ขออภัยมีข้อจำกัดในการแสดงผล
รูปเส้นประเกี่ยวกับกรมสรรพากรรูปเส้นประห้องข่าวรูปเส้นประบริการอิเล็กทรอนิกส์รูปเส้นประความรู้เรื่องภาษีรูปเส้นประบริการข้อมูลรูปเส้นประอ้างอิงรูปเส้นประRD Knowledge
รูปมุมซ้าย รูปมุมขวา
ค้นหาขั้นสูง
ความช่วยเหลือ
 
ประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ประกาศ/คำสั่ง คสช.
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดยกเว้นและสนับสนุนฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติ ยกเว้นเบี้ยปรับ เงินเพิ่มฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลี่ยม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดภาษีการเดินทางออกนอกราชอาณาจักร พ.ศ.2526
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อหารือภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
คำพิพากษาฏีกา
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
กฎหมายออกใหม่
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
สรุปสิทธิประโยชน์กฎหมายภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
โครงการศึกษาและพัฒนาประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อมูลการพัฒนากฏหมายของกรมสรรพากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
การรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนตามมาตรา 77 แห่งรัฐธรรมนูญ 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง


เลขที่หนังสือ

: กค 0811/9960

วันที่

: 17 ตุลาคม 2544

เรื่อง

: ภาษีธุรกิจเฉพาะ กรณีขายอสังหาริมทรัพย์ที่มีกรรมสิทธิ์ร่วมกัน

ข้อกฎหมาย

: มาตรา 56, มาตรา 77/1(3), มาตรา 91/1, มาตรา 91/21

ข้อหารือ

: สภ. หารือกรณีการขายอสังหาริมทรัพย์ มีข้อเท็จจริงสรุปได้ดังนี้
1. นาย ส. และพวกอีก 6 คน ได้ร่วมกันซื้อที่ดินจำนวน 11 โฉนด (โฉนดเลขที่ 5949,
5950, 6157-6160 และ 32974-32978) เนื้อที่ 11 ไร่ 83 วา เพื่อทำโครงการบ้านจัดสรรขายชื่อ
โครงการ "บ้านอภิญญา"
วันที่ 10 กรกฎาคม 2533 นาย ส. และพวกได้ทำหนังสือสัญญาว่าทุกคนเป็น
ผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันในที่ดินทั้ง 11 โฉนด คนละ 1 ส่วนเท่า ๆ กัน โดยลงทุนร่วมกันเป็นเงินสองล้าน
บาท และตกลงดำเนินการ (1) ยื่นคำร้องรวมโฉนดและแบ่งแยกโฉนด (2) การแบ่งแยกโฉนดนั้นจะ
แบ่งออกกี่แปลงก็ได้ ใครคนใดคนหนึ่งเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ก็ได้ ให้ถือว่าทุกคนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกัน
และถือคนละหนึ่งส่วนเท่ากัน (3) ถ้ามีการขายที่ดินไม่ว่าจะขายที่ดินได้มากน้อยเพียงใดก็เป็นการรวมกัน
เงินที่ได้จากการขายที่ดินภายหลังจากการหักค่าธรรมเนียมการโอน ค่าภาษีอากร และค่าใช้จ่ายแล้วให้
แบ่งคนละหนึ่งส่วนเท่า ๆ กัน (4) ถ้ามีการปลูกสร้างสิ่งปลูกสร้างใดลงในที่ดิน ทุกคนตกลงร่วม
ดำเนินการ และร่วมกันออกค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นคนละหนึ่งส่วนเท่า ๆ กัน ไม่ว่าคนใดคนหนึ่งเป็น
ผู้ขออนุญาตปลูกสร้าง สรุปคือทุกคนร่วมกันถือกรรมสิทธิ์ที่ดินคนละหนึ่งส่วน ในการร่วมกันดำเนินการที่ดิน
ดังกล่าว มีรายรับรายจ่าย ความรับผิดและผลประโยชน์ใด ๆ ที่เกิดขึ้นทุกคนตกลงมีส่วนคนละหนึ่งส่วน
เท่า ๆ กัน
วันที่ 11 เมษายน 2534 นาย ส. และพวกอีก 6 คน ได้ขอรวมโฉนดและขอแบ่งแยก
กรรมสิทธิ์ในที่ดินทั้ง 11 โฉนด โดยแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ออกเป็นโฉนดใหม่ และในแต่ละโฉนดได้แบ่งแยก
ใส่ชื่อผู้เป็นกรรมสิทธิ์ร่วมไว้แปลงละ 1 ชื่อ ผู้เป็นกรรมสิทธิ์ร่วมบางรายมีชื่อระบุไว้มากกว่า 1 แปลง
วันที่ 31 มกราคม 2535 นาย ส. และพวกได้จดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะในนาม
คณะบุคคล "บ้านอภิญญา" และได้ยื่นเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในนามคณะบุคคล
ต่อมาปีภาษี 2537-2538 นาย ส. และพวกได้ขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และได้เสีย
ภาษีธุรกิจเฉพาะ และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในนามคณะบุคคล ซึ่ง สพท. ได้ตรวจสอบและสอบถาม
ผู้ซื้อได้ความว่า ผู้ซื้อได้ซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของโครงการจากนาย ส. โดยบริษัท ต.จำกัด เป็น
ผู้ดำเนินการให้ ซึ่งผู้ซื้อได้ชำระราคาเป็นเช็คสั่งจ่ายให้บริษัท ต. จำกัด
2. สพท. หารือว่า
(1) การขายอสังหาริมทรัพย์ของนาย ส. ดังกล่าวข้างต้นเข้าลักษณะเป็นการขายในนาม
ส่วนตัว คณะบุคคลบ้านอภิญญา หรือบริษัท ต. จำกัด
(2) ควรใช้ราคาใดเป็นเกณฑ์ในการคำนวณภาษีธุรกิจเฉพาะ หากใช้ราคาขายตาม
หนังสือสัญญาขาย เป็นเกณฑ์ในการคำนวณภาษีธุรกิจเฉพาะก็จะหมดอายุความการประเมินภาษีธุรกิจ
เฉพาะ หากใช้ราคาตามที่สอบจากผู้ซื้อ ซึ่งขาดเกินกว่าร้อยละ 25 ก็สามารถประเมินภาษีธุรกิจเฉพาะ
ได้
(3) กรณีที่ต้องประเมินภาษีในนามนาย ส. หรือในนามนิติบุคคล ภาษีที่ชำระแล้วในนาม
คณะบุคคลบ้านอภิญญา สามารถขอคืนหรือนำมาเครดิตภาษีได้หรือไม่
3. สภ. ได้พิจารณาจากข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้วเห็นว่า
(1) กรณีตาม 2. (1) และ (2) เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่านาย ส. และพวกร่วมกันซื้อ
ที่ดินจำนวน 11 โฉนด และมีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะทำโครงการบ้านจัดสรรขายแล้วแบ่งกำไรกัน แม้ต่อมา
ได้จดทะเบียนขอแบ่งแยกการถือกรรมสิทธิ์ออกมาเป็นโฉนดใหม่ โดยให้แต่ละคนถือกรรมสิทธิ์ และเมื่อได้
มีการขายที่ดินตรงกับแปลงที่บุคคลใดถือกรรมสิทธิ์ หลักฐานที่ปรากฏทางสำนักงานที่ดินจะระบุชื่อเจ้าของ
กรรมสิทธิ์แต่ละบุคคลนั้นเป็นผู้ขายที่ดิน การประกอบการดังกล่าวเป็นการประกอบการของห้างหุ้นส่วนหรือ
คณะบุคคลที่ไม่ใช่นิติบุคคล จึงต้องยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีเงินได้และภาษีธุรกิจเฉพาะตาม
มาตรา 91/2(6) ในนามห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลตามมาตรา
77/1(3) และมาตรา 91/1 วรรคท้าย แห่งประมวลรัษฎากร ถึงแม้หลักฐานการจ่ายเงินจะสั่งจ่ายเช็ค
ให้บริษัท ต. จำกัด ก็ตาม ก็เป็นเพียงการดำเนินการแทน คณะบุคคลฯ เท่านั้น
สำหรับเกณฑ์ในการคำนวณภาษีธุรกิจเฉพาะในการซื้อขายที่ดิน ต้องคำนวณรายรับจาก
ราคาตามสัญญาซื้อขายหรือราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียม จดทะเบียนสิทธิและ
นิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดินซึ่งเป็นราคาที่ใช้อยู่ในวันที่มีการโอน แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า ทั้งนี้
ตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.82/2542 เรื่อง การเสียภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับการขายอสังหาริมทรัพย์
เป็นทางค้าหรือหากำไรฯ โดยมีอายุความในการประเมินภาษีธุรกิจเฉพาะ 10 ปี ตามมาตรา 193/31
แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ทั้งนี้ เนื่องจากมาตรา 91/21 มิได้ระบุให้นำบทบัญญัติในมาตรา
88/6 มาใช้ จึงไม่มีบทบัญญัติในเรื่องอายุความการประเมินภาษีธุรกิจเฉพาะที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะ จึง
ต้องนำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งเป็นบทบัญญัติทั่วไปมาใช้บังคับ
(2) กรณีตาม 2.(3) เมื่อข้อเท็จจริงดังกล่าวจะต้องประเมินในนามคณะบุคคลบ้าน
อภิญญาแล้ว จึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยตามข้อ 2.(3) อีกต่อไป

แนววินิจฉัย

: 1. กรณีตาม 3.(1) นาย ส. และพวกร่วมกันซื้อที่ดินจำนวน 11 โฉนด โดยถือ
กรรมสิทธิ์ร่วมกัน มีวัตถุประสงค์เพื่อทำโครงการหมู่บ้านจัดสรรขาย แล้วแบ่งกำไรกัน แม้ต่อมาจะได้
แบ่งแยกโฉนดที่ดิน โดยให้แต่ละคนถือกรรมสิทธิ์ตามส่วนที่ได้แบ่งแยกออกไป ทั้งนี้ เพื่อให้ขายสะดวกขึ้น
การประกอบกิจการในลักษณะดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นหุ้นส่วนกัน จึงต้องยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสีย
ภาษีเงินได้และภาษีธุรกิจเฉพาะในนาม ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนหรือ คณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล
ตามมาตรา 56 มาตรา 56 ทวิ มาตรา 77/1(3) และมาตรา 91/1 วรรคท้าย แห่งประมวลรัษฎากร
แม้หลักฐานการชำระเงินจะระบุชื่อบริษัท ต. จำกัด ก็ตาม ก็เป็นเพียงการดำเนินการแทนนาย ส. และ
พวกเท่านั้น
กรณีรายรับที่ถือเป็นฐานในการคำนวณเพื่อเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ กรณี
การขายอสังหาริมทรัพย์ ให้ใช้รายรับที่ได้จากการซื้อขายหรือตามสัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ตาม
ความเป็นจริง แต่ต้องไม่น้อยกว่าราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและ
นิติกรรม ตามประมวลกฎหมายที่ดินซึ่งเป็นราคาที่ใช้อยู่ในวันที่มีการโอน ทั้งนี้ ตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่
ป.82/2542 ฯ ลงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2542
สำหรับอายุความการประเมินเพื่อเรียกเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะ ให้ใช้อายุความ 10 ปี ตาม
มาตรา 193/31 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เนื่องจากบทบัญญัติเรื่อง อายุความ
การประเมินภาษีธุรกิจเฉพาะมิได้มีบัญญัติไว้โดยเฉพาะ และมาตรา 91/21 แห่งประมวลรัษฎากร มิได้
ระบุให้นำมาตรา 88/6 มาใช้บังคับโดยอนุโลม
2. กรณีตาม 3.(2) ตามข้อเท็จจริงดังกล่าว ถือว่าเป็นการประกอบกิจการในนาม
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล จึงไม่มีประเด็นที่จะต้องพิจารณาวินิจฉัย
ในประเด็นดังกล่าวอีกต่อไป

เลขตู้

: 64/31038

clear-gif

WCAG 2.0 (Level AA)

Last update :
 Friday, May 22, 2020

 
รูปมุมซ้าย
หน้าหลักรูปเส้นประEnglishรูปเส้นประแผนผังเว็บไซต์รูปเส้นประแนะนำเว็บไซต์รูปเส้นประติดต่อกรมสรรพากรรูปเส้นประ


 
สงวนลิขสิทธิ์โดยกรมสรรพากร : Website Policy : Privacy Policy : Website Security Policy : Disclaimer
 
กรมสรรพากร 90 ซอยพหลโยธิน 7 ถนนพหลโยธิน แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทร. 1161