ข้อหารือ | : บริษัทฯ ได้ขอคืนภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปี 2541-2542 โดยบริษัทฯ ได้ยื่นแบบ ภ.ง.ด.50 สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปี 2541 เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน
2542 แสดงกำไรสุทธิจำนวน 487,151,935.26 บาท และได้ชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลจำนวน 118,535,874.15 บาท ต่อมาเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2545
บริษัทฯ ได้ยื่นคำร้องขอคืนภาษีเงินได้นิติบุคคล (แบบ ค.10) ที่ชำระไว้เกิน สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีดังกล่าวจำนวน 32,189,260.50 บาท เพราะมิได้นำรายจ่ายที่เกี่ยวข้อง
กับกิจการมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิจำนวน 107,297,535 บาท หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2548 บริษัทฯ ได้ยื่นแบบ ภ.ง.ด.50 เพิ่มเติม เพื่อปรับปรุง
รายจ่ายในแบบแสดงรายการให้เป็นไปตามข้อเท็จจริงและเหตุผลที่ได้ยื่นแบบ ค.10 ไว้ เมื่อปรับปรุงรายการแล้วมีกำไรสุทธิจำนวน 379,854,400.38 บาท มีภาษีต้องชำระจำนวน
86,346,613.68 บาท หักภาษีที่ชำระตามแบบ ภ.ง.ด.50 ฉบับแรก จำนวน 118,535,874.15 บาท มีภาษีชำระไว้เกินจำนวน 32,189,260.47 บาท |
แนววินิจฉัย | : กรณีบริษัทฯ มีรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2541 วันสุดท้ายของกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 68 แห่งประมวลรัษฎากร
คือ วันที่ 30 พฤษภาคม 2542 การที่บริษัทฯ ได้ยื่นคำร้องขอคืนภาษีเงินได้นิติบุคคล (แบบ ค.10) ในวันที่ 30 พฤษภาคม 2545 เพื่อขอคืนภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับรอบระยะ
เวลาบัญชีปี 2541 ซึ่งได้เสียภาษีไว้เป็นจำนวนเงินเกินกว่าที่ควรต้องเสีย เพราะเหตุที่บริษัทฯ มิได้นำรายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับกิจการจำนวน 107,297,535 บาท มาหักเป็นรายจ่ายในการ
คำนวณกำไรสุทธิ ทำให้มีภาษีชำระไว้เกิน แม้ต่อมาเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2548 บริษัทฯ ได้ยื่นแบบ ภ.ง.ด.50 เพิ่มเติมเพื่อปรับปรุงแบบ ภ.ง.ด.50 สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปี 2541
ก็ตาม เมื่อวันสุดท้ายของการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นวันที่ 30 พฤษภาคม 2542 การที่บริษัทฯ ได้ยื่นคำร้องขอคืนภาษีเงินได้นิติบุคคล (แบบ ค.10) เมื่อวันที่ 30
พฤษภาคม 2545 จึงเป็นการยื่นคำร้องขอคืนภาษีอากรภายในสามปี นับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่นรายการภาษีตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว ตามมาตรา 27 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร |
