูลยังคงมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายทุกครั้งที่มีการจ่าย เงินได้
3. กรณีผู้ใช้บริการเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น จ่ายค่าธรรมเนียมใน
การเรียกเก็บเงินตามเช็คต่างจังหวัดข้ามเขตสำนักหักบัญชี (Bill for Collection) ให้ กับ
ธนาคารตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ ถือเป็นการจ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8)
แห่งประมวลรัษฎากร หากการจ่ายตามสัญญารายหนึ่ง ๆ มีจำนวนตั้งแต่หนึ่งพันบาทขึ้นไป ผู้ใช้บริการมี
หน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 3.0 ตามข้อ 12/1 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่
ท.ป.4/2528 ฯ ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.
104/2544 ฯ ลงวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2544 และผู้ใช้บริการมีหน้าที่ต้องออก
หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ให้กับธนาคารในทันทีทุกครั้งที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50
ทวิ (1) แห่งประมวลรัษฎากร
4. กรณีผู้ใช้บริการตาม 3. จ่ายค่าธรรมเนียมในการเรียกเก็บเงินตามเช็คต่างจังหวัดข้าม
เขตสำนักหักบัญชี (Bill for Collection) ให้กับธนาคารผู้รับฝากเช็คซึ่งธนาคารผู้รับฝากเช็คนำไป
จ่ายให้กับธนาคารผู้จ่าย ถือว่าธนาคารผู้รับฝากเช็คเป็นตัวแทนของผู้ใช้บริการซึ่งเป็น ผู้จ่ายเงิน
ธนาคารผู้รับฝากเช็คมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย จากธนาคารผู้จ่ายในอัตรา ร้อยละ 3.0 ตาม
ข้อ 12/1 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 ฯ ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 ซึ่งแก้ไข
เพิ่มเติมโดยคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.104/2544 ฯ ลงวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2544 และออก
หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ให้กับธนาคารผู้จ่าย โดยใช้แบบพิมพ์หนังสือรับรอง การหักภาษี ณ
ที่จ่าย ของธนาคารผู้รับฝากเช็คซึ่งเป็นตัวแทน แต่จะต้องระบุชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร
ของผู้ใช้บริการด้วย และให้ธนาคารผู้รับฝากเช็คซึ่งเป็นตัวแทนส่งสำเนาหนังสือรับรองการหักภาษี ณ
ที่จ่ายให้กับผู้ใช้บริการ เพื่อผู้ใช้บริการจะได้นำไปยื่นรายการภาษี เงินได้หัก ณ ที่จ่ายตามแบบ
ภ.ง.ด.53 ต่อไป กรณีดังกล่าว ผู้ใช้บริการไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย จากธนาคารผู้รับฝาก
เช็คอีก

เลขตู้

: 64/31107


clear-gif

WCAG 2.0 (Level AA)

Last update :
 Friday, May 22, 2020

 
รูปมุมซ้าย
หน้าหลักรูปเส้นประEnglishรูปเส้นประแผนผังเว็บไซต์รูปเส้นประแนะนำเว็บไซต์รูปเส้นประติดต่อกรมสรรพากรรูปเส้นประ


 
สงวนลิขสิทธิ์โดยกรมสรรพากร : Website Policy : Privacy Policy : Website Security Policy : Disclaimer
 
กรมสรรพากร 90 ซอยพหลโยธิน 7 ถนนพหลโยธิน แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทร. 1161