เลขที่หนังสือ |
: ๐๗๐๒/๔๓๔๕ |
วันที่ |
: ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๒ |
เรื่อง |
: ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีรายได้ส่วนแบ่งของกำไรจากกองทุนรวมในระหว่างชำระบัญชี |
ข้อกฎหมาย |
: พระราชกฤษฎีกา ๒๖๓ |
ข้อหารือ |
๑.รายได้ส่วนแบ่งของกำไรจากกองทุนรวมในระหว่างชำระบัญชี บริษัทฯ ประกอบธุรกิจประเภทค้าและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียนตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๕ บริษัทฯ มีเงินลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ท.(กองทุนรวมฯ) ซึ่งมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บ. จำกัด (บริษัทจัดการฯ) เป็นบริษัทจัดการของกองทุนรวมฯ บริษัทจัดการฯ ได้จัดการประชุมผู้ถือหน่วยลงทุนของกองทุนรวมฯ เมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๐ และที่ประชุมผู้ถือหน่วยลงทุนได้ลงมติอนุมัติการแปลงสภาพกองทุนรวมฯ เป็นทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ท. (กองทรัสต์ฯ)
๒.เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ บริษัทจัดการฯ ได้มีหนังสือถึงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แจ้งวันปิดสมุดทะเบียนเป็นวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๐ เพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือหน่วยลงทุนในการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนของกองทุนรวมฯ กับหน่วยทรัสต์ของกองทรัสต์ฯ ดังนี้
๒.๑อัตราการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน คือ ๑ หน่วยลงทุนของกองทุนรวมฯ ต่อ ๐.๙๘๗๔ หน่วยทรัสต์ของกองทรัสต์ฯ
๒.๒สิทธิในการได้รับเงินสดในอัตรา ๑.๖๙๗๗ บาท ต่อ ๑ หน่วยลงทุนของกองทุนรวมฯ กำหนดจ่ายวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๖๑ โดยบริษัทจัดการฯ แยกรูปแบบของเงินจำนวนดังกล่าวออกเป็น ๒ ส่วน ได้แก่
(๑) เงินปันผลในอัตราหน่วยละ ๐.๙๙๑๘๑๔๑๘๔๑ บาท ซึ่งพิจารณาจากกำไรสะสมคงเหลือ ณ ขณะนั้น ซึ่งเงินปันผลดังกล่าวมีความหมายเดียวกับเงินส่วนแบ่งของกำไร ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๖๓) พ.ศ. ๒๕๓๖
(๒) เงินเฉลี่ยคืนทุนในอัตราหน่วยละ ๐.๗๐๕๘๘๕๘๑๕๙ บาท ซึ่งพิจารณาจากส่วนคงเหลือหลังจากหักส่วนของเงินปันผลแล้ว
๓.เมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ บริษัทจัดการฯ ได้มีหนังสือถึง ตลท. แจ้งว่า กองทุนรวมฯ ได้แปลงสภาพเป็นกองทรัสต์ฯ และโอนทรัพย์สินและภาระของกองทุนรวมฯ ให้แก่กองทรัสต์ฯ เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๐ บริษัทจัดการฯ จึงขอแจ้งเลิกกองทุนรวมฯ ในวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ และเข้าสู่กระบวนการชำระบัญชี
๔.บริษัทฯ ได้รับเงินสดจากกองทุนรวมฯ ตามหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ลงวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๖๑ จำนวนทั้งสิ้น ๑๔๙,๔๘๔,๑๑๔.๑๙ บาท ประกอบไปด้วย เงินเฉลี่ยคืนทุนจำนวน ๕๙,๕๙๑,๕๒๖.๔๖ บาท และเงินส่วนแบ่งกำไรจำนวน ๘๙,๘๙๒,๕๘๗.๗๓ บาท
๕.เมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๑ บริษัทฯ ชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่า กองทุนรวมฯ อยู่ในสถานะยกเลิกกองทุนตามระบบเผยแพร่ข้อมูลหนังสือชี้ชวนและรายงานกองทุนรวม (MRAP) ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน กลต.) แต่ยังคงมีสถานะเป็นกองทุนและอยู่ระหว่างการชำระบัญชี โดยการชำระบัญชียังไม่แล้วเสร็จ เนื่องจากมีข้อพิพาทที่อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาล และสำนักงาน กลต. ได้ผ่อนผันระยะเวลาการชำระบัญชีของกองทุนรวมฯ บริษัทฯ ขอหารือว่า เงินส่วนแบ่งของกำไรที่จ่ายจากกำไรสะสมของกองทุนรวมฯ ที่บริษัทฯ ได้รับตาม ๒.๒ (๑) ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล หรือไม่ |
แนววินิจฉัย |
หากพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๕ อนุญาตให้กองทุนรวมที่อยู่ระหว่างการชำระบัญชี จ่ายส่วนแบ่งกำไรจากกำไรสะสมของกองทุนรวมได้ เงินส่วนแบ่งกำไรที่บริษัทฯ ได้รับตามข้อเท็จจริงข้างต้น ถือเป็นเงินส่วนแบ่งกำไรจากกองทุนรวมฯ ฉะนั้น หากบริษัทฯ ถือหน่วยลงทุนที่ก่อให้เกิดเงินส่วนแบ่งของกำไรนั้นไม่น้อยกว่าสามเดือนนับแต่วันที่ได้หน่วยลงทุนนั้นมาถึงวันมีเงินได้ดังกล่าว แม้ต่อมากองทุนรวมฯ ได้แจ้งเลิกกองทุนไปก่อนสามเดือนนับแต่วันที่มีเงินได้ กรณีมิใช่การโอนหน่วยลงทุนนั้นไปก่อนสามเดือนนับแต่วันที่มีเงินได้ ประกอบกับในขณะที่มีการจ่ายเงินส่วนแบ่งกำไรของกองทุนรวมฯ ก็ยังอยู่ระหว่างการชำระบัญชีของกองทุนรวมฯ เนื่องจากสำนักงาน กลต. ได้ผ่อนผันระยะเวลาการชำระบัญชีให้แก่กองทุนรวมฯ ดังนั้น บริษัทฯ ย่อมได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจากเงินส่วนแบ่งกำไรดังกล่าว ตามมาตรา ๓ แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ ๒๖๓) พ.ศ. ๒๕๓๖ |
เลขตู้ |
: ๘๒/๔๐๘๖๙ |