ข้อหารือ | : 1. กิจการร่วมค้าฯ เป็นการตกลงร่วมค้ากันระหว่าง บริษัท A. จดทะเบียนนิติบุคคลภายใต้ กฎหมายประเทศแคนาดา และบริษัท B. นิติบุคคลภายใต้กฎหมายประเทศมาเลเซีย ลงทุนในอัตราส่วน ร้อยละ 45 และร้อยละ 55 โดยได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจจากกรมทะเบียนการค้า เพื่อให้ประกอบ ธุรกิจระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตเริ่มตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2539 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2541 และ จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มประเภทภาษีขายหักด้วยภาษีซื้อ เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2539 ประเภทกิจการ ให้บริการเป็นที่ปรึกษาโครงการ โดยให้คำปรึกษาทางด้านวิศวกรรมและบริหารจัดการโครงการสำหรับ โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติจากแหล่งยาดานา 2. กิจการร่วมค้าฯ ได้ทำสัญญาลงวันที่ 25 มกราคม 2539 ในโครงการท่อก๊าซยาดานา ผู้ว่าจ้างคือบริษัทไทย เพื่อดำเนินการเป็นที่ปรึกษาทางด้านวิศวกรรมสำรวจและออกแบบในรายละเอียด พร้อมจัดทำเอกสารประกวดราคาหาบริษัทผู้รับเหมา และควบคุมงานก่อสร้างวางท่อก๊าซ ณ จุดส่งมอบ บริเวณชายแดน จังหวัดกาญจนบุรี มายังโรงไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ที่บริเวณ จังหวัดราชบุรี ตามโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติจากแหล่งยาดานา (สหภาพพม่า) ค่าจ้างตามสัญญาจ่าย เป็นเงินเหรียญสหรัฐและเงินบาทไทย คิดเป็นจำนวนเงินรวมประมาณ 568 ล้านบาท เริ่มงานเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2539 และขยายเวลาถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2541 3. จากกรณีที่กิจการร่วมค้าฯ ได้ทำสัญญาตกลงกับบริษัทไทย รับเป็นที่ปรึกษาด้านวิศวกรรม และออกแบบการจัดการด้านต่าง ๆ ของโครงการยาดานา เนื่องจากกิจการร่วมค้าฯ ไม่มีเจ้าหน้าที่ใน การปฏิบัติงาน กิจการร่วมค้าฯ จึงได้มีข้อตกลงกับบริษัท C. (มาเลเซีย) และบริษัท B.ประเทศ มาเลเซีย เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2539 เพื่อจัดหาผู้ชำนาญการด้านเทคนิคมาปฏิบัติงานในโครงการฯ ลักษณะการให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิค ประกอบด้วยการจัดเตรียมผู้ชำนาญการด้านเทคนิค ตาม ความต้องการของโครงการฯ จัดเตรียมผู้บริหารการจัดการโครงการฯ จัดเตรียมผู้ออกแบบด้าน การสื่อสารคมนาคมตรวจสอบและรายงาน พัฒนาและอบรมทางด้านเทคนิคในด้านต่าง ๆ ทั้งการก่อสร้าง และการบริหารการจัดการ โดยส่งผู้ชำนาญการเข้ามาปฏิบัติงานในประเทศไทย ในขอบเขตที่รับผิดชอบ จนกว่างานจะแล้วเสร็จ และการให้คำปรึกษา โดยส่งข้อมูลผ่านทาง DHL และคอมพิวเตอร์จาก เจ้าหน้าที่ของบริษัท C. และบริษัท B. ประเทศมาเลเซีย ระยะเวลาในการปฏิบัติงานในประเทศไทย ตั้งแต่ช่วงปี 2539 - 2541 มีการจ่ายค่าจ้างเป็นเงินริงกิต (สกุลมาเลเซีย) ดังนี้ หัวข้อ ประเภทจ่าย โนวาแก๊สฯ โอจีพีฯ รวม A ความช่วยเหลือทางด้านเทคนิคจากมาเลเซีย 4,858,083.50 12,914,224.83 17,772,308.33 B การจัดหาและจ่ายเงินเดือน 811,562.67 348,944.14 1,160,506.81 C การช่วยเหลือการจัดการ 872,467.21 186,623.05 1,059,090.26 6,542,113.38 13,449,792.02 19,991,905.40 (ริงกิต) จำนวนเงินที่โอนจ่ายไปมาเลเซียปี 2540-2541 70,766,718.31 135,119,532.67 205,886,205.98 (เงินบาท) การจ่ายเงินค่าจ้างให้กับบริษัท C. ครบตามจำนวนที่ตกลงไว้ ส่วนบริษัท B: ยังเหลือ ค้างจ่าย 1 งวด จำนวน 761,253.08 ริงกิต 4. เมื่อกิจการร่วมค้าฯ จ่ายเงินค่าจ้างให้กับบริษัทต่างประเทศทั้งสอง ได้ยื่นนำส่ง ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.36) ตามมาตรา 83/6 แห่งประมวลรัษฎากร แต่มิได้นำส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายไว้ กิจการร่วมค้าฯ ถือว่าการบริการดังกล่าว ไม่มีการถ่ายทอดเทคนิคหรือประสบการณ์ เป็น ลักษณะการดำเนินงานตามปกติ จึงถือเป็นกำไรจากธุรกิจ และบริษัทต่างประเทศทั้งสองไม่มี สถานประกอบการถาวรในประเทศไทย เนื่องจากได้มีข้อตกลงในการโอนเจ้าหน้าที่ให้อยู่ใน ความรับผิดชอบของกิจการร่วมค้าฯ โดยให้รับผิดชอบในการนำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่าย ของเงินเดือนและ ผลประโยชน์เพิ่ม แต่การรับเงินเดือนของเจ้าหน้าที่ของบริษัทต่างประเทศทั้งสองอยู่ในข้อตกลงการจ่าย ค่าจ้าง ในหัวข้อ B การจัดหาและจ่ายเงินเดือน ซึ่งบริษัทต่างประเทศทั้งสองที่ประเทศมาเลเซียเป็น ผู้จ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ของตน ส่วนกรณีรายจ่ายตามข้อ B การจัดหาและจ่ายเงินเดือนเมื่อกิจการร่วมค้าฯ นำส่งภาษีเงินได้ หัก ณ ที่จ่าย จากเงินเดือนของเจ้าหน้าที่ของบริษัทต่างประเทศทั้งสองที่ปฏิบัติงานในประเทศไทย โดย ยื่นแบบแสดงรายการตามแบบ ภ.ง.ด.1 จึงถือได้ว่ากิจการร่วมค้าฯ ได้ปฏิบัติไว้ถูกต้องแล้ว จึงไม่มี ประเด็นต้องพิจารณาแต่อย่างใด |