1. กรณีองค์การ ก. ร่วมกับบริษัทฯ ดำเนินกิจการตลาดขายปลีกและตลาดสดโดยมีข้อตกลงว่าหากกิจการมีกำไรให้แบ่งผลประโยชน์จากกำไรสุทธิก่อนหักภาษีเงินได้ตามสัดส่วนที่กำหนด นั้น การดำเนินกิจการดังกล่าวไม่เข้าลักษณะเป็น กิจการร่วมค้า เพราะมิได้เป็นการดำเนินการร่วมกันเป็นทางค้าหรือหากำไรระหว่างบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลกับนิติบุคคลอื่น ตามมาตรา 39 แห่งประมวลรัษฎากร แต่เป็นกรณีที่บริษัทฯ มีรายได้เนื่องจากการประกอบธุรกิจ
ตลาด ก. ซึ่งต้องนำรายได้จากการประกอบการมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามมาตรา 65 แห่งประมวลรัษฎากร
2. กรณีองค์การ ก. จัดทำโครงการสนับสนุนสินเชื่อในการจัดหาปุ๋ยเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร โดยได้รับเงินงบประมาณจากกรมส่งเสริมการเกษตรเข้าบัญชี กองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรโครงการสนับสนุนสินเชื่อในการจัดหาปุ๋ย เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรปี 2544 (เงินทุนหมุนเวียนเกษตรกรรายย่อยลูกค้า องค์การ ก.) และกำหนดให้ องค์การ ก. ต้องส่งเงินยืม เงินเหลือจ่ายพร้อมดอกผลที่เกิดขึ้น (หลังจากหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการร้อยละ 2 ของเงินที่ให้เกษตรกรรายย่อยกู้ยืมจริง) ดังนั้น
2.1 กรณีองค์การ ก. ได้รับเงินค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานร้อยละ 2 ของวงเงินที่ให้เกษตรกรกู้ยืม
ภาษีเงินได้นิติบุคคล องค์การ ก. เป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการจัดตั้งองค์การของรัฐบาล พ.ศ. 2496 มีฐานะเป็นองค์การของรัฐบาล ตามมาตรา 2 แห่งประมวลรัษฎากร ไม่เข้าลักษณะเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ตามมาตรา 39 แห่งประมวลรัษฎากร องค์การ ก. จึงไม่มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้แต่อย่างใด
ภาษีมูลค่าเพิ่ม การดำเนินงานกรณีดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นการให้บริการ ตามมาตรา 77/1(10) แห่งประมวลรัษฎากร องค์การ ก. จึงต้องนำรายรับมารวมคำนวณเป็นมูลค่าของฐานภาษี ตามมาตรา 79 แห่งประมวลรัษฎากร
2.2 กรณีดอกเบี้ยจากบัญชีกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรฯ นั้น องค์การ ก. ดำเนินการในฐานะเป็นตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจากกรมส่งเสริมการเกษตร ดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจึงมิใช่รายได้ขององค์การ ก. ซึ่งจะต้องเสียภาษีแต่ประการใด
|