เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2540 บริษัท A จำกัด ได้นำโฉนดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง โดยนาย ก. และนาย B เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์รวมร่วมกับนาย C (กรรมการผู้จัดการบริษัท A จำกัด) และนาย D มาจดทะเบียนจำนองเป็นประกันหนี้เงินกู้กับ ธนาคาร จำกัด (มหาชน) และนาย ก. ได้เข้ามาเป็นผู้ค้ำประกันร่วมกับลูกหนี้รายดังกล่าว และต่อมาปี พ.ศ. 2542 บริษัทฯ ประสบปัญหาการดำเนินธุรกิจ อันเป็นผลกระทบมาจากภาวะเศรษฐกิจในขณะนั้น ทำให้บริษัทฯ ซึ่งเป็นลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้สินเชื่อให้แก่เจ้าหนี้ตามจำนวนเงินและหรือตามกำหนดเวลาที่ตกลงไว้กับเจ้าหนี้ได้ และนาย C ซึ่งเป็นผู้บริหารของบริษัทฯ ได้หลบหนีไป นาย ก. ในฐานะผู้ค้ำประกันลูกหนี้รายดังกล่าว ไม่สามารถ
นำเงินมาชำระหนี้ดังกล่าวได้ จึงได้ทำการขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งเป็นหลักทรัพย์ที่นำมา
จดทะเบียนจำนองเป็นประกันลูกหนี้รายดังกล่าวให้กับผู้ค้ำประกันร่วม คือ นาย D เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2547 เพื่อนำไปชำระหนี้ที่ค้างชำระแก่เจ้าหนี้ที่สถาบันการเงินดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันนาย ก.
ได้ชำระหนี้เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว
จึงหารือว่า เงินที่ได้รับจากการโอนอสังหาริมทรัพย์ของลูกหนี้สถาบันการเงิน
ที่นำมาจำนองเป็นประกันหนี้ของเจ้าหนี้สถาบันการเงินให้แก่ผู้อื่นซึ่งมิใช่เจ้าหนี้ที่เป็นสถาบันการเงิน เพื่อนำไปชำระหนี้ที่ค้างชำระแก่เจ้าหนี้ที่เป็นสถาบันการเงินในกรณีของลูกหนี้ราย บริษัท A จำกัด และนาย ก. ในฐานะเป็นผู้ค้ำประกันร่วมของลูกหนี้รายดังกล่าว อยู่ในหลักเกณฑ์ วิธีการ และ
เงื่อนไขของการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ตามพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 418) พ.ศ. 2547 หรือไม่
|