ข้อหารือ |
ก. บริษัทฯ ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ตามมาตรา ๖๗ ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร (ภ.ง.ด.๕๑) สำหรับรอบระยะเวลาบัญชี ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ โดยแสดงประมาณการกำไรสุทธิที่ต้องเสียภาษี เป็นจำนวน ๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท และต่อมาบริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ตามมาตรา ๖๘ และมาตรา ๖๙ แห่งประมวลรัษฎากร (ภ.ง.ด.๕๐) แสดงกำไรสุทธิที่ต้องเสียภาษี เป็นจำนวน ๑๑,๕๖๖,๑๐๒.๙๐ บาท ทำให้ประมาณการกำไรสุทธิขาดไป จำนวน ๕,๕๖๖,๑๐๒.๙๐ บาท คิดเป็นร้อยละ ๔๘.๑๒ ของกำไรสุทธิ ซึ่งเป็นกรณีที่บริษัทฯ ได้แสดงประมาณการกำไรสุทธิขาดไปเกินร้อยละ ๒๕ ของกำไรสุทธิซึ่งได้จากกิจการที่กระทำในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น ซึ่งบริษัทฯ ได้ยื่นแบบ ภ.ง.ด. ๕๐ พร้อมทั้งชำระเงินเพิ่ม จำนวน ๑๑๑,๓๒๒.๐๖ บาทไว้แล้ว แต่บริษัทฯ มิได้ยื่นแบบ ภ.ง.ด.๕๑ เพิ่มเติมเพื่อชำระเงินเพิ่ม เนื่องจากบริษัทฯ เข้าใจว่า เงินเพิ่มที่ต้องชำระนั้นเป็นค่าปรับภาษีเงินได้นิติบุคคล ด้วยเหตุดังกล่าวบริษัทฯ จึงได้ยื่นหนังสือขอให้กรมสรรพากรอนุโลมให้การยื่นแบบ ภ.ง.ด.๕๐ ที่นำเงินเพิ่มไปรวมชำระเป็นการชำระเงินเพิ่มตามแบบ ภ.ง.ด.๕๑
|