| นาย จ.ขอคืนภาษีเงินได้นิติบุคคลหัก ณ ที่จ่ายและภาษีธุรกิจเฉพาะ จำนวน 810,714 บาท ระบุมูลเหตุที่ขอคืนเนื่องจากได้รับยกเว้นรัษฎากรตามพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 433) พ.ศ. 2548 ซึ่งมีข้อเท็จจริงว่า ธนาคาร จำกัด (มหาชน) ได้ทำสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ฉบับลงวันที่ 3 ธันวาคม 2544 กับ บริษัท ถ. จำกัด โดยนาย ถ. และบริษัทลิต จำกัด โดยนาย จ. ในฐานะลูกหนี้ สัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ดังกล่าว ลูกหนี้มีบุคคลค้ำประกันและมีที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของนาย ถ. และนาย จ. จดทะเบียนจำนองค้ำประกันรวมจำนวน 48 แปลง ต่อมานาย จ. ลูกหนี้/ผู้ค้ำประกัน ตกลงโอนที่ดินจำนวน 45 แปลง ตีชำระหนี้บางส่วนให้แก่ธนาคารฯ เป็นจำนวนเงิน 203,440,000 บาท ณ วันทำสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โดยในสัญญาฯ ระบุให้ลูกหนี้มีสิทธิขอซื้อหลักทรัพย์ดังกล่าวคืนภายในกำหนดเวลา 3 ปี นับแต่วันจดทะเบียนโอนหลักทรัพย์ตีชำระหนี้ให้แก่ธนาคารฯ โดยลูกหนี้ตกลงเป็นผู้ชำระค่าธรรมเนียมการโอน ค่าภาษีอากร และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2548 นาย จ. ลูกหนี้/ผู้ค้ำประกัน ได้ซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 50376, 50394, 1387, 1429, 46121 คืนจากธนาคารฯ ในราคา 18,853,783 บาท และได้โอนขายที่ดินโฉนดเลขที่ 1387, 1429, 46121 ให้กับการเคหะแห่งชาติในวันเดียวกันในราคา 33,314,400 บาท และนำเงินที่ขายได้ชำระหนี้ที่เหลือให้กับธนาคารฯ จำนวน 20,564,705.93 บาท ซึ่งช่วงของการโอนขายที่ดินระหว่างธนาคารฯ ไปยังลูกหนี้เจ้าพนักงานที่ดินได้เรียกเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลหัก ณ ที่จ่าย และภาษีธุรกิจเฉพาะ ต่อมาธนาคารฯ ยื่นคำร้องขอคืนเงินภาษีอากรจากการโอนที่ดินตามกรณีดังกล่าวจำนวน 810,714 บาท |