ข้อหารือ | : กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานได้หารือกรมสรรพากรกรณีการเรียกเก็บค่าปรับตามสัญญาโดยมี ข้อเท็จจริง ดังนี้ 1. บริษัท ก. ได้ทำสัญญาทำเหมืองและจำหน่ายถ่านลิกไนต์ กับสำนักงานพลังงานแห่งชาติ โดยสำนักงานพลังงานแห่งชาติตกลงยินยอมให้บริษัทฯ ผู้รับทำเหมืองเข้าทำเหมืองถ่านลิกไนต์ ซึ่งบริษัทฯ ผู้รับทำเหมืองจะต้องดำเนินการผลิตและจำหน่ายถ่านลิกไนต์ตามวิธีการด้วยเครื่องมือและเงื่อนไขที่ กำหนดไว้ตามข้อเสนอของผู้รับทำเหมือง 2. บริษัทฯ ผู้รับทำเหมือง สัญญาว่าจะทำการผลิตถ่านลิกไนต์ตามจำนวนภายในกำหนดเวลา ดังต่อไปนี้ ปีที่ 1 -3 จะต้องผลิตถ่านลิกไนต์ได้ปีละ 260,000 ตัน ปีที่ 4 จะต้องผลิตถ่านลิกไนต์ได้ 650,000 ตัน ปีที่ 5 -17 จะต้องผลิตถ่านลิกไนต์ได้ปีละ 600,000 ตัน ปีที่ 18 - 19 จะต้องผลิตถ่านลิกไนต์ได้ปีละ 744,000 ตัน ปีที่ 20 จะต้องผลิตถ่านลิกไนต์ได้ 745,000 ตัน 3. ในแต่ละปี ถ้าบริษัทฯผู้รับทำเหมืองจำหน่ายถ่านลิกไนต์ที่ผลิตได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 ของ เป้าหมายการจำหน่ายแต่ไม่ถึงร้อยละ 90 ของเป้าหมายการจำหน่าย จะต้องถูกปรับจำนวนร้อยละ 5 ของราคาถ่านลิกไนต์ที่จำหน่ายไม่ได้ 4. บริษัทฯ ผู้รับทำเหมืองได้ตั้งเป้าหมายการจำหน่ายถ่านลิกไนต์ในปี 2543 จำนวน 1,317,250 ตัน แต่กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานตรวจสอบพบว่า บริษัทฯ ผู้รับทำเหมืองจำหน่ายถ่าน ลิกไนต์ได้เพียง 1,120,656.30 ตัน ซึ่งต่ำกว่าร้อยละ 90 ของเป้าหมายการจำหน่ายที่บริษัทฯ ผู้รับ ทำเหมือง ได้ประมาณการไว้จำนวน 64,868.70 ตัน ดังนั้น กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานจึง เรียกเก็บค่าปรับจากบริษัทฯผู้รับทำเหมือง โดยคำนวณค่าปรับในอัตราร้อยละ 5 ของราคาเฉลี่ยถ่าน ลิกไนต์ 552.88 บาท ต่อตัน เป็นเงินทั้งสิ้น 1,793,230 บาท 5. กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานหารือว่า การเรียกเก็บค่าปรับดังกล่าวอยู่ในบังคับต้องเสีย ภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ดังความละเอียดแจ้งอยู่แล้ว |