เลขที่หนังสือ |
: ๐๗๐๒/๑๘๓๑ |
วันที่ |
: ๒ มีนาคม |
เรื่อง |
: ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีเงินชดเชยในการใช้พาหนะในการเดินทาง และอัตราเบี้ยเลี้ยงเดินทาง
|
ข้อกฎหมาย |
: มาตรา ๔๒ (๑) และ (๒) แห่งประมวลรัษฎากร
|
ข้อหารือ |
บริษัท จ จำกัด (บริษัทฯ) หารือเกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีเงินชดเชยในการใช้พาหนะในการเดินทาง และอัตราเบี้ยเลี้ยงเดินทางในราชอาณาจักรของพนักงานที่ปฏิบัติงานนอกสถานที่ โดยมีข้อเท็จจริงสรุปได้ว่า บริษัทฯ มีการจ่ายเงินชดเชยในการใช้พาหนะในการเดินทาง และอัตราเบี้ยเลี้ยงเดินทางในราชอาณาจักรของพนักงานที่ปฏิบัติงานนอกสถานที่ตามอัตราดังต่อไปนี้
รถยนต์ส่วนบุคคล กิโลเมตรละ ๙ บาท
รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล กิโลเมตรละ ๕ บาท
ค่าอัตราเบี้ยเลี้ยงเดินทาง ไม่ค้างคืน ๒๐๐ บาท
ค่าอัตราเบี้ยเลี้ยงเดินทาง ค้างคืน ๔๐๐ บาท
ผลตอบแทนข้างต้น บริษัทฯ ได้นำไปคำนวณเป็นเงินได้ให้แก่พนักงานทั้งจำนวน และ
หักภาษี ณ ที่จ่าย ทำส่งสรรพากรตลอดทุกปีภาษีที่ผ่านมา
บริษัทฯ จึงขอหารือว่า บริษัทฯ จะคำนวณยกเว้นโดยใช้อัตราข้างต้นหักกับอัตราของทางราชการตามประกาศ ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปช่วยราชการ พ.ศ. ๒๕๕๐ และหลักเกณฑ์การเบิกค่าพาหนะรับจ้างข้ามเขตจังหวัด เงินชดเชย และค่าใช้จ่ายอื่นที่จำเป็นต้องจ่ายเนื่องในการเดินทางไปราชการก่อน ค่อยนำไปเป็นเงินได้และหักภาษี ณ ที่จ่ายได้หรือไม่ ตัวอย่างเช่น
ค่ารถยนต์ส่วนตัว กิโลเมตรละ ๙ บาท จะหักกิโลเมตรละ ๔ บาท อัตราในการเดินทางไปราชการก่อน ซึ่งจะคงเหลือกิโลเมตรละ ๕ บาท แล้วจึงค่อยนำ ๕ บาท ไปคำนวณเป็นเงินได้ให้แก่พนักงานในการคำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่าย ใช่หรือไม่ อย่างไร |
แนววินิจฉัย |
กรณีที่บริษัทฯ จ่ายค่าพาหนะเหมาจ่ายหรือค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางให้แก่พนักงานของบริษัทฯ ตามข้อเท็จจริงดังกล่าว เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร และการจ่ายเงินได้เป็นการจ่ายเนื่องจากไปปฏิบัติงานนอกสถานที่เป็นครั้งคราว จะได้รับยกเว้นไม่ต้องนำไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามมาตรา ๔๒ (๑) และ (๒) แห่งประมวลรัษฎากร ต้องเข้าลักษณะดังนี้
๑. ต้องเป็นค่าพาหนะเหมาจ่ายหรือค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางซึ่งบุคคลดังกล่าวได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็นเฉพาะในการที่จะต้องปฏิบัติตามหน้าที่ของตนและได้จ่ายไปทั้งหมดในการนั้น
๒. ในกรณีบุคคลดังกล่าวได้รับค่าพาหนะเหมาจ่ายหรือค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางในอัตราไม่เกินอัตราค่าสูงสุดที่ทางราชการกำหนดจ่ายให้แก่ข้าราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการในประเทศหรือต่างประเทศ แล้วแต่กรณี ตามหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายในลักษณะเหมาจ่าย ให้ถือว่าค่าพาหนะเหมาจ่ายหรือค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางดังกล่าวเป็นค่าพาหนะเหมาจ่ายหรือค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางซึ่งบุคคลดังกล่าวได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็นเฉพาะในการที่จะต้องปฏิบัติตามหน้าที่ของตนและได้จ่ายไปทั้งหมดในการนั้น โดยไม่ต้องมีหลักฐานการจ่ายเงินมาพิสูจน์
๓. ในกรณีบุคคลดังกล่าวได้รับค่าพาหนะเหมาจ่ายหรือค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางในอัตราเกินกว่าอัตราตาม ๒. และบุคคลดังกล่าวไม่มีหลักฐานมาพิสูจน์ว่าได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็นเฉพาะในการที่ต้องปฏิบัติงานตามหน้าที่ของตนและได้จ่ายไปทั้งหมดในการนั้น ให้ถือว่าค่าพาหนะเหมาจ่ายหรือค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางดังกล่าวเป็นค่าพาหนะเหมาจ่ายหรือค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางซึ่งบุคคลนั้นได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็นเพียงเฉพาะในส่วนที่ไม่เกินอัตราตาม ๒.
การเดินทางไปปฏิบัติงานตามหน้าที่ ตาม ๑. ๒. และ ๓. ต้องมีหลักฐานการได้รับอนุมัติให้เดินทางไปปฏิบัติงานนอกสำนักงานหรือนอกสถานที่จากนายจ้างหรือผู้จ่ายเงินได้โดยต้องระบุลักษณะงานที่ทำและระยะเวลาปฏิบัติงานตามหน้าที่แล้วแต่กรณีด้วย |
เลขตู้ |
: ๘๑/๔๐๕๗๘ |