เลขที่หนังสือ |
: กค ๐๗๐๒/๖๙๗๓ |
วันที่ |
: ๗ กันยายน ๒๕๖๑ |
เรื่อง |
: ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการประกอบวิชาชีพอิสระ |
ข้อกฎหมาย |
: มาตรา ๔๐ (๖) มาตรา ๘๑ (๑) (ญ) มาตรา ๘๑/๓, มาตรา๘๕/๑๐ มาตรา ๘๙/๑, มาตรา ๘๙(๖) และมาตรา ๙๐/๔ (๓) แห่งประมวลรัษฎากร |
ข้อหารือ |
นาย ก.หารือข้อกฎหมายเกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการประกอบวิชาชีพอิสระ โดยมีรายละเอียดสรุปได้ดังนี้
๑. นาย ก.ประกอบวิชาชีพอิสระ (ประกอบโรคศิลปะ) รักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องเส้นผมและหนังศีรษะ (ผมบาง) ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ตามหนังสือแพทยสภา เมื่อวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๕ การคิดค่ารักษาพยาบาล นาย ก.จะคิดตามความยากง่ายประกอบกับระยะเวลาที่ใช้ในการรักษาของผู้ป่วยแต่ละราย
๒. นาย ก.ได้เปิดคลินิกเวชกรรมเฉพาะทาง สาขาศัลยกรรมทั่วไป ประเภทที่ไม่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน ตามใบอนุญาตให้ดำเนินการสถานพยาบาล ลงวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ จดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการภาษีมูลค่าเพิ่มตามคำแนะนำของสำนักงานสรรพากรพื้นที่เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๓ ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๖ นาย ก.ได้ย้ายสถานประกอบการ
๓. ตั้งแต่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๓ จนถึงปัจจุบัน นาย ก. มีรายได้จากค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องเส้นผมและหนังศีรษะ (ผมบาง) เท่านั้น โดยไม่มีรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ เช่น สบู่ แชมพู ยา อื่น ๆ เป็นต้น ให้แก่บุคคลทั่วไปที่ไม่ต้องผ่านการตรวจรักษาจากท่าน ซึ่งในการตรวจรักษาทุกครั้ง นาย ก. ได้ออกใบกำกับภาษีและนำรายได้ที่ได้รับไปยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.๓๐) ภายในวันที่ ๑๕ ของเดือนถัดไป นอกจากนี้ยังได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.๙๐ และ ภ.ง.ด.๙๔) แสดงค่าตอบแทนที่ได้รับเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๖) แห่งประมวลรัษฎากร
ในแต่ละปีภาษีอีกด้วย
นาย ก. จึงหารือว่า การเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าวถูกต้อง
ตามประมวลรัษฎากรหรือไม่ อย่างไร
|
แนววินิจฉัย |
กรณี นาย ก. รักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องเส้นผมและหนังศีรษะ (ผมบาง) ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ตามหนังสือแพทยสภา เมื่อวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๕ เข้าลักษณะเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ตามมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. ๒๕๒๕ เมื่อนาย ก.ประกอบกิจการสถานพยาบาลที่ไม่มีเตียงรับผู้ป่วยไว้ค้างคืนแผนปัจจุบัน สาขาศัลยกรรมทั่วไป โดยได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑ ตามใบอนุญาตให้ดำเนินการสถานพยาบาลเลขที่ ลงวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ใช้ชื่อสถานพยาบาล ก.คลินิกเวชกรรมเฉพาะทางศัลยกรรมทั่วไป และใบอนุญาตเลขที่ดังกล่าวได้ระบุให้ใช้ได้เฉพาะสถานที่ประกอบกิจการสถานพยาบาลที่ระบุไว้ในใบอนุญาตเท่านั้น ดังนั้น การเสียภาษีตามประมวลรัษฎากร อาจพิจารณาได้ดังนี้
๑. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีนาย ก ได้รับค่าตอบแทนจากค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องเส้นผมและหนังศีรษะ (ผมบาง) ค่าตอบแทนที่ได้รับถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๖) แห่งประมวลรัษฎากร นายก.จึงมีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเมื่อมีเงินได้ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด โดยให้ยื่นแบบแสดงรายการและเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปีละ ๒ ครั้ง คือ ยื่นแบบ ภ.ง.ด. ๙๔ ภายในเดือนกันยายนของปีภาษีและยื่นแบบ ภ.ง.ด. ๙๐ ภายในเดือนมีนาคมของปีถัดไป ตามมาตรา ๕๖ ทวิ และมาตรา ๕๖ แห่งประมวลรัษฎากร
๒. ภาษีมูลค่าเพิ่ม เนื่องจากผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาลตามมาตรา ๑๙ แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑ ได้ให้บริการแก่ผู้ป่วย ณ สถานประกอบการตามที่ระบุไว้ในใบอนุญาต เข้าลักษณะเป็นการให้บริการรักษาพยาบาลของสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล ซึ่งได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๘๑ (๑) (ญ) แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น กรณีตามข้อเท็จจริง นาย ก.ประกอบกิจการรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องเส้นผมและหนังศีรษะ (ผมบาง) โดยไม่ได้ประกอบกิจการอย่างอื่นที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยได้จดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๓ และได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑ เมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ จึงเข้าลักษณะเป็นการให้บริการรักษาพยาบาลของสถานพยาบาล ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๘๑ (๑) (ญ) แห่งประมวลรัษฎากร นาย ก.ไม่มีหน้าที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และไม่มีสิทธิแจ้งต่ออธิบดีกรมสรรพากรเพื่อขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๘๑/๓ แห่งประมวลรัษฎากร เมื่อท่านได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้โดยสำคัญผิดในข้อกฎหมาย จึงไม่มีสถานะเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามกฎหมายตั้งแต่เริ่มประกอบการ นาย ก.ต้องไปดำเนินการขอถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และการขอถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าวไม่เข้าลักษณะตามมาตรา ๘๕/๑๐ แห่งประมวลรัษฎากร
นาย ก.กรณียื่นแบบ (ภ.พ.๓๐) ตามจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มตามใบกำกับภาษีที่ออกโดย
ไม่มีสิทธิที่จะออกตามกฎหมาย โดยนำภาษีซื้อมาขอเครดิตออกจากภาษีขายและได้นำส่งส่วนต่างให้กรมสรรพากรไว้แล้ว จึงมีผลเป็นการนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต้องรับผิดตามใบกำกับภาษีดังกล่าวบางส่วนเท่านั้น ท่านจึงต้องรับผิดชำระภาษีมูลค่าเพิ่มตามจำนวนที่ปรากฏในใบกำกับภาษีในส่วนที่เสียภาษีขาดพร้อมเงินเพิ่มตามมาตรา ๘๙/๑ แห่งประมวลรัษฎากรของภาษีที่เสียไว้ขาด นอกจากนี้ นาย ก.ยังต้องรับผิดเสียเบี้ยปรับและค่าปรับทางอาญากรณีออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิที่จะออกตามกฎหมายตามมาตรา ๘๙ (๖) และ
มาตรา ๙๐/๔ (๓) แห่งประมวลรัษฎากรอีกด้วย
|
เลขตู้ |
: ๘๑/๔๐๗๙๓ |