|
|
เลขที่หนังสือ |
: กค ๐๗๐๒/พ.๖๙๑๐ |
วันที่ |
: ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ |
เรื่อง |
: ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มของสถาบัน |
ข้อกฎหมาย |
: มาตรา ๗๗/๑ มาตรา ๗๗/๒ มาตรา ๘๒/๑ และมาตรา ๘๕/๑ |
ข้อหารือ |
๑. สถาบันฯ จัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้ง (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นหน่วยงานของรัฐในรูปแบบองค์การมหาชนและเป็นนิติบุคคลในการกำกับดูแลของนายกรัฐมนตรี เป็นหน่วยงานที่ไม่แสวงหากำไร ตามมาตรา ๔ มาตรา ๕ และมาตรา ๔๐ แห่งพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว สถาบันฯ มีวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งตามมาตรา ๗ แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ ดังนี้
(๑) ดำเนินการศึกษาวิจัยและพัฒนาระบบคุณวุฒิวิชาชีพ
(๒) ส่งเสริมและสนับสนุนกลุ่มอาชีพหรือกลุ่มวิชาชีพในการจัดทำมาตรฐานอาชีพ
(๓) ให้การรับรององค์กรที่มีหน้าที่รับรองสมรรถนะของบุคคลตามมาตรฐานอาชีพ
(๔) เป็นศูนย์กลางข้อมูลเกี่ยวกับระบบคุณวุฒิวิชาชีพและมาตรฐานอาชีพ
(๕) ติดตามและประเมินผลองค์กรที่มีหน้าที่รับรองสมรรถนะของบุคคลตามมาตรฐานอาชีพ รวมทั้งระบบคุณวุฒิวิชาชีพเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความโปร่งใสและยุติธรรม
(๖) ส่งเสริม สนับสนุน และประสานความร่วมมือกับสถานศึกษา ศูนย์หรือสถาบันฝึกอบรมสถานประกอบการ หน่วยงานของรัฐ และองค์กรเอกชนในการเผยแพร่ระบบคุณวุฒิวิชาชีพและมาตรฐานอาชีพ
๒. สถาบันฯ ศึกษาวิจัยและพัฒนาระบบคุณวุฒิวิชาชีพ ส่งเสริมสนับสนุนกลุ่มอาชีพ
หรือกลุ่มวิชาชีพในการจัดทำมาตรฐานอาชีพ โดยไม่รวมถึงวิชาชีพขององค์กรวิชาชีพที่มีกฎหมายจัดตั้งขึ้นเป็นการเฉพาะ เช่น แพทย์ พยาบาล วิศวกร ผู้ตรวจสอบบัญชีรับอนุญาต ทนายความ เป็นต้น เพื่อพัฒนาระบบคุณวุฒิวิชาชีพ ด้านการศึกษา พัฒนากำลังคนของประเทศให้มีประสิทธิภาพ มีสมรรถนะ ความรู้ ทักษะ และความสามารถในการทำงานตามมาตรฐานอาชีพที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานมากยิ่งขึ้น โดยการขับเคลื่อนประเทศไปสู่การเป็นเศรษฐกิจสังคมฐานความรู้ ยกระดับการผลิตและการบริการที่ใช้องค์ความรู้และการพัฒนานวัตกรรมใหม่ในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยสถาบันฯ ให้การรับรององค์กรที่มีหน้าที่รับรองสมรรถนะของบุคคลตามมาตรฐานอาชีพที่สถาบันฯ กำหนด ทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อให้องค์กรฯ นั้น ดำเนินการทดสอบสมรรถนะของผู้เข้ารับการประเมิน (ผู้เข้าทดสอบ) หากผู้นั้นสอบผ่านตามมาตรฐานอาชีพและชั้นในสาขาวิชาชีพนั้น สถาบันฯ จะออกใบประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพ และหนังสือรับรองมาตรฐานอาชีพให้แก่บุคคลนั้น โดยเรียกเก็บค่าธรรมเนียมทางวิชาการ การดำเนินกิจการของสถาบันฯ ได้รับการจัดสรรงบประมาณประจำปีจากรัฐบาล ในหมวดงบอุดหนุนทั่วไป สถาบันฯ จึงหารือว่า สถาบันฯ ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ อย่างไร
|
แนววินิจฉัย |
สถาบันฯ เป็นหน่วยงานของรัฐภายใต้การกำกับดูแลของนายกรัฐมนตรี จัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้ง (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๔ หากสถาบันฯ มีรายได้จากการขายสินค้าหรือให้บริการแก่บุคคลทั่วไป สถาบันฯ ย่อมอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา ๗๗/๑ (๕) (๘) (๑๐) มาตรา ๗๗/๒ และมาตรา ๘๒ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร สถาบันฯ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการขายสินค้าหรือให้บริการในทางธุรกิจหรือวิชาชีพ มีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และหากสถาบันฯ มีรายได้จากการขายสินค้าหรือให้บริการดังกล่าวเกินกว่าหนึ่งล้านแปดแสนบาทต่อปี สถาบันฯ มีหน้าที่ต้องยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายในสามสิบวันนับแต่วันที่มูลค่าของฐานภาษีในการประกอบกิจการเกินกว่ามูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อม ทั้งนี้ ตามมาตรา ๘๕/๑ แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดมูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมซึ่งได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๔๓๒) พ.ศ. ๒๕๔๘ |
เลขตู้ |
: ๘๐/๔๐๔๙๑ |

|
|
Last update : Saturday, December 16, 2017
|
|
|
|