ขออภัยมีข้อจำกัดในการแสดงผล
รูปเส้นประเกี่ยวกับกรมสรรพากรรูปเส้นประห้องข่าวรูปเส้นประบริการอิเล็กทรอนิกส์รูปเส้นประความรู้เรื่องภาษีรูปเส้นประบริการข้อมูลรูปเส้นประอ้างอิงรูปเส้นประFAQ
รูปมุมซ้าย รูปมุมขวา
ค้นหาขั้นสูง
ความช่วยเหลือ
 


เลขที่หนังสือ : กค ๐๗๐๒/๙๒๓๓
วันที่ : ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๙
เรื่อง : ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย กรณีสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ
ข้อกฎหมาย : สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ
ข้อหารือ           บริษัทฯ หารือเกี่ยวกับภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย กรณีสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ (IHQ) โดยมีข้อเท็จจริงสรุปได้ ดังนี้
          ๑.เมื่อวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๔๔ บริษัทฯ ได้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายไทยมีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบกิจการค้าส่งและส่งออกชิ้นส่วนอุปกรณ์ภายในรถยนต์ ให้บริการด้านเทคนิค วิจัยและพัฒนาชิ้นส่วนรถยนต์ และซ่อมแซมอะไหล่แม่พิมพ์ โดยบริษัทฯ เป็นบริษัทในกลุ่มโตโยต้า และมีบริษัท โตโยต้า โบโชคุ คอร์ปอเรชั่น ซึ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายของประเทศญี่ปุ่น (บริษัทแม่) ถือหุ้นของบริษัทฯในอัตราร้อยละ ๙๙.๙๙ บริษัทฯ ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)
          ๒.บริษัทฯ ได้รับอนุมัติจากกรมสรรพากรให้เป็น IHQ ตามหนังสือที่ กค ๐๗๒๒/ภญ/๔๕๑๘ ลงวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๙ โดยประกอบกิจการ การให้บริการด้านบริหาร ด้านเทคนิค การให้บริการสนับสนุน และการเป็นบริษัทการค้าระหว่างประเทศ (ITC) และมีรอบระยะเวลาบัญชีที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีรวม ๑๕ รอบระยะเวลาบัญชี ดังนี้
               - รอบระยะเวลาบัญชีแรกเริ่มวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๐
               - รอบระยะเวลาบัญชีสุดท้ายเริ่มวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๗๓ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๗๔บริษัทฯ มีคนต่างด้าวทำงานประจำ จำนวน ๕๔ คน ซึ่งเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนและมีรายชื่อระบุอยู่ในรายละเอียดคนต่างด้าวที่ขอใช้สิทธิลดอัตราภาษีตามเอกสารแนบแบบ ส.ญ.ค. ๑ ที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๘๖) พ.ศ. ๒๕๕๘ ประกอบกับประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการลดอัตราภาษีเงินได้ ยกเว้นภาษีเงินได้ และยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะของบริษัทซึ่งประกอบกิจการสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ ลงวันที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
          ๓.บริษัทฯ ขอทราบว่า
               ๓.๑บริษัทฯ มีการประกอบกิจการทั้งกิจการ IHQ ซึ่งรวมถึงกิจการ ITC และ Non-IHQ(ไม่ใช่กิจการ IHQ และ ITC) ซึ่งบริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการด้านบริหาร ด้านเทคนิค และการให้บริการแก่บริษัทในเครือทั้งในประเทศและต่างประเทศ และรายได้จากกิจการ ITC กรณีการจัดซื้อและขายสินค้าวัตถุดิบ และชิ้นส่วน หรือการให้บริการเกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศแก่นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ ซึ่งบริษัทฯ จะได้รับสิทธิในการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล เฉพาะกรณีการจัดซื้อและขายสินค้าในต่างประเทศโดยสินค้าต้องมิได้ถูกนำเข้ามาในประเทศไทยหรือเข้ามาในประเทศไทยในลักษณะการผ่านแดนหรือการถ่ายลำตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร (Out-Out Transaction) สำหรับรายได้จากกิจการ ITC กรณีการนำเข้า (Out-In Transaction) การส่งออก (In-Out Transaction) หรือการจัดซื้อและขายสินค้าภายในประเทศ (In-In Transaction) ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี แต่อย่างไรก็ตาม การประกอบกิจการของบริษัทฯ ก็ยังคงเป็นการประกอบกิจการ ITC ความเข้าใจของบริษัทฯ ถูกต้องหรือไม่ อย่างไร
               ๓.๒การคำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย สำหรับคนต่างด้าวซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติงานในตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง ผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ชำนาญการเฉพาะด้านที่มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลกิจการ IHQ และ Non-IHQ บริษัทฯ สามารถหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ ๑๕ จากเงินได้พึงประเมินทั้งจำนวนที่จ่ายให้แก่คนต่างด้าว ความเข้าใจของบริษัทฯ ถูกต้องหรือไม่ หากไม่ถูกต้องบริษัทฯ จะต้องปฏิบัติอย่างไร ดังนี้
                    (๑)กรณีบริษัทฯ ไม่สามารถแยกสัดส่วนเงินเดือนของคนต่างด้าวได้โดยชัดแจ้งว่าส่วนใดเป็นของกิจการ IHQ และส่วนใดเป็น Non-IHQ บริษัทฯ จะเลือกใช้วิธีการปันส่วนเงินได้ตามสัดส่วนรายได้ของบริษัทฯ ทั้งนี้ บริษัทฯ จะคำนวณจากรายได้หลัก (รายได้จากการขายหรือให้บริการ) หรือรายได้ทั้งหมดซึ่งรวมถึงรายได้อื่น ๆ เช่น ดอกเบี้ย กำไร (ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยน เป็นต้น
                    (๒)หากไม่ใช้วิธีการตาม (๑) บริษัทฯ มีสิทธิเลือกใช้วิธีการปันส่วนเงินได้ตามสัดส่วนหรือจำนวนชั่วโมงการทำงานที่เกิดขึ้นจริงของคนต่างด้าวตามแต่ละประเภทกิจการของบริษัทฯ ตามรายละเอียดที่บันทึกอยู่ในคำบรรยายลักษณะงานและบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบของคนต่างด้าว (Job Description and Responsibility) ประกอบกับรายงานจดบันทึกการทำงานในแต่ละวัน (Timesheet) ซึ่งผ่านการตรวจสอบและอนุมัติโดยหัวหน้างานที่เกี่ยวข้อง
               ๓.๓การพิจารณาคุณสมบัติของคนต่างด้าวตามข้อ ๒ ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฯ ลงวันที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ นั้น เป็นการพิจารณาคุณสมบัติเฉพาะรายบุคคล โดยพิจารณาจากจำนวนเงินได้พึงประเมินทั้งหมดที่คนต่างด้าวได้รับจากบริษัทฯ ว่าเป็นจำนวนรวมไม่น้อยกว่า ๒.๔ ล้านบาทต่อปีภาษี หรือเฉลี่ยไม่น้อยกว่า ๒ แสนบาทต่อเดือน แต่การปันส่วนเงินได้ของคนต่างด้าวในการคำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิก็เพื่อจำแนกว่าเงินเดือนส่วนใดเป็นรายจ่ายของกิจการประเภทใด ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อการพิจารณาคุณสมบัติของคนต่างด้าวตามกฎหมาย ความเข้าใจของบริษัทฯ ถูกต้องหรือไม่
               ๓.๔หากภายหลังพบว่า บริษัทฯและ/หรือ คนต่างด้าว มีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนในปีภาษีใด คนต่างด้าวก็จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ในการลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และบริษัทฯ ก็ไม่มีสิทธิในการหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ ๑๕ เช่นกัน แต่ถ้าคนต่างด้าวได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด. ๙๑) โดยคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในอัตราก้าวหน้า พร้อมชำระภาษีไว้ครบถ้วนแล้ว บริษัทฯในฐานะผู้จ่ายเงินซึ่งมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายตามมาตรา ๕๐ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร ย่อมไม่มีความรับผิดเกี่ยวกับการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายในส่วนที่เกินกว่าร้อยละ ๑๕ พร้อมทั้งเงินเพิ่มแต่อย่างใดความเข้าใจของบริษัทฯ ถูกต้องหรือไม่ อย่างไร
แนววินิจฉัย           ๑.กรณีตามข้อ ๓.๑ บริษัทฯ มีคุณสมบัติตามมาตรา ๙ แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ ๕๘๖)พ.ศ. ๒๕๕๘ และได้รับอนุมัติให้เป็น IHQ เพื่อประกอบกิจการให้บริการด้านบริหาร ด้านเทคนิค การให้บริการสนับสนุน และการเป็น ITC โดยได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นระยะเวลาสิบห้ารอบระยะเวลาบัญชี โดยบริษัทฯประกอบกิจการทั้งกิจการ IHQ ซึ่งรวมถึงกิจการ ITC และ Non-IHQ และมีรายได้ตามมาตรา ๗ (๑) มาตรา ๘ (๑) และ (๕) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ ๕๘๖) พ.ศ. ๒๕๕๘ และรายได้จากกิจการ ITC กรณีการนำเข้า การส่งออก หรือการจัดซื้อและขายสินค้าภายในประเทศ ซึ่งไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี นั้น กรณีดังกล่าว การลดอัตราภาษีเงินได้หรือยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่ IHQ สำหรับรายได้ที่กำหนดตามมาตรา ๗ และมาตรา ๘ แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ ๕๘๖) พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ให้แก่นิติบุคคลที่เป็น IHQ และปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด มิใช่สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ให้แก่กิจการ ดังนั้นหากบริษัทฯ ประกอบกิจการทั้งกิจการ IHQ และ Non-IHQ บริษัทฯ จะต้องคำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิของแต่ละกิจการแยกต่างหากจากกัน หากรายจ่ายใดไม่สามารถแยกกันได้โดยชัดแจ้งว่าส่วนใดเป็นรายจ่ายของกิจการใด ให้บริษัทฯ เฉลี่ยรายจ่ายดังกล่าวตามส่วนของรายได้จากการประกอบกิจการสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศและรายได้จากกิจการอื่น และกรณีบริษัทฯ ประกอบกิจการ IHQ ซึ่งมีทั้งรายได้ที่รับสิทธิลดอัตราภาษีเงินได้และยกเว้นภาษีเงินได้ ให้บริษัทฯ คำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิของรายได้แต่ละส่วนแยกต่างหากจากกันหากรายจ่ายใดไม่สามารถแยกกันได้โดยชัดแจ้งว่าเป็นรายจ่ายของรายได้ในส่วนใด ให้บริษัทฯ เฉลี่ยรายจ่ายดังกล่าวตามส่วนของรายได้ระหว่างรายได้ที่รับสิทธิลดอัตราภาษีเงินได้และยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา ๗ (๑) มาตรา ๘ (๑) และ (๕) และมาตรา ๙ (๕) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ ๕๘๖) พ.ศ. ๒๕๕๘ ประกอบกับข้อ ๑ และข้อ ๑๐ ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฯ ลงวันที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
          ๒.กรณีตามข้อ ๓.๒ และข้อ ๓.๓ บริษัทฯ มีคนต่างด้าวเป็นพนักงานประจำ จำนวน ๕๔ คน ซึ่งเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนและมีรายชื่อระบุอยู่ในรายละเอียดคนต่างด้าวที่ขอใช้สิทธิลดอัตราภาษีตามเอกสารแนบท้ายแบบ ส.ญ.ค. ๑ โดยคนต่างด้าวทำงานทั้งในส่วนของกิจการ IHQ ซึ่งเป็นกิจการที่มี ทั้งรายได้ที่รับสิทธิลดอัตราภาษีเงินได้และยกเว้นภาษีเงินได้ และรายได้ที่ไม่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี รวมทั้งในส่วนของกิจการ Non-IHQ พิจารณาได้ ดังนี้
               ๒.๑คนต่างด้าวที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามมาตรา ๔ และมาตรา ๕ แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ ๕๘๖) พ.ศ. ๒๕๕๘ ต้องมีลักษณะ ดังนี้
                    (๑)ต้องเป็นคนต่างด้าวที่มีคุณสมบัติตามมาตรา ๖ แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ ๕๘๖) พ.ศ. ๒๕๕๘
                    (๒)ต้องเป็นคนต่างด้าวที่มีคุณสมบัติข้อ ๒ ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฯ ลงวันที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
               ๒.๒กรณีบริษัทฯ ไม่สามารถแยกได้โดยชัดแจ้งว่า เงินได้พึงประเมินจากสัญญาจ้างแรงงานที่คนต่างด้าวดังกล่าวได้รับนั้น เนื่องมาจากการทำงานในส่วนของกิจการ IHQ หรือ Non-IHQ ให้บริษัทฯ เฉลี่ยรายจ่ายดังกล่าวตามส่วนของรายได้จากการประกอบกิจการสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศและรายได้จากกิจการอื่นและกรณีบริษัทฯ ประกอบกิจการ IHQ ซึ่งมีทั้งรายได้ที่รับสิทธิลดอัตราภาษีเงินได้และยกเว้นภาษีเงินได้ ให้บริษัทฯ คำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิของรายได้แต่ละส่วนแยกต่างหากจากกัน หากรายจ่ายใดไม่สามารถแยกกันได้โดยชัดแจ้งว่าเป็นรายจ่ายของรายได้ในส่วนใด ให้บริษัทฯ เฉลี่ยรายจ่ายดังกล่าวตามส่วนของรายได้ระหว่างรายได้ที่รับสิทธิลดอัตราภาษีเงินได้และยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา ๗ (๑) มาตรา ๘ (๑) และ (๕) และมาตรา ๙ (๕) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ ๕๘๖) พ.ศ. ๒๕๕๘ ประกอบกับข้อ ๑ และข้อ ๑๐ ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฯลงวันที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ และกรณีบริษัทฯ มีกำไรหรือขาดทุนจากการคำนวณค่าหรือราคาของเงินตรา ทรัพย์สิน หรือหนี้สินของกิจการ IHQ ซึ่งมีค่าหรือราคาเป็นเงินตราต่างประเทศที่เหลืออยู่ในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีให้เป็นเงินตราไทย เนื่องจากกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าวเกิดจากการปฏิบัติตามข้อบังคับของกฎหมายในการคำนวณกำไรสุทธิตามมาตรา ๖๕ ทวิ (๕) แห่งประมวลรัษฎากร และเงินตรา ทรัพย์สินหรือหรือหนี้สินดังกล่าวเป็นของกิจการ IHQ ดังนั้น กำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน จึงถือเป็นรายได้หรือรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิแล้วแต่กรณีของกิจการ IHQ แต่สำหรับดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร นั้น ไม่ถือเป็นรายได้ในการคำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิของกิจการ IHQ ที่ได้รับสิทธิประโยชน์ในการลดอัตราภาษีเงินได้หรือยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา ๗ มาตรา ๘ และมาตรา ๙ (๕)แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ ๕๘๖) พ.ศ. ๒๕๕๘ ประกอบกับข้อ ๑ และข้อ ๑๐ ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฯลงวันที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ แต่อย่างไรก็ตาม หากรายจ่ายที่บริษัทฯ ได้จ่ายให้คนต่างด้าว จำนวน ๕๔ คนตามสัญญาจ้างแรงงานจากการทำงานในส่วนของกิจการ IHQ โดยบริษัทฯ ได้เฉลี่ยรายจ่ายดังกล่าวตามส่วนของรายได้จากการประกอบกิจการ IHQ ซึ่งรายจ่ายดังกล่าวเป็นรายจ่ายในการดำเนินงานที่เกี่ยวกับกิจการของ IHQ ที่จ่ายให้กับผู้รับในประเทศไทยไม่ถึงสิบห้าล้านบาทในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีใด บริษัทฯ และคนต่างด้าวจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในรอบระยะเวลาบัญชีนั้นด้วย ตามมาตรา ๙ (๓) และวรรคสอง แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ ๕๘๖) พ.ศ. ๒๕๕๘
          ๓.กรณีตามข้อ ๓.๔ หากในภายหลังปรากฏว่า บริษัทฯ ไม่มีคุณสมบัติตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง ในรอบระยะเวลาบัญชีใด สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการประกอบกิจการ IHQ ที่ได้รับตามมาตรา ๗ และมาตรา ๘ ย่อมเป็นอันระงับเฉพาะในรอบระยะเวลาบัญชีนั้นตามมาตรา ๙ วรรคสอง แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ ๕๘๖) พ.ศ. ๒๕๕๘ ทำให้คนต่างด้าวซึ่งเป็นพนักงานของ IHQ ที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งได้รับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร ย่อมเป็นอันระงับไปตามมาตรา ๖ แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ ๕๘๖) พ.ศ. ๒๕๕๘ ดังนั้น บริษัทฯ ในฐานะผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร ย่อมมีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายและนำส่งกรมสรรพากรตามมาตรา ๕๐ (๑) และมาตรา ๕๒ แห่งประมวลรัษฎากร หากบริษัทฯ มิได้ปฏิบัติตามกฎหมายย่อมมีความรับผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญา ดังนี้
               ๓.๑ความรับผิดในทางแพ่ง ผู้จ่ายเงินได้ (บริษัทฯ) ต้องรับผิดร่วมกับผู้มีเงินได้ (คนต่างด้าว)ในการเสียภาษีที่ต้องชำระตามจำนวนที่ขาดไปตามมาตรา ๕๔ วรรคหนึ่ง แห่งประมวลรัษฎากร และต้องเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ ๑.๕ ต่อเดือนหรือเศษของเดือนของเงินภาษีที่ต้องนำส่งตามมาตรา ๒๗ แห่งประมวลรัษฎากร หากผู้มีเงินได้ได้นำเงินได้พึงประเมินตามจำนวนที่ไม่ได้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย ไปยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีแล้ว ถือว่า ผู้มีเงินได้ซึ่งเป็นลูกหนี้ร่วมของผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ได้ชำระภาษีแล้ว ผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายซึ่งเป็นผู้จ่ายเงินจึงหลุดพ้นจากหนี้ภาษีเฉพาะเงินภาษีที่ต้องชำระต่อกรมสรรพากรตามมาตรา ๕๔ วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร แต่ผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายยังคงต้องรับผิดชำระเงินเพิ่มอีกร้อยละ ๑.๕ ต่อเดือนหรือเศษของเดือนของเงินภาษีที่ต้องนำส่งตามมาตรา ๒๗ แห่งประมวลรัษฎากร การคำนวณเงินเพิ่มให้เริ่มนับเมื่อพ้นกำหนดเวลาการนำส่งภาษี จนถึงวันที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีครบจำนวนที่ถูกต้องแต่เงินเพิ่มที่คำนวณได้ไม่ให้เกินจำนวนภาษีที่ต้องนำส่ง
               ๓.๒ ความรับผิดทางอาญา บริษัทฯ ย่อมต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท ตามมาตรา ๑๗ และมาตรา ๓๕ แห่งประมวลรัษฎากร
เลขตู้ : ๗๙/๔๐๒๓๗
clear-gif

WCAG 2.0 (Level AA)

Last update :
 Wednesday, March 29, 2017

 
รูปมุมซ้าย
หน้าหลักรูปเส้นประEnglishรูปเส้นประแผนผังเว็บไซต์รูปเส้นประแนะนำเว็บไซต์รูปเส้นประติดต่อกรมสรรพากรรูปเส้นประ


 
สงวนลิขสิทธิ์โดยกรมสรรพากร : Website Policy : Privacy Policy : Website Security Policy : Disclaimer
 
กรมสรรพากร 90 ซอยพหลโยธิน 7 ถนนพหลโยธิน แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทร. 1161