ขออภัยมีข้อจำกัดในการแสดงผล
รูปเส้นประเกี่ยวกับกรมสรรพากรรูปเส้นประห้องข่าวรูปเส้นประบริการอิเล็กทรอนิกส์รูปเส้นประความรู้เรื่องภาษีรูปเส้นประบริการข้อมูลรูปเส้นประอ้างอิงรูปเส้นประRD Knowledge
รูปมุมซ้าย รูปมุมขวา
ค้นหาขั้นสูง
ความช่วยเหลือ
 
ประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ประกาศ/คำสั่ง คสช.
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดยกเว้นและสนับสนุนฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติ ยกเว้นเบี้ยปรับ เงินเพิ่มฯ
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลี่ยม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดภาษีการเดินทางออกนอกราชอาณาจักร พ.ศ.2526
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อหารือภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
คำพิพากษาฏีกา
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
กฎหมายออกใหม่
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
สรุปสิทธิประโยชน์กฎหมายภาษีอากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
โครงการศึกษาและพัฒนาประมวลรัษฎากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
ข้อมูลการพัฒนากฏหมายของกรมสรรพากร
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง
การรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนตามมาตรา 77 แห่งรัฐธรรมนูญ 2560
รูปหัวข้อย่อย
ว่าง
ว่าง


เลขที่หนังสือ

: กค 0811/5753

วันที่

: 7 มิถุนายน 2544

เรื่อง

: ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการโอนกิจการ

ข้อกฎหมาย

: มาตรา 74(1)(ค)

ข้อหารือ

: บริษัทฯ จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อถือหุ้นของบริษัทในเครือ และเนื่องจากมี
การปรับปรุงโครงสร้างการถือหุ้นและการลงทุนในกลุ่มบริษัท จึงทำให้ต้องเลิกบริษัท โดยจะโอน กิจการ
สินทรัพย์ และหนี้สินทั้งหมด ให้กับบริษัทอื่น บริษัทฯ จะจดทะเบียนเลิกและดำเนินการชำระบัญชีใน
รอบระยะเวลาบัญชีเดียวกันกับที่ได้มีการโอนกิจการ บริษัทฯ จึงหารือว่า
1. กรณีที่บริษัทฯ จะโอนกิจการทั้งหมด เลิกบริษัท และชำระบัญชีในรอบระยะเวลาที่
โอนกิจการ ราคาของทรัพย์สินที่บริษัทฯ โอนให้กับบริษัทผู้รับโอนต้องโอนตามราคาที่ได้มา (ราคาทุน)
เนื่องจากการกำหนดให้ตีราคาสินทรัพย์ตามราคาตลาด ณ วันเลิกบริษัท ตามมาตรา 74(1)(ค) แห่ง
ประมวลรัษฎากร ให้ทำในบัญชีของบริษัทผู้โอนเท่านั้น แต่ไม่ได้กำหนดให้ถือเอาราคาดังกล่าวเป็นราคา
สำหรับการโอนสินทรัพย์จากบริษัทฯ ให้กับบริษัทผู้รับโอน ถูกต้องหรือไม่
2. หากความเข้าใจตามข้อ 1 ไม่ถูกต้อง และตีความว่า บริษัทฯ ต้องโอนสินทรัพย์ให้กับ
บริษัทผู้รับโอนตามราคาตลาด หากมีกำไร (ราคาตลาด ณ วันโอนสูงกว่าราคาทุนตามบัญชี)หรือขาดทุน
(ราคาตลาด ณ วันโอนต่ำกว่าราคาทุนตามบัญชี) เกิดขึ้นจากการโอนกิจการ บริษัทฯ ไม่ต้องนำกำไร
หรือขาดทุนดังกล่าวมารวมในการคำนวณกำไรขาดทุนสุทธิของบริษัทฯ ในรอบระยะเวลาบัญชีที่บริษัทฯ ได้
โอนกิจการและเลิกบริษัทถูกต้องหรือไม่
3. กรณีถ้าเป็นไปตามข้อ 2. (ต้องโอนสินทรัพย์ด้วยราคาตลาด ณ วันโอนกิจการ) หากใน
อนาคตบริษัทผู้รับโอนขายหุ้นที่ได้รับโอนจากบริษัทฯ บริษัทผู้รับโอนจะต้องใช้ราคาทุน ที่บริษัทฯ ได้หุ้นมา
เป็นต้นทุนในการคำนวณกำไรขาดทุนสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลของบริษัทผู้รับโอนเมื่อขายหุ้น
ดังกล่าว ถูกต้องหรือไม่
4. กรณีการโอนกิจการทั้งหมดเพื่อให้ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีตามมาตรา 74 (1)(ค) แห่ง
ประมวลรัษฎากร บริษัทผู้รับโอนต้องเลิกกิจการ และชำระบัญชีในรอบระยะเวลาบัญชีที่มีการโอนกิจการ
บริษัทฯ เข้าใจว่า หากได้มีการชำระบัญชีแล้วแต่ไม่สามารถจดทะเบียนเสร็จสิ้นการชำระบัญชีได้ในรอบ
ระยะเวลาเดียวกันกับการชำระบัญชี กรณีนี้ก็ยังถือว่าได้มีการชำระบัญชีในรอบระยะเวลาบัญชีที่
โอนกิจการตามบทบัญญัติของมาตรา 74(1)(ค) แห่งประมวลรัษฎากร ถูกต้อง หรือไม่

แนววินิจฉัย

: 1. การคำนวณกำไรหรือขาดทุนสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับกรณีการโอนกิจการ
ระหว่างบริษัทด้วยกัน โดยบริษัทผู้โอนกิจการได้จดทะเบียนเลิกและมีการชำระบัญชีในรอบระยะเวลาบัญชี
ที่โอนกิจการนั้น ตามมาตรา 74(1)(ค) แห่งประมวลรัษฎากร กำหนดให้ตีราคาทรัพย์สินตามราคาตลาด
ในวันที่จดทะเบียนเลิก และกำหนดให้นำความตามมาตรา 74(1)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร มาใช้บังคับ
โดยอนุโลม ซึ่งมาตรา 74(1)(ข) กำหนดไม่ให้ถือว่าราคาทรัพย์สินที่ตีตามราคาตลาดในวันที่จดทะเบียน
เลิกเป็นรายได้หรือรายจ่ายในการคำนวณกำไรขาดทุนสุทธิของบริษัทเดิมที่ได้โอนกิจการไป ส่วนบริษัทที่
ได้รับโอนกิจการนั้น ให้ถือราคาทรัพย์สินที่ได้รับโอนมาตามราคาที่ปรากฏในบัญชีของบริษัทเดิมในวันที่
รับโอนกิจการเพื่อประโยชน์ในการคำนวณกำไรขาดทุนสุทธิจนกว่าจะมีการจำหน่ายทรัพย์สินนั้นไป ดังนั้น
1.1 กรณีของบริษัทฯ ผู้โอน ทรัพย์สินที่โอนจะต้องตีราคาตามราคาตลาดใน วันที่
จดทะเบียนเลิก หากราคาตลาดนั้นสูงกว่าหรือต่ำกว่าราคาทุน ผลกำไรหรือขาดทุนสุทธิที่ เกิดขึ้นนั้น
บริษัทฯ จะนำมาถือเป็นรายได้หรือรายจ่ายในการคำนวณกำไรขาดทุนสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล
ไม่ได้
1.2 กรณีของบริษัทผู้รับโอน บริษัทผู้รับโอนจะต้องตีราคาทรัพย์สินที่รับโอนมาตาม
ราคาที่ปรากฏในบัญชีของบริษัทเดิม (ราคาทุน) ในวันที่รับโอนกิจการ ในการคำนวณกำไรขาดทุนสุทธิ
เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล
2. การโอนกิจการที่จะเข้าหลักเกณฑ์ในการคำนวณกำไรขาดทุนสุทธิเพื่อเสีย
ภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 74(1)(ค) แห่งประมวลรัษฎากร นั้น จะต้องเป็นการโอนกิจการที่ผู้โอน
ต้องจดทะเบียนเลิกและมีการชำระบัญชีในรอบระยะเวลาบัญชีที่โอนกิจการ ซึ่งการเลิกกิจการนั้น ตาม
มาตรา 72 แห่งประมวลรัษฎากร กำหนดให้ถือว่าวันที่เจ้าพนักงานรับจดทะเบียนเลิกเป็นวันสุดท้ายของ
รอบระยะเวลาบัญชี และจะต้องยื่นแบบแสดงรายการภายใน 150 วันนับแต่วันที่นายทะเบียนรับ
จดทะเบียนเลิก ดังนั้น เมื่อบริษัทฯ ผู้โอนได้จดทะเบียนเลิกและมีการชำระบัญชีในรอบระยะเวลาบัญชีที่มี
การโอนกิจการ แม้ว่าจะยังไม่เสร็จการชำระบัญชีก็ตาม ถือว่า บริษัทฯ ผู้โอนเข้าหลักเกณฑ์ที่จะต้อง
คำนวณกำไรขาดทุนสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามมาตรา 74(1)(ค)แห่งประมวลรัษฎากร

เลขตู้

: 64/30578

clear-gif

WCAG 2.0 (Level AA)

Last update :
 Friday, May 22, 2020

 
รูปมุมซ้าย
หน้าหลักรูปเส้นประEnglishรูปเส้นประแผนผังเว็บไซต์รูปเส้นประแนะนำเว็บไซต์รูปเส้นประติดต่อกรมสรรพากรรูปเส้นประ


 
สงวนลิขสิทธิ์โดยกรมสรรพากร : Website Policy : Privacy Policy : Website Security Policy : Disclaimer
 
กรมสรรพากร 90 ซอยพหลโยธิน 7 ถนนพหลโยธิน แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทร. 1161