ขออภัยมีข้อจำกัดในการแสดงผล
รูปเส้นประเกี่ยวกับกรมสรรพากรรูปเส้นประห้องข่าวรูปเส้นประบริการอิเล็กทรอนิกส์รูปเส้นประความรู้เรื่องภาษีรูปเส้นประบริการข้อมูลรูปเส้นประอ้างอิงรูปเส้นประFAQ
รูปมุมซ้าย รูปมุมขวา
ค้นหาขั้นสูง
ความช่วยเหลือ
 


เลขที่หนังสือ : กค.๐๗๐๒/๖๘๖๗
วันที่ : ๓ กันยายน ๒๕๖๑
เรื่อง : ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีเงินสำรองเบี้ยประกันภัย
ข้อกฎหมาย : มาตรา ๖๕ ตรี (๑) (ก) แห่งประมวลรัษฎากร
ข้อหารือ           ๑. บริษัทฯ เป็นสาขาของบริษัท อ. ซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมายของเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ประกอบธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทย
          ๒. บริษัทฯ คำนวณเงินสำรองทางบัญชีตามมาตรฐานการบัญชีของไทย (THGAAP) โดยใช้วิธี เบี้ยประกันภัยสุทธิ (Net Premium Valuation หรือ NPV) ซึ่งเป็นวิธีที่ยอมรับกันโดยทั่วไป วิธี NPVได้ถูกกำหนดให้ใช้โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)
          ๓. บริษัทฯ เข้าใจว่า ในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล บริษัทฯ มีสิทธิ หักรายจ่ายตามมาตรา ๖๕ ตรี (๑) (ก) แห่งประมวลรัษฎากร ในอัตราร้อยละ ๖๕ ของเบี้ยประกันภัยสุทธิในแต่ละรอบบัญชี โดยไม่ต้องคำนึงถึงเงินสำรองทางบัญชี ส่งผลให้เงินสำรองทางภาษีในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีอาจสูงกว่า ต่ำกว่าหรือเท่ากับจำนวนเงินสำรองทางบัญชีในรอบระยะเวลาบัญชีเดียวกัน ดังตัวอย่างต่อไปนี้
                          ปี                      ๑           ๒           ๓           ๔
          เบี้ยประกันภัยสุทธิที่ได้รับ  ๑๐,๐๐๐  ๑๐,๐๐๐  ๑๐,๐๐๐  ๑๐,๐๐๐
          เงินสำรองทางบัญชี           ๗,๕๐๐     ๔,๐๐๐    ๘,๐๐๐    ๓,๕๐๐
          เงินสำรองทางภาษี             ๖,๕๐๐      ๖,๕๐๐    ๖,๕๐๐    ๖,๕๐๐
แนววินิจฉัย           ๑. เงินสำรองตามมาตรา ๖๕ ตรี (๑) แห่งประมวลรัษฎากร หมายถึง เงินสำรองในทางบัญชีที่บริษัทได้กันไว้เผื่อใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ของบริษัท ซึ่งเงินสำรองดังกล่าวต้องห้ามไม่ให้ลงเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล เว้นแต่กรณีเงินสำรองจากเบี้ยประกันภัยและเงินสำรองที่กันไว้เป็นค่าเผื่อหนี้สูญหรือหนี้สงสัยจะสูญตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในมาตรา ๖๕ ตรี (๑) (ก) (ข) และ (ค) แห่งประมวลรัษฎากร
          ๒. กรณีบริษัทฯ ได้กันเงินสำรองเบี้ยประกันภัยเพื่อสมทบทุนประกันชีวิตในทางบัญชีต่ำกว่าร้อยละ ๖๕ ของจำนวนเบี้ยประกันภัยที่ได้รับในรอบระยะเวลาบัญชีหลังจากหักเบี้ยประกันภัย ซึ่งเอาประกันภัยต่อออกแล้ว บริษัทฯ มีสิทธินำเงินสำรองตามจำนวนที่กันไว้จริงทางบัญชี ไปรวมคำนวณ เป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ทั้งจำนวน แต่หากบริษัทฯ ได้กันเงินสำรองเบี้ยประกันภัยเพื่อสมทบทุนประกันชีวิตในทางบัญชีสูงกว่าร้อยละ ๖๕ ของจำนวนเบี้ยประกันภัยที่ได้รับในรอบระยะเวลาบัญชีหลังจากหักเบี้ยประกันภัยซึ่งเอาประกันภัยต่อออกแล้ว บริษัทฯ มีสิทธินำเงินสำรองทางบัญชีตามจำนวนที่กันไว้จริงมาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ ไม่เกินร้อยละ ๖๕ ของจำนวนเบี้ยประกันภัยที่ได้รับในรอบระยะเวลาบัญชีหลังจากหักเบี้ยประกันภัยซึ่งเอาประกันภัยต่อออกแล้ว สำหรับเงินสำรองทางบัญชีในส่วนที่เกิน ถือเป็นรายจ่ายต้องห้ามในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา ๖๕ ตรี (๑) (ก) แห่งประมวลรัษฎากร
เลขตู้ : ๘๑/๔๐๗๘๗
clear-gif

WCAG 2.0 (Level AA)

Last update :
 Saturday, November 24, 2018

 
รูปมุมซ้าย
หน้าหลักรูปเส้นประEnglishรูปเส้นประแผนผังเว็บไซต์รูปเส้นประแนะนำเว็บไซต์รูปเส้นประติดต่อกรมสรรพากรรูปเส้นประ


 
สงวนลิขสิทธิ์โดยกรมสรรพากร : Website Policy : Privacy Policy : Website Security Policy : Disclaimer
 
กรมสรรพากร 90 ซอยพหลโยธิน 7 ถนนพหลโยธิน แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทร. 1161