เลขที่หนังสือ |
: ๐๗๐๒/๓๒๐๖ |
วันที่ |
: ๒๔ เมษายน ๒๕๖๑ |
เรื่อง |
: ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการขายคาร์บอนเครดิต |
ข้อกฎหมาย |
: มาตรา ๗๗/๑ (๙) และมาตรา ๗๗/๑ (๕) แห่งประมวลรัษฎากร |
ข้อหารือ |
องค์การ A (องค์การมหาชน) (องค์การฯ) ได้หารือข้อกฎหมายเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยมีรายละเอียดสรุปได้ว่า องค์การฯ ได้พัฒนาโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program) หรือโครงการ T-VER ขึ้น เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการลดก๊าซเรือนกระจกโดยความสมัครใจ ตามที่ประชาคมโลกได้เรียกร้องให้ทุกประเทศร่วมกันแก้ปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งประเทศไทยได้ยื่นข้อเสนอการมีส่วนร่วมในการลดก๊าซเรือนกระจกต่อสำนักเลขาธิการอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยตั้งเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศลงร้อยละ ๗ และร้อยละ ๒๐ ภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ และ พ.ศ. ๒๕๗๓ ตามลำดับ โดยประเทศไทยได้นำปริมาณการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ลดได้จากการดำเนินโครงการและผ่านการรับรอง ซึ่งเรียกว่า คาร์บอนเครดิต ไปขายในตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจในประเทศ ซึ่งเป็นแรงจูงใจหนึ่งที่จะให้ทุกภาคส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการลดก๊าซเรือนกระจก องค์การฯ จึงหารือ ดังนี้
๑. ผู้ขายจำเป็นต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มจากการขายคาร์บอนเครดิตหรือไม่
๒. หากจำเป็นต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม จะจัดให้คาร์บอนเครดิตเป็นทรัพย์สินในหมวดใด และจะต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราเท่าใด
๓. ผู้ขายจะสามารถลดหย่อนหรือยกเว้นการจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มจากการขายคาร์บอนเครดิตได้หรือไม่ เนื่องจากคาร์บอนเครดิต คือ ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดได้จากการดำเนินโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภายในประเทศ ซึ่งเป็นการดำเนินงานที่ตอบสนองต่อนโยบายของภาครัฐในด้านการบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนสภาพภูมิอากาศ อีกทั้งมูลค่าของคาร์บอนเครดิตที่ขายได้โดยเฉลี่ยต่อปีมีค่าประมาณ ๖๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เท่านั้น (คิดจากค่าเฉลี่ยการรับรองคาร์บอนเครดิตประเภท TVERs ๓๐๐,๐๐๐ ตันคาร์บอนไดออกไซด์ เทียบเท่าต่อปีคูณด้วยราคาคาร์บอนเครดิตสูงสุด ซึ่งเป็นข้อมูลจาก ๓ โครงการที่ขายได้จริง คือ ๓๐-๒๐๐ บาท ต่อตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า) |
แนววินิจฉัย |
คาร์บอนเครดิตประเภท Voluntary Emission Reduction (VERs) เป็นทรัพย์สินที่ไม่มีรูปร่างและอาจมีราคาและถือเอาได้ ไม่ว่าจะมีไว้เพื่อขาย เพื่อใช้ หรือเพื่อการใดๆ เข้าลักษณะเป็นสินค้า ตามมาตรา ๗๗/๑ (๙) แห่งประมวลรัษฎากร อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ในอัตราร้อยละ ๗ ตามมาตรา ๗๗/๒ และมาตรา ๘๐ แห่งประมวลรัษฎากร โดยความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการจำหน่ายคาร์บอนเครดิตประเภท VERs เกิดขึ้นเมื่อได้รับชำระราคาสินค้า เว้นแต่กรณีได้มีการโอนกรรมสิทธิ์ในสินค้าหรือได้มีการออกใบกำกับภาษีก่อนได้รับชำระราคา แล้วแต่กรณี ตามมาตรา ๗๘/๓ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร และข้อ ๒ ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๘๙ (พ.ศ. ๒๕๓๔) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มบางกรณี ลงวันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๔ และหากผู้ขายคาร์บอนเครดิต ประเภท VERsเป็นผู้ประกอบการ ตามมาตรา ๗๗/๑ (๕) แห่งประมวลรัษฎากร จึงมีสิทธิเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ซื้อสินค้าเมื่อความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้น ตามมาตรา ๘๒/๔ แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกนั้น ได้กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับกำไรสุทธิในการดำเนินโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เฉพาะส่วนที่เกิดจากการจำหน่ายคาร์บอนเครดิต ไม่ว่าได้กระทำในหรือนอกประเทศ ทั้งนี้ ตามมาตรา ๔ แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๑๔) พ.ศ. ๒๕๕๔ |
เลขตู้ |
: ๘๑/๔๐๖๓๖ |