เลขที่หนังสือ

: กค 0706/พ./633

วันที่

: 25 มกราคม 2549

เรื่อง

: ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีของดเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม

ข้อกฎหมาย

: มาตรา 80 มาตรา 89(3) และมาตรา 89/1 แห่งประมวลรัษฎากร

ข้อหารือ

: มหาวิทยาลัย ม. ได้เข้าเป็นสถาบันร่วมในโครงการ Higher Education evelopment Project (Loan No 1699-THA)
โครงการย่อย Graduate Study and Research in Agricultural Biotechnology โดยมีมหาวิทยาลัย ก. เป็น
มหาวิทยาลัยแกนนำ ซึ่งโครงการดังกล่าวได้รับเงินทั้งจากเงินกู้ (FX) จากธนาคารพัฒนาเอเซีย (ADB) และจากงบประมาณของรัฐบาล ซึ่งแต่ละสถาบันที่เข้าร่วมโครงการฯ
จะได้รับจัดสรรเงินจากทั้งสองส่วน โดยส่วนที่เป็นงบเงินกู้จะต้องส่งไปเบิกจ่ายที่มหาวิทยาลัย ก. โดยตรง หรือทางสถาบันร่วมในโครงการออกเงินไปก่อน และทำการเบิกคืนจากส่วนเงิน
กู้ภายหลัง มหาวิทยาลัยฯ ได้ซื้อสินค้าประเภทวัสดุและเคมี รวมจำนวนเงิน 723,946.98 บาท จากผู้ประกอบการต่าง ๆ รวม 26 ราย และมหาวิทยาลัยฯ ได้ขอเบิกเงินค่าสินค้า
ดังกล่าวไปยังมหาวิทยาลัย ก. มหาวิทยาลัยฯ ได้รับแจ้งจากมหาวิทยาลัย ก. ว่า ไม่สามารถเบิกจ่ายจากงบเงินกู้ได้ เนื่องจากงบเงินกู้หมด มหาวิทยาลัยฯ จะต้องเบิกจากเงินสมทบของ
รัฐบาล ซึ่งการซื้อสินค้าดังกล่าวมหาวิทยาลัยฯ จะต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย มหาวิทยาลัยฯ จึงขออนุมัติต่อกรมสรรพากร ยกเว้นเบี้ยปรับและเงินเพิ่มให้แก่ผู้ประกอบการดังกล่าว

แนววินิจฉัย

: การขายสินค้าให้กับมหาวิทยาลัยฯ ตามข้อเท็จจริงข้างต้น ผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งเป็นผู้ขายอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ในอัตราร้อยละ 7.0 ตามมาตรา 80 แห่งประมวล
รัษฎากร ดังนั้น เมื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนได้นำมูลค่าของสินค้าดังกล่าวไปเสียภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ผิดอัตรา ทำให้จำนวนที่ต้องเสียภาษีคลาดเคลื่อนไปต้องรับผิดเสียเบี้ยปรับอีกหนึ่งเท่า
ของเงินภาษีที่เสียคลาดเคลื่อนหรือนำส่งคลาดเคลื่อน ตามมาตรา 89(3) แห่งประมวลรัษฎากร และต้องรับผิดเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือนหรือเศษของเดือนของเงิน
ภาษีที่ต้องชำระหรือนำส่งโดยไม่รวมเบี้ยปรับ ตามมาตรา 89/1 แห่งประมวลรัษฎากร กรณีมหาวิทยาลัยฯ จะขอยกเว้นเบี้ยปรับและเงินเพิ่มแทนผู้ประกอบการจดทะเบียน ซึ่งเป็นผู้ขาย
สินค้าและเป็นผู้ที่ต้องรับภาระภาษีและรับผิดในเบี้ยปรับและเงินเพิ่มดังกล่าว มหาวิทยาลัยฯ ไม่มีสิทธิจะขอยกเว้นเบี้ยปรับและเงินเพิ่มแทนผู้ประกอบการอื่นได้

เลขตู้

: 69/33841