ขออภัยมีข้อจำกัดในการแสดงผล
รูปเส้นประเกี่ยวกับกรมสรรพากรรูปเส้นประห้องข่าวรูปเส้นประบริการอิเล็กทรอนิกส์รูปเส้นประความรู้เรื่องภาษีรูปเส้นประบริการข้อมูลรูปเส้นประอ้างอิงรูปเส้นประRD Knowledge
รูปมุมซ้าย รูปมุมขวา
ค้นหาขั้นสูง
ความช่วยเหลือ
 
ประมวลรัษฎากร
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
ประกาศ/คำสั่ง คสช.
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดยกเว้นและสนับสนุนฯ
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติ ยกเว้นเบี้ยปรับ เงินเพิ่มฯ
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลี่ยม
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดภาษีการเดินทางออกนอกราชอาณาจักร พ.ศ.2526
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติ ว่าด้วยวิธีปฏฺิบัติการภาษีอากรฯ
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
ข้อหารือภาษีอากร
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
คำพิพากษาฏีกา
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
กฎหมายออกใหม่
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
สรุปสิทธิประโยชน์กฎหมายภาษีอากร
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
โครงการศึกษาและพัฒนาประมวลรัษฎากร
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
ข้อมูลการพัฒนากฏหมายของกรมสรรพากร
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
การรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนตามมาตรา 77 แห่งรัฐธรรมนูญ 2560
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง


ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร

เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 73)

เรื่อง    กำหนดหลักเกณฑ์การขออนุมัติใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินเพื่อออกใบกำกับภาษีอย่างย่อ และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับ การใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินสำหรับผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งประกอบกิจการค้าปลีก ที่มีสถานประกอบการซึ่งเป็นหน่วยขายที่มีลักษณะเป็นร้านค้าย่อยตั้งอยู่ภายในบริเวณห้องผู้โดยสารขาออก ณ ท่าอากาศยานนานาชาติ ตามมาตรา 86/6 แห่งประมวลรัษฎากร

 

---------------------------------------------

 

                อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 86/6 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ.2534 อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดหลักเกณฑ์การขออนุมัติใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินเพื่อออกใบกำกับภาษีอย่างย่อ และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินสำหรับผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งประกอบกิจการค้าปลีกที่มีสถานประกอบการ ซึ่งเป็นหน่วยขายที่มีลักษณะเป็นร้านค้าย่อยตั้งอยู่ภายในบริเวณห้องผู้โดยสารขาออก ณ ท่าอากาศยานนานาชาติ ดังนี้

 

                “ข้อ 1  ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งประกอบกิจการค้าปลีกที่มีสถานประกอบการซึ่งเป็นหน่วยขายที่มีลักษณะเป็นร้านค้าย่อยตั้งอยู่ภายในบริเวณห้องผู้โดยสารขาออก ณ ท่าอากาศยานนานาชาติ ซึ่งได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากรให้ได้รับสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ยื่นคำขออนุมัติใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินต่ออธิบดีกรมสรรพากรผ่านสรรพากรพื้นที่ในเขตท้องที่ที่สถานประกอบการที่เป็นสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ตามแบบคำขออนุมัติใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินเพื่อออกใบกำกับภาษีตามประมวลรัษฎากร (แบบ ภ.พ.06) โดยจะต้องแนบเอกสารและรายการดังต่อไปนี้พร้อมกับคำขออนุมัติ

                           (1) คุณสมบัติของเครื่องบันทึกการเก็บเงิน

                           (2) รายละเอียดรุ่น ยี่ห้อ หมายเลขประจำเครื่อง (Serial Number) ของอุปกรณ์ในแต่ละชุด และจำนวนเครื่องบันทึกการเก็บเงินที่ขออนุมัติ

                           (3) แผนผังแสดงตำแหน่งการวางเครื่องบันทึกการเก็บเงิน และแผนผังแสดงระบบการต่อเชื่อมเครื่องบันทึกการเก็บเงินเข้ากับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อื่น

                           (4) ตัวอย่างใบกำกับภาษีอย่างย่อและสำเนาใบกำกับภาษีอย่างย่อ

                           (5) ตัวอย่างรายงานการขายสินค้าประจำวันที่ออกด้วยเครื่องบันทึกการเก็บเงินแต่ละเครื่อง และรายงานต่างๆ ที่ออกจากระบบควบคุมกลางตามข้อ 3 (6) แห่งประกาศนี้

                กรณีตามวรรคหนึ่งผู้ประกอบการจดทะเบียนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกองบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ ให้ยื่นผ่านผู้อำนวยการกองบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่

                กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งประสงค์จะยื่นคำขออนุมัติใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง มีสิทธิยื่นรายการข้อมูลคำขออนุมัติดังกล่าวตามแบบคำขออนุมัติใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินเพื่อออกใบกำกับภาษีตามประมวลรัษฎากร (แบบ ภ.พ.06) ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทางเว็บไซต์ (Web Site) ของกรมสรรพากร www.rd.go.th พร้อมกับอัปโหลด (Upload) เอกสารและรายการตามวรรคหนึ่งประกอบคำขออนุมัติได้อีกวิธีหนึ่ง”

(แก้ไขเพิ่มเติมโดย ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 220) ใช้บังคับ 18 ธันวาคม พ.ศ.2560 เป็นต้นไป )

 

                ข้อ 2  เครื่องบันทึกการเก็บเงินจะต้องมีคุณสมบัติดังนี้

                           (1) เป็นเครื่องบันทึกการเก็บเงินชนิดคอมพิวเตอร์ซึ่งใช้ต่อเชื่อมเข้ากับระบบคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อื่นเป็นระบบ POSS เท่านั้น และต้องใช้กระดาษออกใบกำกับภาษีอย่างย่อให้แก่ผู้ซื้อสินค้า โดยจะใช้กระดาษขนาดเดียวกันเป็นสำเนาซ้อนกับใบกำกับภาษีตัวจริงก็ได้ แต่ทั้งนี้ต้องมีกระดาษเป็นม้วนต่อเนื่องเพื่อบันทึกรายการประจำวัน (Daily Transaction Journal) ซึ่งใช้เป็นสำเนาใบกำกับภาษีไว้ในขณะเดียวกันกับการออกใบกำกับภาษีอย่างย่อด้วย

                                 เครื่องบันทึกการเก็บเงินตามวรรคหนึ่งจะต้องมีระบบควบคุมกลางที่สามารถออกรายงานภาษีขายตามมาตรา 87(1) แห่งประมวลรัษฎากร โดยอัตโนมัติในโปรแกรมเดียวกันทุกสิ้นวันทำการ และต้องต่อเชื่อมเข้ากับระบบการจัดทำรายงานตามมาตรา 87 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งจะต้องใช้ซอฟต์แวร์ตามมาตรฐาซอฟต์แวร์ของกรมสรรพากร

                           (2) เครื่องบันทึกการเก็บเงินต้องสามารถคำนวณค่าของเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทย โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนที่ได้กำหนดไว้จากระบบควบคุมกลาง

                           (3) เครื่องบันทึกการเก็บเงินต้องสามารถบันทึกรายการอย่างน้อยดังต่อไปนี้ไว้ในใบกำกับภาษีอย่างย่อและสำเนาใบกำกับภาษีอย่างย่อ

                                 (ก) คำว่า “ ใบกำกับภาษีอย่างย่อ ” หรือคำว่า “ TAX INV (ABB) ” หรือคำว่า “ TAX INVOICE (ABB) ”

                                 (ข) ชื่อ หรือชื่อย่อ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ประกอบการจดทะเบียน

                                 (ค) รหัสของสถานประกอบการซึ่งเป็นหน่วยขายที่มีลักษณะเป็นร้านค้าย่อยตั้งอยู่ภายในบริเวณห้องผู้โดยสารขาออก ณ ท่าอากาศยานนานาชาติ

                                 (ง) หมายเลขหนังสือเดินทาง (PASSPORT)

                                 (จ) หมายเลขเที่ยวบิน (FLIGHT) ที่ปรากฏใน “ BOARDING PASS ”

                                 (ฉ) หมายเลขลำดับใบกำกับภาษี ซึ่งต้องเรียงลำดับตัวเลขต่อเนื่องกันไปจนสิ้นวันและต่อเนื่องไปในวันต่อ ๆ ไป

                                 (ช) รหัสหรือเครื่องหมายแสดงความแตกต่างระหว่างสินค้าที่ได้รับสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ซึ่งแยกต่างหากจากสินค้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และสินค้าที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม

                                 (ซ) ชื่อ ชนิด ประเภท ปริมาณ และมูลค่าของสินค้า โดยชื่อสินค้าจะออกเป็นรหัสก็ได้

                                 (ฌ) ราคาสินค้าที่แสดงเป็นหน่วยเงินตราไทย โดยต้องมีข้อความระบุชัดเจนว่าได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่มไว้แล้ว

                                 (ญ) วัน เดือน ปี ที่ออกใบกำกับภาษี

                                 (ฎ) เลขรหัสประจำเครื่องบันทึกการเก็บเงินที่กรมสรรพากรกำหนด

                                 (ฏ) ข้อความอื่นที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด

                                 ในสำเนาใบกำกับภาษีอย่างย่อจะไม่มีชื่อผู้ประกอบการจดทะเบียน เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร หรือข้อความที่ระบุว่าราคาสินค้าได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่มไว้แล้วก็ได้ และสำหรับรายการของสินค้าในสำเนาใบกำกับภาษีอย่างย่อจะบันทึกเป็นรหัสของสินค้าโดยไม่บันทึกเป็นรายการของสินค้าตามใบกำกับภาษีอย่างย่อก็ได้รวมทั้งในกรณีที่ไม่สามารถบันทึก “ เลขรหัสประจำเครื่องบันทึกการเก็บเงิน ” และคำว่า “ ใบกำกับภาษีอย่างย่อ ” ไว้ในสำเนาใบกำกับภาษีอย่างย่อทุกครั้งที่มีการออกใบกำกับภาษีอย่างย่อได้ ให้บันทึกไว้อย่างน้อยในตอนต้นและตอนท้ายของกระดาษเป็นม้วนต่อเนื่องซึ่งบันทึกรายการประจำวันก็ได้

                           (4) เครื่องบันทึกการเก็บเงินแต่ละเครื่องต้องสามารถออกผลสรุปรายงานการขายสินค้าประจำวันได้

 

                ข้อ 3   ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งประกอบกิจการค้าปลีกที่มีสถานประกอบการซึ่งเป็นหน่วยขายที่มีลักษณะเป็นร้านค้าย่อยตั้งอยู่ภายในบริเวณห้องผู้โดยสารขาออก ณ ท่าอากาศยานนานาชาติ ซึ่งได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากรให้ได้รับสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงิน ดังนี้

                           (1) ผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องบันทึกอัตราแลกเปลี่ยนของเงินตราต่างประเทศแต่ละสกุลไว้ในระบบควบคุมกลาง

                           (2) ผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งประสงค์จะบันทึกรายการของสินค้าในใบกำกับภาษีอย่างย่อเป็นรหัส จะต้องมีรหัสดังกล่าวพร้อมทั้งคำแปลทั้งระบบก่อนวันเริ่มใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงิน พร้อมทั้งรหัสหรือเครื่องหมายที่แสดงความแตกต่างระหว่างสินค้าที่ได้รับสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 แยกต่างหากจากสินค้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และสินค้าที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม เก็บไว้ ณ สถานประกอบการทุกแห่งและที่ตั้งของระบบควบคุมกลางด้วย

                           (3) ผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องแสดงหมายเลขลำดับของใบกำกับภาษีลงในใบกำกับภาษีอย่างย่อที่ออกโดยเครื่องบันทึกการเก็บเงิน โดยเรียงตามลำดับตัวเลขจนหมดทุกหลักก่อน จึงจะย้อนกลับมาเริ่มต้นใหม่ได้ ยกเว้นกรณีที่จะทำให้ยอดขายรวมเกินความสามารถของเครื่องบันทึกการเก็บเงินและทำให้ข้อมูลสูญหาย ก็ให้ออกรายงานล้างยอดสะสมและเริ่มเลขลำดับใหม่ได้ โดยให้หมายเหตุเหตุผลไว้ในม้วนกระดาษต่อเนื่องซึ่งบันทึกรายการประจำวันด้วย

                           (4) ผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องจัดทำรายงานสรุปการขายสินค้าประจำวันจากเครื่องบันทึกการเก็บเงินแต่ละเครื่องอย่างน้อยทุกสิ้นวันทำการ ซึ่งต้องแสดงรายละเอียดอย่างน้อยเกี่ยวกับมูลค่าของสินค้าที่ขาย จำนวนใบกำกับภาษีอย่างย่อที่ออกในแต่ละวัน และสรุปรายละเอียดการรับชำระเงิน

                           (5) ผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องจัดทำสรุปรายงานการล้างยอดขายสินค้าที่ออกจากเครื่องบันทึกการเก็บเงินทุกครั้ง

                           (6) ผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องจัดทำรายงานจากระบบควบคุมกลางทุกสิ้นวันทำการ ดังนี้

                                 (ก) รายงานสรุปการขายสินค้าประจำวันของเครื่องบันทึกการเก็บเงินแต่ละเครื่องที่มีรายการอย่างน้อยตามข้อ 3(4) แห่งประกาศนี้ โดยสรุปเป็นรายสถานประกอบการซึ่งเป็นหน่วยขายที่มีลักษณะเป็นร้านค้าย่อย และสรุปเป็นยอดรวมของสถานประกอบการซึ่งเป็นหน่วยขายที่มีลักษณะเป็นร้านค้าย่อยทั้งหมดของผู้ประกอบการจดทะเบียน

                                 (ข) รายงานสรุปรายละเอียดสินค้าที่ขาย ซึ่งแสดงรายละเอียดอย่างน้อยประกอบด้วยประเภทของสินค้า ปริมาณ และมูลค่าของสินค้าที่ขาย โดยแยกเป็นสินค้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม สินค้าที่ได้รับสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 และสินค้าที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ต่างหากจากกัน

                                       รายงานตาม (ก) และ (ข) ให้แสดงยอดสะสมเป็นรายเดือน(Month to Date) และแสดงยอดสะสมเป็นรายปี (Year to Date) ด้วย โดยต้องแสดงรายละเอียดอย่างน้อยประกอบด้วยประเภทของสินค้า ปริมาณของสินค้าที่ขายแยกตามประเภทของสินค้า มูลค่าของสินค้า จำนวนเงินที่ได้รับทั้งสิ้น และรายละเอียดเกี่ยวกับเงินตราต่างประเทศแต่ละสกุลที่ได้รับ โดยรายงานสะสมยอดขายเป็นรายเดือน และรายปี ให้บันทึกไว้ที่ระบบควบคุมกลางเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี และสามารถจัดพิมพ์ได้ทุกสิ้นวันทำการ หรือภายใน 15 วันนับแต่วันสิ้นเดือน หรือเมื่อเจ้าพนักงานสรรพากรสั่งให้พิมพ์

                                 (ค) รายงานการขายประจำวัน (Sales Report) โดยมีรายการอย่างน้อยดังต่อไปนี้

                                       (1) ชื่อ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ประกอบการ

                                       (2) รหัสของหน่วยขายที่มีลักษณะเป็นร้านค้าย่อย

                                       (3) เลขรหัสประจำเครื่องบันทึกการเก็บเงินที่กรมสรรพากรกำหนด

                                       (4) หมายเลขลำดับของใบกำกับภาษี

                                       (5) ชื่อผู้ซื้อสินค้า

                                       (6) หมายเลขเที่ยวบินที่ผู้ซื้อสินค้าที่เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร

                                       (7) หมายเลขหนังสือเดินทางของผู้ซื้อสินค้าที่เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร

                                       (8) ชื่อ ชนิด ประเภทของสินค้า โดยอาจแสดงเป็นรหัสก็ได้

                                       (9) ปริมาณของสินค้า

                                       (10) ราคาของสินค้า

                                       (11) วัน เดือน ปี ที่ออกใบกำกับภาษี

                                 (ง) รายงานภาษีขาย ซึ่งแสดงรายละเอียดประกอบด้วยชื่อผู้ประกอบการ ชื่อสถานประกอบการ เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร วันเดือนปี ที่ออกใบกำกับภาษี เลขที่/เล่มที่ของใบกำกับภาษีโดยเรียงลำดับตามเลขรหัสประจำเครื่องบันทึกการเก็บเงินในแต่ละสถานประกอบการซึ่งเป็นหน่วยขายที่มีลักษณะเป็นร้านค้าย่อย มูลค่าของสินค้าที่ขาย ซึ่งต้องแยกเป็นมูลค่าสินค้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม สินค้าที่ได้รับสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 และสินค้าที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ต่างหากจากกัน และจำนวนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม

                                       การจัดทำรายงานภาษีขายตามวรรคหนึ่ง ให้สรุปเป็นรายเครื่องบันทึกการเก็บเงินแต่ละเครื่อง และสามารถจัดพิมพ์ได้ทุกสิ้นวันทำการ หรือภายใน 15 วันนับแต่วันสิ้นเดือน หรือเมื่อเจ้าพนักงานสรรพากรสั่งให้พิมพ์

                           (7) ผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องยินยอมให้เจ้าพนักงานสรรพากรเข้าไปติดเครื่องหมายแสดงเลขรหัสประจำเครื่องบนเครื่องที่ได้รับอนุมัติให้ใช้บันทึกการเก็บเงิน หรือในกรณีที่อธิบดีกรมสรรพากรมอบให้ติดเอง ต้องติดให้เสร็จเรียบร้อยภายใน 3 วันนับจากวันที่ได้รับเครื่องหมายดังกล่าว

                                 “หากเครื่องหมายแสดงเลขรหัสประจำตัวเครื่องดังกล่าว ถูกเคลื่อนย้าย ถูกทำลาย สูญหาย หรือชำรุดในสาระสำคัญ ให้ระงับการใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินดังกล่าว และให้ ผู้ประกอบการจดทะเบียนยื่นคำร้องขอรับเครื่องหมายแสดงเลขรหัสประจำเครื่องจากสรรพากรพื้นที่ในเขตท้องที่ที่สถานประกอบการซึ่งเป็นหน่วยขายที่มีลักษณะเป็นร้านค้าย่อยตั้งอยู่ทันที”

(แก้ไขเพิ่มเติมโดย ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 141) ใช้บังคับ 11 ตุลาคม 2545 เป็นต้นไป )

                                 “กรณีตามวรรคหนึ่งผู้ประกอบการจดทะเบียนที่มีสถานประกอบการหลายแห่งให้ยื่นคำร้องขอรับเครื่องหมายแสดงเลขรหัสประจำเครื่องจากสรรพากรพื้นที่ในเขตท้องที่ที่สถานประกอบการที่เป็นสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ และกรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกองบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ ให้ยื่นคำร้องขอรับเครื่องหมายแสดงเลขรหัสประจำเครื่องจากผู้อำนวยการกองบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่”

(แก้ไขเพิ่มเติมโดย ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 220) ใช้บังคับ 18 ธันวาคม พ.ศ.2560 เป็นต้นไป )

                           (8) ผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องเก็บม้วนกระดาษต่อเนื่องซึ่งบันทึกรายการประจำวัน (Daily Transaction Journal) และรายงานต่างๆ ไว้ ณ สถานประกอบการซึ่งเป็นหน่วยขายที่มีลักษณะเป็นร้านค้าย่อย เป็นเวลา 5 ปี โดยหากเก็บไว้เป็นเวลา 2 ปีแล้ว หลังจากนั้นจะเก็บไว้ในสื่อบันทึกข้อมูลใดก็ได้

                           (9) ห้ามผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินระบบ POSS ออกใบกำกับภาษีอย่างย่อด้วยมือ ยกเว้นกรณีที่เครื่องขัดข้องใช้การไม่ได้ เช่น เครื่องเสียหาย หรือไฟฟ้าดับ โดยจะต้องประทับตราคำว่า “ เครื่องขัดข้อง ”ไว้ในใบกำกับภาษีอย่างย่อที่ออกด้วยมือ

                           “(10) การจำหน่ายเครื่องบันทึกการเก็บเงิน การทำลาย การระงับการใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงิน การเคลื่อนย้าย ไม่ว่าจะเป็น

การเคลื่อนย้ายภายในสถานประกอบการซึ่งเป็นหน่วยขายที่มีลักษณะเป็นร้านค้าย่อย หรือออกจากสถานประกอบการซึ่งเป็นหน่วยขายที่มีลักษณะเป็นร้านค้าย่อยผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องแจ้งให้สรรพากรพื้นที่ในเขตท้องที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ทราบตามแบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงการใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินที่เคยได้รับอนุมัติ (แบบ ภ.พ.06.1) ภายใน 7 วันก่อนวันจำหน่าย ทำลาย ระงับ หรือเคลื่อนย้าย เว้นแต่กรณีที่มีเหตุสุดวิสัยก็ให้แจ้งภายใน 7 วันนับแต่วันที่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น

                                   กรณีตามวรรคหนึ่งผู้ประกอบการจดทะเบียนที่มีสถานประกอบการหลายแห่งให้แจ้งต่อสรรพากรพื้นที่ในเขตท้องที่ที่สถานประกอบการที่เป็นสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ และกรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกองบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ ให้แจ้งต่อผู้อำนวยการกองบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ ”

(แก้ไขเพิ่มเติมโดย ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 220) ใช้บังคับ 18 ธันวาคม 2560 เป็นต้นไป )

                ข้อ 4  ในกรณีที่มีปัญหาในการปฏิบัติ ให้อธิบดีกรมสรรพากรมีอำนาจวินิจฉัยและคำวินิจฉัยของอธิบดีกรมสรรพากรให้ถือเป็นหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดตามประกาศนี้ด้วย

 

                ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน พ.ศ.2539 เป็นต้นไป

 

ประกาศ ณ วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ.2539

 

ร้อยเอกสุชาติ เชาว์วิศิษฐ

อธิบดีกรมสรรพากร

clear-gif

WCAG 2.0 (Level AA)

Last update :
 Friday, January 5, 2018

 
รูปมุมซ้าย
หน้าหลักรูปเส้นประEnglishรูปเส้นประแผนผังเว็บไซต์รูปเส้นประแนะนำเว็บไซต์รูปเส้นประติดต่อกรมสรรพากรรูปเส้นประ


 
สงวนลิขสิทธิ์โดยกรมสรรพากร : Website Policy : Privacy Policy : Website Security Policy : Disclaimer
 
กรมสรรพากร 90 ซอยพหลโยธิน 7 ถนนพหลโยธิน แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทร. 1161