พระราชกฤษฎีกา
กำหนดบริษัทที่ให้ใช้ความในหมวด
๗ ทวิ
แห่งพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม
พ.ศ. ๒๕๑๔ บังคับ
พ.ศ.
๒๕๓๔
-------------
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๔
เป็นปีที่ ๔๖ ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
มีพระบรมราชโอการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดบริษัทที่ให้ใช้ความในหมวด
๗ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ บังคับ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา
๒๕ แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช ๒๕๓๔ และมาตรา ๖๕ ทวิ
วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม
พ.ศ. ๒๕๑๔
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ๓)
พ.ศ. ๒๕๒๒
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ดังต่อไปนี้
มาตรา
๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า
"พระราชกฤษฎีกากำหนดบริษัทที่ให้ใช้ความในหมวด ๗ ทวิ
แห่งพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ บังคับ
พ.ศ. ๒๕๓๔"
มาตรา
๒
พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา
๓
ให้บริษัทดังต่อไปนี้เป็นบริษัทที่ให้ใช้ความในหมวด ๗ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติภาษี
เงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับ
(๑)
บริษัทซึ่งได้รับสัมปทานปิโตรเลียม ในปี พ.ศ. ๒๕๒๒ และได้ทำสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติกับการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยในปี พ.ศ.
๒๕๓๓
(๒)
บริษัทซึ่งได้รับสัมปทานปิโตรเลียม ในปี พ.ศ. ๒๕๒๔ และได้ทำสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติกับบริษัท ตาม (๑) ในปี พ.ศ. ๒๕๓๒
มาตรา
๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
อานันท์ ปันยารชุน
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ : - เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้บริษัทซึ่งได้รับสัมปทานปิโตรเลียม ในปี พ.ศ. ๒๕๒๒
และได้ ทำสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติ
กับการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ในปี พ.ศ. ๒๕๓๓
และบริษัทซึ่งได้รับสัมปทานปิโตรเลียม
ในปี พ.ศ. ๒๕๒๔ และได้ทำสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติในปี พ.ศ.
๒๕๓๒ กับบริษัทซึ่งได้รับ
สัมปทานปิโตรเลียมในปี พ.ศ. ๒๕๒๒ ดังกล่าว
เป็นบริษัทที่ให้ใช้ความในหมวด ๗ ทวิ แห่ง
พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติภาษี
เงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับ
เพื่อให้บริษัทดังกล่าวสามารถนำภาษีเงินได้
ที่ได้ชำระในประเทศไทยตามกฎหมายดังกล่าวไปเป็นเครดิตหักออกจากภาษีเงินได้ที่ต้องชำระ
ในต่างประเทศได้
อันจะก่อให้เกิดความเป็นธรรมทางภาษีอากรยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตรา
พระราชกฤษฎีกานี้
[รก. ๒๕๓๔/๑๒๗/๓๐พ/๒๒ กรกฎาคม ๒๕๓๔]