Untitled Document
คำชี้แจงกรมสรรพากร
เรื่อง การใช้เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร ๑๓ หลัก
------------------------
ตามที่กรมสรรพากรได้ออกประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง กำหนดให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล และผู้จ่ายเงินได้ซึ่งมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย มีและใช้เลขประจำตัวในการปฏิบัติการตามประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓) ลงวันที่ ๑๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕ ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ เป็นต้นไป มีสาระสำคัญสรุปได้ว่า
๑. ให้บุคคลธรรมดาใช้เลขประจำตัวประชาชนตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร เป็นเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรในการปฏิบัติการตามประมวลรัษฎากร
๒. ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใช้เลขทะเบียนนิติบุคคลที่ออกโดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรในการปฏิบัติการตามประมวลรัษฎากร
เนื่องจากเลขประจำตัวประชาชนตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรเลขทะเบียนนิติบุคคลที่ออกโดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรที่ออกโดยกรมสรรพากรในปัจจุบัน (กรณีที่ผู้เสียภาษีไม่มีเลขประจำตัวประชาชนตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรหรือไม่มีเลขทะเบียนนิติบุคคลที่ออกโดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ให้ใช้เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรที่ออกโดยกรมสรรพากรในการปฏิบัติการตามประมวลรัษฎากร) เป็นเลข ๑๓ หลัก จึงมีผลกระทบต่อเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรเดิมซึ่งเป็นเลข ๑๐ หลัก เป็นเหตุให้ผู้เสียภาษีต้องทำการแก้ไขเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรจากเลขเดิมที่มี ๑๐ หลักเป็นเลข ๑๓ หลัก ซึ่งในการแก้ไขเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรดังกล่าว อาจเกี่ยวข้องกับเอกสารหลายประเภท เช่น หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ใบกำกับภาษี ใบรับ และใบส่งของ เป็นต้น นอกจากนั้น ยังอาจต้องแก้ไขโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการแก้ไข ดังนั้น เพื่อเป็นการบรรเทาภาระของผู้เสียภาษี อธิบดีกรมสรรพากรโดยอนุมัติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะดำเนินการออกประกาศอธิบดีกรมสรรพากรกำหนดให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีและผู้จ่ายเงินได้ซึ่งมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ใช้เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรเดิม (เลข ๑๐ หลัก) ในการปฏิบัติการตามประมวลรัษฎากรต่อไปได้จนถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๖ แต่ไม่รวมถึงการใช้เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้มีหน้าที่เสียภาษี ผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย และผู้มีหน้าที่นำส่งภาษีในการยื่นแบบแสดงรายการภาษี
จึงขอชี้แจงและประกาศมาเพื่อให้ทราบโดยทั่วกัน
กรมสรรพากร
๑๖ มีนาคม ๒๕๕๕
สำนักกฎหมาย
โทร ๐-๒๒๗๒-๙๐๕๗

|