ขออภัยมีข้อจำกัดในการแสดงผล
รูปเส้นประเกี่ยวกับกรมสรรพากรรูปเส้นประห้องข่าวรูปเส้นประบริการอิเล็กทรอนิกส์รูปเส้นประความรู้เรื่องภาษีรูปเส้นประบริการข้อมูลรูปเส้นประอ้างอิงรูปเส้นประRD Knowledge
รูปมุมซ้าย รูปมุมขวา
ค้นหาขั้นสูง
ความช่วยเหลือ
 
ประมวลรัษฎากร
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฏากร
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
ประกาศ/คำสั่ง คสช.
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดยกเว้นและสนับสนุนฯ
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติ ยกเว้นเบี้ยปรับ เงินเพิ่มฯ
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลี่ยม
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
พระราชกำหนดภาษีการเดินทางออกนอกราชอาณาจักร พ.ศ.2526
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
พระราชบัญญัติ ว่าด้วยวิธีปฏฺิบัติการภาษีอากรฯ
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
ข้อหารือภาษีอากร
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
คำพิพากษาฏีกา
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
กฎหมายออกใหม่
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
สรุปสิทธิประโยชน์กฎหมายภาษีอากร
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
โครงการศึกษาและพัฒนาประมวลรัษฎากร
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
ข้อมูลการพัฒนากฏหมายของกรมสรรพากร
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง
การรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนตามมาตรา 77 แห่งรัฐธรรมนูญ 2560
iconเมนูด้านซ้าย
ว่าง
ว่าง


ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร

เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 46)

เรื่อง    กำหนดหลักเกณฑ์การขออนุมัติใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินเพื่อออกใบกำกับภาษีอย่างย่อ และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินตามมาตรา 86/6 แห่งประมวลรัษฎากร

 

---------------------------------------------

 

                อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 86/6 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2534 อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดหลักเกณฑ์การขออนุมัติใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินเพื่อออกใบกำกับภาษีอย่างย่อ และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินในการออกใบกำกับภาษีอย่างย่อ ดังนี้

 

                ข้อ 1  ให้ยกเลิกประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 38) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์การขออนุมัติใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินเพื่อออกใบกำกับภาษีอย่างย่อ และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินตามมาตรา 86/6 แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2535

 

                ข้อ 2  ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งประกอบกิจการค้าปลีกตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 32) เรื่อง กำหนดลักษณะและหรือเงื่อนไขของการประกอบกิจการขายสินค้าในลักษณะขายปลีกหรือประกอบกิจการให้บริการในลักษณะบริการรายย่อยแก่บุคคลจำนวนมาก ให้เป็นกิจการค้าปลีกตามมาตรา 86/6 แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2535 ซึ่งประสงค์จะใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินเพื่อออกใบกำกับภาษีอย่างย่อ ยื่นคำขออนุมัติใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงิน ต่ออธิบดีกรมสรรพากร

                            คำขออนุมัติให้ยื่นตามแบบคำขออนุมัติใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินเพื่อออกใบกำกับภาษีตามประมวลรัษฎากร (แบบ ภ.พ.06) โดยจะต้องแนบเอกสารและรายการดังต่อไปนี้พร้อมกับคำขออนุมัติ

                            (1) คุณสมบัติโดยย่อของเครื่องบันทึกการเก็บเงิน

                            (2) รายละเอียดรุ่น ยี่ห้อ หมายเลขประจำเครื่อง (Serial Number) และจำนวนเครื่องบันทึกการเก็บเงินที่ขออนุมัต

                            (3) แผนผังแสดงตำแหน่งการวางเครื่องบันทึกการเก็บเงิน

                            (4) ในกรณีที่มีการต่อเชื่อมเครื่องบันทึกการเก็บเงินเข้ากับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อื่น ให้แสดงแผนผังระบบการต่อเชื่อมดังกล่าวด้วย

                            (5) ตัวอย่างใบกำกับภาษีอย่างย่อตามมาตรา 86/6 แห่งประมวลรัษฎากร และตัวอย่างรายงานการขายสินค้าหรือ การให้บริการประจำวันที่ออกด้วยเครื่องบันทึกการเก็บเงิน

                            (6) ตัวอย่างใบกำกับภาษีตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนออกใบกำกับภาษีอย่างย่อตามมาตรา 86/6 แห่งประมวลรัษฎากร และใบกำกับภาษีตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร จากเครื่องบันทึกการเก็บเงินเครื่องเดียวกัน

 

( แก้ไขเพิ่มเติมโดย ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 218) ใช้บังคับ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป )

 

                ข้อ 3  เครื่องบันทึกการเก็บเงินจะต้องมีคุณสมบัติดังนี้

                            “(1) เป็นเครื่องบันทึกการเก็บเงิน

                                   (ก) ชนิดไฟฟ้า ECR (Electronic Cash Register) ซึ่งบันทึกโปรแกรมการขายสินค้าหรือการให้บริการไว้ในความจำชนิดถาวร แบบ ROM (Read Only Memory) หรือแบบ EPROM (Erasable Programmable ROM) เป็นส่วนใหญ่ซึ่งต้องใช้อุปกรณ์พิเศษของผู้ขายเครื่องบันทึกการเก็บเงินในการแก้ไขโปรแกรมการขายสินค้าหรือการให้บริการ และต้องมิใช่เครื่องบันทึกการเก็บเงินชนิดไฟฟ้า ECR ที่มีหัวพิมพ์ระบบ Drum Matrix ซึ่งได้มาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2538 เป็นต้นไป หรือ”

(แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 62) ใช้บังคับ 1 ตุลาคม 2538 เป็นต้นไป)

                                   (ข) ชนิดคอมพิวเตอร์ ซึ่งบันทึกโปรแกรมการขายสินค้าหรือการให้บริการไว้ในความจำชนิดชั่วคราวแบบ RAM (Random Access Memory) เป็นส่วนใหญ่ และมีช่องใส่สื่อบันทึกข้อมูล เช่น Diskette เพื่อบันทึกรายละเอียดของสินค้าหรือบริการและสามารถเขียนโปรแกรมควบคุมการขายสินค้าหรือการให้บริการได้ หรือในกรณีที่ไม่มีช่องใส่สื่อบันทึกข้อมูล เช่น Diskette ต้องสามารถสั่งเขียนโปรแกรมการขายสินค้าหรือการให้บริการ หรือบันทึกรายการการขายหรือการให้บริการจากเครื่องควบคุมกลางได้

                            (2) เครื่องบันทึกการเก็บเงินต้องใช้กระดาษออกใบกำกับภาษีอย่างย่อให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ และจะใช้กระดาษขนาดเดียวกันเป็นสำเนาซ้อนกับใบกำกับภาษีตัวจริงก็ได้ แต่ทั้งนี้ต้องมีกระดาษเป็นม้วนต่อเนื่องเพื่อบันทึกรายการประจำวัน (Daily Transaction Journal) ไว้ ซึ่งจะใช้เป็นสำเนาใบกำกับภาษีแทนกระดาษซ้อนใบกำกับภาษีก็ได้

                            (3) เครื่องบันทึกการเก็บเงินต้องสามารถออกใบกำกับภาษีอย่างย่อซึ่งมีรายการอย่างน้อยตามมาตรา 86/6 แห่งประมวลรัษฎากร และต้องสามารถบันทึกคำว่า “ใบกำกับภาษีอย่างย่อ” ไว้ในกระดาษใบกำกับภาษีอย่างย่อด้วย หรืออาจจะบันทึกคำว่า “TAX INV(ABB)” ในกรณีที่เครื่องบันทึกการเก็บเงินสามารถบันทึกได้ 12 หลัก หรือคำว่า “TAX INVOICE(ABB)” ในกรณีที่เครื่องบันทึกการเก็บเงินสามารถบันทึกได้ 16 หลัก แทนก็ได้

                            (4) เครื่องบันทึกการเก็บเงินต้องสามารถบันทึกเลขรหัสประจำเครื่องที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดให้ไว้ในใบกำกับภาษีอย่างย่อได้

                            (5) เครื่องบันทึกการเก็บเงินต้องสามารถบันทึกเลขรหัสประจำเครื่องที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดให้ไว้ในสำเนาใบกำกับภาษี โดยอย่างน้อยต้องสามารถบันทึกเลขรหัสประจำเครื่องไว้ในตอนต้นและตอนท้ายของกระดาษเป็นม้วนต่อเนื่องซึ่งบันทึกรายการประจำวัน โดยสำเนาใบกำกับภาษีจะไม่มีชื่อผู้ประกอบการจดทะเบียน เลขประจำตัวผู้เสียภาษี หรือข้อความที่ระบุว่าราคาสินค้าหรือบริการได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่มไว้แล้วก็ได้และสำหรับรายการของสินค้าหรือบริการในสำเนาใบกำกับภาษี จะบันทึกเป็นรหัสของสินค้าหรือบริการ โดยไม่บันทึกเป็นรายการของสินค้าหรือบริการตามใบกำกับภาษีอย่างย่อก็ได้ ส่วนคำว่า “ใบกำกับภาษีอย่างย่อ” จะใช้วิธีตีพิมพ์หรือประทับตราไว้ในตอนต้นและตอนท้ายของกระดาษเป็นม้วนต่อเนื่องซึ่งบันทึกรายการประจำวันก็ได้

                                  ในกรณีที่เครื่องบันทึกการเก็บเงินไม่สามารถบันทึกเลขรหัสประจำเครื่องในกระดาษเป็นม้วนต่อเนื่องซึ่งบันทึกรายการประจำวันได้ ก็ให้ใช้วิธีบันทึกเลขรหัสประจำเครื่อง ณ ตำแหน่งซึ่งใช้บันทึกรายการมูลค่าการขายสินค้าหรือการให้บริการโดยอย่างน้อยต้องบันทึกเลขรหัสประจำเครื่องไว้ในตอนต้นของกระดาษเป็นม้วนต่อเนื่องซึ่งบันทึกรายการประจำวันก่อนเริ่มทำการขายสินค้าหรือให้บริการ และในตอนท้ายของกระดาษเป็นม้วนต่อเนื่องดังกล่าวหลังจากทำการขายสินค้าหรือให้บริการรายสุดท้ายและรวมยอดขายสินค้าหรือให้บริการแล้ว และให้แนบใบกำกับภาษีที่ออกในลักษณะนี้ติดกับหัวม้วนกระดาษต่อเนื่องซึ่งบันทึกรายการประจำวันเพื่อเป็นหลักฐานในการตรวจสอบ

                            (6) เครื่องบันทึกการเก็บเงินแต่ละเครื่องต้องสามารถออกผลสรุปรายงานการขายสินค้าหรือการให้บริการประจำวันได้

 

                ข้อ 4  เครื่องบันทึกการเก็บเงินชนิดไฟฟ้าหรือชนิดคอมพิวเตอร์ ตามข้อ 3(1) จะใช้บันทึกการเก็บเงินโดยตัวเองโดยไม่ต้องต่อเชื่อม หรือจะใช้ต่อเชื่อมเข้ากับระบบคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อื่นเป็นระบบ POSS (Point of Sale System) ก็ได้”

(แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 59) ใช้บังคับ 1 มกราคม 2538 เป็นต้นไป)

 

                ข้อ 5  ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากรให้ใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินเพื่อออกใบกำกับภาษีอย่างย่อ ปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงิน ดังนี้

                            (1) ผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งประสงค์จะบันทึกรายการของสินค้าหรือบริการในใบกำกับภาษีอย่างย่อเป็นรหัส จะต้องมีรหัสดังกล่าวพร้อมทั้งคำแปลก่อนวันเริ่มใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงิน พร้อมทั้งรหัสหรือเครื่องหมายที่แสดงความแตกต่างระหว่างสินค้าหรือบริการที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เก็บไว้ ณ สถานประกอบการที่ใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินดังกล่าว และในกรณีที่เครื่องบันทึกการเก็บเงินต่อเชื่อมกับระบบกลางที่ไม่ได้อยู่ในสถานประกอบการที่ใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงิน จะต้องมีรหัสทั้งระบบเก็บไว้ ณ สถานประกอบการและที่ตั้งของระบบกลางด้วย

                            (2) ผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องยินยอมให้เจ้าพนักงานสรรพากรเข้าไปติดเครื่องหมายแสดงเลขรหัสประจำเครื่อง บนเครื่องที่ได้รับอนุมัติให้ใช้บันทึกการเก็บเงิน หรือในกรณีที่อธิบดีกรมสรรพากรมอบให้ติดเอง ต้องติดให้เสร็จเรียบร้อยภายใน 3 วันนับจากวันที่ได้รับเครื่องหมายดังกล่าว

                            หากเครื่องหมายแสดงเลขรหัสประจำเครื่องดังกล่าวถูกเคลื่อนย้าย ถูกทำลาย สูญหาย หรือชำรุดในสาระสำคัญ ให้ระงับการใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินดังกล่าว และให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนยื่นคำร้องขอรับเครื่องหมายแสดงเลขรหัสประจำเครื่องจากอธิบดีกรมสรรพากรทันที

                            (3) ผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องแสดงหมายเลขลำดับของใบกำกับภาษีลงในใบกำกับภาษีอย่างย่อที่ออกโดยเครื่องบันทึกการเก็บเงิน โดยเรียงตามลำดับตัวเลขจนหมดทุกหลักก่อน จึงจะย้อนกลับมาเริ่มต้นใหม่ได้ ยกเว้นกรณีที่จะทำให้ยอดขายรวมเกินความสามารถของเครื่องบันทึกการเก็บเงินและทำให้ข้อมูลสูญหาย ก็ให้ออกรายงานการล้างยอดสะสมและเริ่มเลขลำดับใหม่ได้ โดยให้หมายเหตุเหตุผลไว้ในม้วนกระดาษต่อเนื่องซึ่งบันทึกรายการประจำวันด้วย

                            (4) เครื่องบันทึกการเก็บเงินต้องบันทึกรายการการขายสินค้าหรือการให้บริการในกระดาษเป็นม้วนต่อเนื่องซึ่งบันทึกรายการประจำวัน ในขณะเดียวกับการออกใบกำกับภาษี และหากเป็นเครื่องบันทึกการเก็บเงินที่ได้มาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2537 หรือเป็นเครื่องบันทึกการเก็บเงินที่บันทึกเวลาได้ ก็ต้องบันทึกเวลาที่ออกใบกำกับภาษีนั้นไว้ในใบกำกับภาษี ใบกำกับภาษีอย่างย่อและในกระดาษเป็นม้วนต่อเนื่องซึ่งบันทึกรายการประจำวันด้วย

                            (5) ผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องออกใบกำกับภาษีอย่างย่อซึ่งมีรายการอย่างน้อยตามมาตรา 86/6 แห่งประมวลรัษฎากร และต้องบันทึกคำว่า “ใบกำกับภาษีอย่างย่อ” ไว้ในกระดาษใบกำกับภาษีอย่างย่อขณะออกใบกำกับภาษีอย่างย่อด้วย หรืออาจจะบันทึกคำว่า “TAX INV(ABB)” ในกรณีที่เครื่องบันทึกการเก็บเงินสามารถบันทึกได้ 12 หลัก หรือคำว่า “TAX INVOICE(ABB)” ในกรณีที่เครื่องบันทึกการเก็บเงินสามารถบันทึกได้ 16 หลัก แทนก็ได้

                            (6) ผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องแสดงเลขรหัสประจำเครื่องที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดให้ไว้ในใบกำกับภาษีอย่างย่อ

                            (7) ผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องแสดงเลขรหัสประจำเครื่องที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดให้ไว้ในสำเนาใบกำกับภาษี โดยอย่างน้อยต้องสามารถบันทึกเลขรหัสประจำเครื่องไว้ในตอนต้นและตอนท้ายของกระดาษเป็นม้วนต่อเนื่อง ซึ่งบันทึกรายการประจำวัน โดยสำเนาใบกำกับภาษีจะไม่มีชื่อผู้ประกอบการจดทะเบียน เลขประจำตัวผู้เสียภาษี หรือข้อความที่ระบุว่าราคาสินค้าหรือบริการได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่มไว้แล้วก็ได้ และสำหรับรายการของสินค้าหรือบริการในสำเนาใบกำกับภาษี จะบันทึกเป็นรหัสของสินค้าหรือบริการ โดยไม่บันทึกเป็นรายการของสินค้าหรือบริการตามใบกำกับภาษีอย่างย่อก็ได้ ส่วนคำว่า “ใบกำกับภาษีอย่างย่อ” จะใช้วิธีตีพิมพ์หรือประทับตราไว้ในตอนต้นและตอนท้ายของกระดาษเป็นม้วนต่อเนื่องซึ่งบันทึกรายการประจำวันก็ได้

                                  ในกรณีที่เครื่องบันทึกการเก็บเงินไม่สามารถบันทึกเลขรหัสประจำเครื่องในกระดาษเป็นม้วนต่อเนื่องซึ่งบันทึกรายการประจำวันได้ ก็ให้ใช้วิธีบันทึกเลขรหัสประจำเครื่อง ณ ตำแหน่งซึ่งใช้บันทึกรายการมูลค่าการขายสินค้าหรือการให้บริการ โดยอย่างน้อยต้องบันทึกเลขรหัสประจำเครื่องไว้ในตอนต้นของกระดาษเป็นม้วนต่อเนื่องซึ่งบันทึกรายการประจำวันก่อนเริ่มทำการขายสินค้าหรือให้บริการ และในตอนท้ายของกระดาษเป็นม้วนต่อเนื่องดังกล่าวหลังจากทำการขายสินค้าหรือให้บริการรายสุดท้ายและรวมยอดขายสินค้าหรือให้บริการแล้ว และให้แนบใบกำกับภาษีที่ออกในลักษณะนี้ติดกับหัวม้วนกระดาษต่อเนื่องซึ่งบันทึกรายการประจำวันเพื่อเป็นหลักฐานในการตรวจสอบ

                            (8) ผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องออกผลสรุปรายงานการขายสินค้าหรือการให้บริการจากเครื่องบันทึกการเก็บเงินแต่ละเครื่อง

                            (9) ผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องจัดทำสรุปรายงานการขายสินค้าหรือการให้บริการอย่างน้อยทุกสิ้นวันทำการ

                            (10) ผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องจัดทำสรุปรายงานการล้างยอดขายสินค้าหรือการให้บริการที่ออกจากเครื่องบันทึกการเก็บเงินทุกครั้ง

                            (11) ผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องเก็บม้วนกระดาษต่อเนื่องซึ่งบันทึกรายการประจำวัน (Daily Transaction Journal) ไว้ ณ สถานประกอบการเป็นเวลา 5 ปี โดยหากเก็บไว้เป็นเวลา 2 ปีแล้ว หลังจากนั้นจะเก็บไว้ในสื่อบันทึกข้อมูลใดก็ได้

                            (12) ห้ามผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินระบบ POSS ออกใบกำกับภาษีอย่างย่อด้วยมือ ยกเว้นกรณีที่เครื่องขัดข้องใช้การไม่ได้ เช่น เครื่องเสียหรือไฟฟ้าดับ โดยจะต้องประทับตราคำว่า “เครื่องขัดข้อง” ไว้ในใบกำกับภาษีอย่างย่อที่ออกด้วยมือด้วย

                           “(13) การจำหน่ายเครื่องบันทึกการเก็บเงิน การทำลาย การเคลื่อนย้ายออกจากสถานประกอบการโดยมิใช่เพื่อการซ่อมแซมหรือบำรุงรักษา หรือกรณีที่มิได้ใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินให้เป็นไปตามที่ได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากร ผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องแจ้งให้สรรพากรพื้นที่ในเขตท้องที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ทราบตามแบบแจ้ง การเปลี่ยนแปลงการใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินที่เคยได้รับอนุมัติ (แบบ ภ.พ.06.1) ภายใน 7 วันก่อนวันจำหน่าย ทำลาย หรือเคลื่อนย้าย เว้นแต่กรณีที่มีเหตุสุดวิสัยก็ให้แจ้งภายใน 7 วันนับแต่วันที่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น

                           กรณีตามวรรคหนึ่งผู้ประกอบการจดทะเบียนที่มีสถานประกอบการหลายแห่งให้แจ้งสรรพากรพื้นที่ในเขตท้องที่ที่สถานประกอบการที่เป็นสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ทราบเป็นรายสถานประกอบการ และกรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกองบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ ให้แจ้งผู้อำนวยการกองบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ทราบ”

( แก้ไขเพิ่มเติมโดย ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 218) ใช้บังคับ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป )

 

                ข้อ 6  หากผู้ประกอบการจดทะเบียนต่อเครื่องบันทึกการเก็บเงินเข้ากับระบบกลางเป็นระบบ POSS ผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องกำหนดให้ระบบกลางดังกล่าวทำรายงานภาษีขายตามมาตรา 87 (1) แห่งประมวลรัษฎากร โดยอัตโนมัติในโปรแกรมเดียวกันทุกสิ้นวันทำการด้วย

 

              “ข้อ 7  ผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งประสงค์จะใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินเพื่อออกใบกำกับภาษีอย่างย่อจะต้องยื่นคำขออนุมัติใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินเพื่อออกใบกำกับภาษีอย่างย่อต่ออธิบดีกรมสรรพากรผ่านสรรพากรพื้นที่ในเขตท้องที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่

              กรณีตามวรรคหนึ่งผู้ประกอบการจดทะเบียนที่มีสถานประกอบการหลายแห่งให้ยื่นผ่านสรรพากรพื้นที่ในเขตท้องที่ที่สถานประกอบการที่เป็นสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่โดยต้องยื่นคำขออนุมัติเป็นรายสถานประกอบการ และกรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกองบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ ให้ยื่นคำขออนุมัติผ่านผู้อำนวยการกองบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ

               กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งประสงค์จะยื่นคำขออนุมัติใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินเพื่อออกใบกำกับภาษีอย่างย่อตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง มีสิทธิยื่นรายการข้อมูลคำขออนุมัติดังกล่าวตามแบบคำขออนุมัติใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินเพื่อออกใบกำกับภาษีตามประมวลรัษฎากร (แบบ ภ.พ.06) ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทางเว็บไซต์ (Web Site) ของกรมสรรพากร www.rd.go.th พร้อมกับอัปโหลด (Upload) เอกสารและรายการตามข้อ 2 ประกอบคำขออนุมัติได้อีกวีธีหนึ่ง”

( แก้ไขเพิ่มเติมโดย ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 218) ใช้บังคับ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป )

 

 

                ข้อ 8   กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนมีความประสงค์จะใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินทั้งสำหรับออกใบกำกับภาษีอย่างย่อตามมาตรา 86/6 แห่งประมวลรัษฎากร และใบกำกับภาษีตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร จากเครื่องบันทึกการเก็บเงินเครื่องเดียวกันผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องปฏิบัติตามประกาศนี้ทุกกรณีโดยจะต้องระบุคุณสมบัติของเครื่องบันทึกการเก็บเงินและโปรแกรม รวมทั้งหลักการและวิธีการที่จะดำเนินการโดยละเอียด และห้ามใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินบันทึกรายการใด ๆ ในใบกำกับภาษีตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร จนกว่าจะได้รับอนุมัติให้ใช้สำหรับออกใบกำกับภาษีตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร จากเครื่องบันทึกการเก็บเงินเครื่องเดียวกันได้ด้วย

( แก้ไขเพิ่มเติมโดย ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 173) ใช้บังคับ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 เป็นต้นไป )

 

                ข้อ 9  กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนมีความประสงค์จะใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินที่มีลักษณะอื่นหรือไม่เป็นไปตามประกาศนี้ ให้แยกคำขออนุมัติใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินตามประกาศนี้ตามแบบที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด ซึ่งอธิบดีกรมสรรพากรจะพิจารณาอนุมัติหรือไม่หรือวางเงื่อนไขใด ๆ ก็ได้ และห้ามใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินดังกล่าวจนกว่าจะได้รับอนุมัติ

 

                ข้อ 10  อธิบดีกรมสรรพากรอาจกำหนดเงื่อนไขการใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินเพิ่มเติมเป็นการทั่วไป หรือเฉพาะรายผู้ประกอบการจดทะเบียน ซึ่งผู้ประกอบการจดทะเบียนจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวด้วย

 

                ข้อ 11   ผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินที่ได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากรตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 38) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์การขออนุมัติใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินเพื่อออกใบกำกับภาษีอย่างย่อ และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินตามมาตรา 86/6 แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2535 ให้ยังคงใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินดังกล่าวได้ต่อไป จนถึงวันที่ได้รับอนุมัติหรือไม่อนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากรตามประกาศฉบับนี้ ซึ่งต้องไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2536

 

                ข้อ 12  ในกรณีที่มีปัญหาในการปฏิบัติ ให้อธิบดีกรมสรรพากรมีอำนาจวินิจฉัย และคำวินิจฉัยของอธิบดีกรมสรรพากรให้ถือเป็นหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดตามประกาศนี้ด้วย

 

                ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2536 เป็นต้นไป

 

ประกาศ ณ วันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2536

 

ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล

อธิบดีกรมสรรพากร




เอกสารแนบ (1) แบบคำขออนุมัติใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินเพื่อออกใบกำกับภาษีตามประมวลรัษฎากร (ภ.พ.06)

เอกสารแนบ (2) หนังสืออนุมัติใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินตามข้อ 9 (ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 46) ลงวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2536)

เอกสารแนบ (3) แบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงการใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินที่เคยได้รับอนุมัติ (ภ.พ.06.1)

 

 

 

 

 

clear-gif

WCAG 2.0 (Level AA)

Last update :
 Monday, February 26, 2018

 
รูปมุมซ้าย
หน้าหลักรูปเส้นประEnglishรูปเส้นประแผนผังเว็บไซต์รูปเส้นประแนะนำเว็บไซต์รูปเส้นประติดต่อกรมสรรพากรรูปเส้นประ


 
สงวนลิขสิทธิ์โดยกรมสรรพากร : Website Policy : Privacy Policy : Website Security Policy : Disclaimer
 
กรมสรรพากร 90 ซอยพหลโยธิน 7 ถนนพหลโยธิน แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทร. 1161