กรณีกรมสรรพากรได้ส่งสำเนาประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง กำหนดสถาบันการเงินตามมาตรา 3(7) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 418) พ.ศ. 2547 และส่งโทรสารสำเนาประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง กำหนดสถาบันการเงินตามมาตรา 3(7) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 410) พ.ศ. 2545 ที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนดให้บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) ตามกฎหมายว่าด้วยบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย พ.ศ. 2544 เป็นสถาบันการเงินให้กรมที่ดินทราบนั้น กรมที่ดินได้ส่งสำเนาประกาศอธิบดีกรมสรรพากรทั้งสองฉบับ พร้อมทั้งแจ้งแนวทางปฏิบัติในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม และการเรียกเอกสารหลักฐานเพื่อประกอบการพิจารณาลดหย่อนค่าธรรมเนียมและภาษีอากร อันเนื่องมาจากการปรับโครงสร้างหนี้ของ บสท. ให้เจ้าหน้าที่ที่ดินทราบและถือปฏิบัติ พร้อมทั้งแจ้งให้ บสท. ทราบเพื่อจะได้จัดเตรียมเอกสารหลักฐานประกอบการขอรับสิทธิประโยชน์ได้อย่างถูกต้องต่อไป
ต่อมา บสท. ได้มีหนังสือขอยกเว้นไม่ระบุและแนบสำเนาภาพถ่ายหลักฐานการให้สินเชื่อ และหนังสือสัญญาค้ำประกัน ตามข้อ 2 ของหนังสือรับรองการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ฯ และหนังสือรับรองการโอนอสังหาริมทรัพย์ของลูกหนี้ของสถาบันการเงินให้แก่ผู้อื่นซึ่งมิใช่เจ้าหน้าที่เป็นสถาบันการเงินฯ โดย บสท. จะขอใช้หนังสือรับรองการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ฯ หนังสือรับรองการโอนอสังหาริมทรัพย์ฯ หลักฐานการโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพตามมาตรา 39 แห่งพระราชกำหนดบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย พ.ศ. 2544 หนังสือที่ ธปท. สกส.(02) 165/2547 ลงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2547 ประกอบกับสำเนาสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ที่ทำขึ้นระหว่าง บสท. กับลูกหนี้ เป็นเอกสารประกอบการพิจารณาให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรและค่าธรรมเนียมของแต่ละกรณี ๆ ไปทุกกรณี
กรมที่ดินเห็นว่า เอกสารทั้ง 5 รายการที่ บสท. แจ้งมาเพียงพอที่จะใช้เป็นหลักฐานยืนยันความเป็นเจ้าหนี้ ลูกหนี้ และภาระหนี้ที่ บสท. และลูกหนี้มีต่อกันแล้ว จึงไม่ขัดข้องหาก บสท. จะใช้เอกสารทั้งห้ารายการดังกล่าวประกอบการขอรับสิทธิประโยชน์ในการปรับโครงสร้างหนี้ของ บสท. แต่จากการ
ตรวจสอบพบว่าหนังสือรับรองการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ฯ และหนังสือรับรองการโอนอสังหาริมทรัพย์ฯ ที่ บสท. ส่งให้กรมที่ดินพร้อมสิ่งที่ส่งมาด้วย 3. นั้น มีข้อความบางส่วนไม่ตรงกับตัวอย่างหนังสือรับรองการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ฯ และหนังสือรับรองการโอนอสังหาริมทรัพย์ฯ ที่กรมสรรพากรจัดทำส่งให้
กรมที่ดินเพื่อเป็นหลักฐานประกอบการขอรับสิทธิประโยชน์
กรมที่ดินจึงขอทราบว่า หาก บสท. จะใช้เอกสารหลักฐานตามที่กล่าวข้างต้นเป็นหลักฐานประกอบการขอรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรตามพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 418) พ.ศ. 2547 กรมสรรพากรจะขัดข้องหรือไม่ หรือมีความเห็นเป็นประการใด เพื่อจะได้แจ้งให้ บสท. และพนักงานเจ้าหน้าที่ในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมทราบและดำเนินการต่อไป
|