เลขที่หนังสือ |
: กค.๐๗๐๒/๗๖๕๕ |
วันที่ |
: ๒๘ กันยายน ๒๕๖๑ |
เรื่อง |
: ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และอากรแสตมป์ กรณีการโอนขายคะแนนสะสม |
ข้อกฎหมาย |
: มาตรา ๗๗/๑ (๘) (๙) (๑๐) และ มาตรา ๗๔/๒ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร |
ข้อหารือ |
หารือเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และอากรแสตมป์ กรณีโอนขายคะแนนสะสม มีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้
๑. ปัจจุบันบริษัทในกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า ธนาคาร โทรศัพท์เคลื่อนที่ ปั๊มน้ำมัน และสายการบิน ได้จัดให้มี Loyalty Program (บริษัทผู้ให้คะแนนสะสม) โดยให้ลูกค้าสมาชิกผู้ถือบัตรสมาชิกของตนสามารถสะสมคะแนนได้ เมื่อลูกค้าที่เป็นผู้บริโภคคนสุดท้ายได้ซื้อสินค้าหรือรับบริการของบริษัทตามที่กำหนด ตัวอย่างเช่น ใช้บริการโทรศัพท์มือถือ ซื้อสินค้าหรือรับบริการ เติมน้ำมัน หรือใช้บัตรเครดิตครบตามยอดที่กำหนด โดยคะแนนสะสมที่ให้จะมีมูลค่าเทียบเท่าเงินสด
ตัวอย่างเช่น ลูกค้าใช้จ่ายครบทุก ๒๐ บาท จะได้รับคะแนนสะสม ๑ คะแนน ซึ่ง ๑ คะแนนสะสมจะมีมูลค่าเท่ากับเงินสด ๐.๒๐ บาท เป็นต้น คะแนนสะสมที่ได้จะเป็นกรรมสิทธิ์ของลูกค้าถือเป็นการให้ขาด เว้นแต่จะเข้าเงื่อนไขอื่นตามที่บริษัทผู้ให้คะแนนสะสมกำหนด และอาจกำหนดวันหมดอายุของคะแนน สะสม เมื่อลูกค้าได้รับคะแนนสะสมแล้ว สามารถนำคะแนนสะสมมาใช้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เช่น ใช้แทนเงินสด หรือแลกของสมนาคุณ เมื่อบริษัทผู้ให้คะแนนสะสมให้คะแนนสะสมแก่ลูกค้า บริษัทจะทำการบันทึกบัญชีโดยตั้งหนี้เพื่อรอลูกค้ามาใช้สิทธิแลกคะแนนสะสม
๒. บริษัทผู้ให้คะแนนสะสมอาจบริหารคะแนนสะสมเอง เช่น มีระบบบันทึกคะแนนที่ได้รับ คะแนนที่ได้ใช้สิทธิ และคะแนนที่คงเหลือ หรืออาจจะว่าจ้างบุคคลที่สามให้มาบริหารคะแนนดังกล่าว
๓. เนื่องจากคะแนนสะสมมีมูลค่าและสามารถใช้แทนเงินสดหรือแลกสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ
จึงมีการดำเนินธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับคะแนนสะสม ดังนี้
๓.๑ การโอนขายคะแนนสะสมระหว่างบริษัทผู้ให้คะแนนสะสม
(๑) เป็นการตกลงระหว่างบริษัทผู้ให้คะแนนสะสมสองบริษัท ยินยอมให้มีการโอนคะแนนสะสมระหว่างกันสำหรับลูกค้าที่เป็นสมาชิกผู้ถือบัตรของทั้งสองบริษัท โดยให้ลูกค้าสามารถโอนคะแนนจากบัตรหนึ่งไปยังอีกบัตรหนึ่งได้ และจะถือว่าบริษัทผู้ให้คะแนนสะสมที่ออกคะแนนสะสมให้ลูกค้าเป็นผู้ขายคะแนนสะสมให้อีกฝ่าย โดยราคาซื้อขายคะแนนจะกำหนดมูลค่าเทียบเท่าเงินสดสำหรับคะแนนของแต่ละฝ่ายตามแต่ที่ทั้งสองบริษัทจะตกลงกัน
(๒) การโอนขายคะแนนสะสมจะเกิดขึ้นเมื่อลูกค้าต้องการใช้คะแนนสะสมของบริษัทผู้ให้คะแนนสะสมที่ ๑ (บริษัทที่ ๑) เพื่อนำมาใช้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เช่น นำมาเป็นส่วนลดแทนเงินสดในการซื้อสินค้าของบริษัทที่ ๑ ลูกค้าจึงทำรายการขอแลกคะแนนสะสมของบริษัทผู้ให้คะแนนสะสมที่ ๒ (บริษัทที่ ๒) มาเป็นคะแนนสะสมของบริษัทที่ ๑ เมื่อลูกค้าขอแลกคะแนนสะสมของบริษัทที่ ๒ มาแล้ว บริษัทที่ ๑ ต้องออกคะแนนสะสมของตนโอนไปให้ลูกค้า ซึ่งถือว่าคะแนนสะสมที่บริษัทที่ ๑ โอนให้แก่ลูกค้านั้นเป็นการขายให้แก่บริษัทที่ ๒ และทุกสิ้นเดือนบริษัทที่ ๑ จะสรุปยอดคะแนนสะสมและเรียกเก็บค่าขายคะแนนสะสมไปยังบริษัทที่ ๒
ตัวอย่าง ๑
ลูกค้าเป็นสมาชิกของห้างและปั๊มน้ำมัน ลูกค้าต้องการใช้คะแนนสะสมของปั๊มน้ำมันไปเป็นส่วนลดในการเติมน้ำมัน ๙๐๐ บาท แต่ลูกค้ามีคะแนนสะสมของปั๊มน้ำมัน ๓,๐๐๐ คะแนน ซึ่งเทียบเท่ากับเงิน ๔๕๐ บาท (กำหนดราคาขายคะแนนปั๊มในอัตราคะแนนละ ๐.๑๕ บาท คะแนนปั๊ม ๓,๐๐๐ คะแนนจึงเท่ากับเงิน ๔๕๐ บาท (๓,๐๐๐ x ๐.๑๕ = ๔๕๐)) และลูกค้ามีคะแนนห้าง ๕,๐๐๐ คะแนน ต้องการโอนคะแนนสะสมของห้าง ๒,๒๕๐ คะแนน ซึ่งเทียบเท่ากับเงิน ๔๕๐ บาท (คะแนนห้างคะแนนละ ๐.๒๐ บาท (๒,๒๕๐ x ๐.๒๐ = ๔๕๐)) โดยโอนมาเป็นคะแนนปั๊ม ๓,๐๐๐ คะแนน (๔๕๐ บาท) ทำให้ปั๊มน้ำมันต้องออกคะแนนสะสมของตนเองและขายคะแนน ๓,๐๐๐ คะแนนให้แก่ห้างคิดเป็นมูลค่า ๔๕๐ บาท และนำไปรวมกับคะแนนปั๊มที่ลูกค้ามีอยู่ (๔๕๐ + ๔๕๐ = ๙๐๐) เพื่อเติมน้ำมัน และสิ้นเดือนปั๊มจะสรุปยอดและเรียกเก็บค่าขายคะแนนสะสมที่โอนไปจำนวน ๓,๐๐๐ คะแนน คิดเป็นมูลค่า ๔๕๐ บาท ไปยังห้าง (รายละเอียดปรากฏตามเอกสารแนบ ๑)
๓.๒ การโอนขายคะแนนสะสมให้บริษัทผู้ขอซื้อคะแนน
บริษัทผู้ให้คะแนนสะสมแต่ละรายจะมีการออกคะแนนสะสมของตน และมีบริษัทคู่ค้าขอซื้อคะแนนสะสม (บริษัทผู้ขอซื้อคะแนน) โดยบริษัทผู้ขอซื้อคะแนนต้องการนำคะแนนสะสมของบริษัทผู้ให้คะแนนสะสมไปแจกแก่ลูกค้าของตนตามเงื่อนไขส่งเสริมการขายที่ตนกำหนดกับลูกค้า บริษัทผู้ขอซื้อคะแนนอาจเป็นบริษัทที่มีการออกคะแนนสะสมของตนเองหรือไม่ก็ได้ ทั้งนี้ ลูกค้าของบริษัทผู้ขอซื้อคะแนนดังกล่าว
ต้องเป็นสมาชิกบัตรสะสมคะแนนของบริษัทผู้ให้คะแนนสะสมด้วย โดยบริษัทผู้ขอซื้อคะแนนจะแจ้งรายชื่อลูกค้าและยอดสะสมที่ขอซื้อไปยังบริษัทผู้ให้คะแนนสะสม และบริษัทผู้ให้คะแนนสะสมจะออกคะแนนให้ลูกค้าและโอนเข้าบัตรลูกค้าแต่ละรายดังกล่าว ทั้งนี้ บริษัทผู้ให้คะแนนสะสมจะกำหนดราคาขายคะแนนที่มีมูลค่าเทียบเท่าเงินสด เช่น บริษัทผู้ให้คะแนนสะสมตกลงขายคะแนนให้บริษัทผู้ซื้อคะแนน คะแนนละ ๐.๒๐ บาท รูปแบบการขายคะแนนอาจไม่ระบุจำนวนคะแนนที่จะขายล่วงหน้า แต่อาจกำหนดช่วงเวลาที่ลูกค้าสามารถได้รับคะแนน หรือขายแบบระบุจำนวนคะแนนที่ขายเป็นล็อตใหญ่ (bulk) ก็ได้
ตัวอย่าง ๒
บริษัทผู้ให้คะแนนเป็นห้างสรรพสินค้า (ห้าง) ทำข้อตกลงขายคะแนนให้แก่บริษัทผู้ขอซื้อคะแนนซึ่งเป็นธนาคาร (ธนาคาร) โดยธนาคารกำหนดเงื่อนไขกับลูกค้าของตนซึ่งถือบัตรสมาชิกของห้างด้วย หากลูกค้าใช้บัตรเครดิตมียอดครบ ๒๐,๐๐๐ บาท ภายใน ๑ เดือน ลูกค้าจะได้รับคะแนนสะสมของห้างจำนวน ๕๐๐ คะแนน (คะแนนห้างคะแนนละ ๐.๒๐ บาท) เมื่อถึงสิ้นเดือนมีลูกค้าใช้บัตรเครดิตครบยอดตามที่กำหนด ธนาคารจะแจ้งชื่อลูกค้าไปยังห้าง และห้างจะโอนคะแนน ๕๐๐ คะแนนให้แก่ลูกค้า โดยโอนเข้าบัตรของห้างซึ่งเป็นของลูกค้านั้น จากนั้นห้างจะเรียกเก็บค่าคะแนนสะสมจากธนาคารจำนวน ๑๐๐ บาท (คะแนนห้างคะแนนละ ๐.๒๐ บาท จำนวน ๕๐๐ คะแนน = ๑๐๐ บาท) (รายละเอียดปรากฏตามเอกสารแนบ ๑) หารือดังนี้
๑. การโอนขายคะแนนสะสมระหว่างบริษัทผู้ให้คะแนนสะสมด้วยกัน และการโอนขายคะแนนสะสมให้แก่บริษัทผู้ขอซื้อคะแนน อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และอากรแสตมป์ หรือไม่
๒. กรณีบริษัทผู้ให้คะแนนว่าจ้างบริษัทบริหารคะแนนมาบริหารคะแนนสะสม ค่าตอบแทน
ในการบริหารคะแนนดังกล่าวถือเป็นค่าบริการที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และอากรแสตมป์ หรือไม่
|
แนววินิจฉัย |
๑. การโอนคะแนนสะสมระหว่างผู้ออกคะแนนสะสมตาม ๓.๑ ตัวอย่างที่ ๑
ลูกค้าเป็นสมาชิกของห้างสรรพสินค้าซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้คะแนนสะสมที่ ๑ (ห้าง) และเป็นสมาชิกของบริษัทผู้ให้คะแนนสะสมที่ ๒ (ปั๊มน้ำมัน)โดยห้างและปั๊มน้ำมันได้มีการตกลงและยินยอมให้ลูกค้าสามารถโอนคะแนนสะสมจากบัตรหนึ่งไปยังอีกบัตรหนึ่งเพื่อใช้ซื้อสินค้าหรือรับบริการจากผู้ประกอบการทั้งสองรายดังกล่าวได้ ซึ่งกรณีตามข้อเท็จจริงลูกค้าต้องการใช้คะแนนสะสมของปั๊มน้ำมันแทนเงินสดในการเติมน้ำมัน ๙๐๐ บาท แต่ลูกค้ามีคะแนนสะสมในบัตรของปั๊มน้ำมันเพียง ๓,๐๐๐ คะแนน ซึ่งเทียบเท่าเงินสด ๔๕๐ บาท ลูกค้าจึงโอนคะแนนสะสมของห้าง ๒,๒๕๐ คะแนน (ซึ่งเทียบเท่าเงินสด ๔๕๐ บาท) โอนมาเป็นคะแนนปั๊มน้ำมัน ๓,๐๐๐ คะแนน เมื่อนำคะแนนของห้างไปรวมกับคะแนนของปั๊มน้ำมันที่ลูกค้ามีอยู่ ลูกค้าสามารถนำคะแนนดังกล่าวไปใช้แทนเงินสดในการเติมน้ำมันในราคา ๙๐๐ บาท และสิ้นเดือนปั๊มน้ำมันจะสรุปยอดและเรียกเก็บเงินจากห้าง ๔๕๐ บาท สำหรับค่าคะแนนสะสมเท่าจำนวนมูลค่าน้ำมันที่ลูกค้าซื้อโดยใช้คะแนนสะสมที่ห้างโอนมานั้น เป็นกรณีห้างโอนคะแนนสะสมของลูกค้าผู้ถือบัตรเพื่อแลกเป็นคะแนนสะสมของปั๊มน้ำมัน ซึ่งเป็นการโอนคะแนนสะสมที่มีมูลค่าเทียบเท่าเงินสดเพื่อนำไปใช้ในการซื้อสินค้าหรือบริการ ไม่เข้าลักษณะเป็นการขายสินค้าหรือให้บริการ ตามมาตรา ๗๗/๑ (๘) (๙) และ (๑๐) แห่งประมวลรัษฎากร แต่อย่างใด ทั้งนี้ ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มของปั๊มน้ำมันจะเกิดขึ้นตอนที่ลูกค้าซื้อสินค้า (เติมน้ำมัน) โดยใช้คะแนนสะสมที่มีมูลค่าเทียบเท่าเงินสดในการชำระค่าสินค้า ซึ่งฐานภาษีสำหรับการขายสินค้าดังกล่าวได้แก่มูลค่าทั้งหมดที่ปั๊มน้ำมันได้รับหรือพึงได้รับจากการขายสินค้านั้น ตามมาตรา ๗๙ แห่งประมวลรัษฎากร
๒. การโอนขายคะแนนสะสมให้บริษัทผู้ขอซื้อคะแนนตาม ๓.๒ ตัวอย่างที่ ๒
ลูกค้าเป็นสมาชิกผู้ใช้บัตรเครดิตของบริษัทผู้ขอซื้อคะแนน (ธนาคาร) และเป็นสมาชิกของบริษัทผู้ให้คะแนนสะสมซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้า (ห้าง) หากลูกค้าใช้บัตรเครดิตของธนาคารโดยมียอดใช้จ่ายครบ ๒๐,๐๐๐ บาท ภายใน ๑ เดือน ลูกค้าจะได้รับคะแนนสะสมของห้างจำนวน ๕๐๐ คะแนน (คะแนนห้างคะแนนละ ๐.๒๐ บาท) เมื่อถึงสิ้นเดือนธนาคารจะแจ้งชื่อลูกค้าที่ใช้บัตรเครดิตครบยอดตามที่กำหนดไปยังห้างและห้างจะโอนคะแนน ๕๐๐ คะแนนให้แก่ลูกค้าแต่ละราย โดยโอนเข้าบัตรของห้างซึ่งเป็นของลูกค้านั้น จากนั้นห้างจะเรียกเก็บค่าคะแนนดังกล่าวจากธนาคารจำนวน ๑๐๐ บาท ต่อลูกค้าหนึ่งราย กรณีดังกล่าวเป็นกรณีธนาคารขอซื้อคะแนนสะสมของห้าง เพื่อนำคะแนนสะสมของห้างไปแจกลูกค้าของตนเองซึ่งเป็นลูกค้าของห้างด้วย โดยห้างจะโอนคะแนนเพิ่มเติมเข้าไปในบัตรของลูกค้าตามรายชื่อที่ธนาคารแจ้ง และธนาคารจะชำระราคาค่าคะแนนสะสมให้แก่ห้าง ซึ่งคะแนนสะสมดังกล่าวจะมีมูลค่าเทียบเท่าเงินสดตามที่ห้างกำหนดซึ่งลูกค้ายังไม่ได้นำคะแนนดังกล่าวไปใช้ในการซื้อสินค้าหรือบริการ จึงเป็นการโอนคะแนนสะสมที่มีมูลค่าเทียบเท่าเงินสดเพื่อนำไปใช้ในการซื้อสินค้าหรือบริการ กรณีดังกล่าวไม่เข้าลักษณะเป็นการขายสินค้าหรือให้บริการ ตามมาตรา ๗๗/๑ (๘) (๙) และ (๑๐) แห่งประมวลรัษฎากร แต่อย่างใด
๓. กรณีการจ่ายเงินค่าคะแนนสะสมตาม ๓.๑ ตัวอย่างที่ ๑ และตาม ๓.๒ ตัวอย่างที่ ๒ไม่เข้าลักษณะเป็นการจ่ายเงินได้พึงประเมินที่จะต้องถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย และไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องปิดอากรแสตมป์แต่อย่างใด
๔. กรณีบริษัทผู้ให้คะแนนสะสมว่าจ้างให้บุคคลภายนอกมาบริหารคะแนนสะสม ซึ่งเป็นการบริหารจัดการในกระบวนการเกี่ยวกับการจัดทำระบบคะแนนสะสม อันคำนึงถึงผลสำเร็จของงานเป็นสำคัญเข้าลักษณะเป็นสัญญาจ้างทำของ ซึ่งถือเป็นการให้บริการที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา ๗๗/๑ (๑๐) และมาตรา ๗๗/๒ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร เงินค่าตอบแทนที่บุคคลภายนอกได้รับนั้นจึงอยู่ในบังคับต้องถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตามข้อ ๘ ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. ๔/๒๕๒๘ฯ ลงวันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒๘ และกรณีดังกล่าวเข้าลักษณะแห่งตราสาร ๔. จ้างทำของ แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์อยู่ในบังคับต้องเสียอากรแสตมป์ตามอัตราและวิธีการที่กำหนดไว้ในบัญชีอัตราอากรแสตมป์ตามบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากร
|
เลขตู้ |
: ๘๑/๔๐๘๑๒ |